หมูปรับราคาทั่วไทย สูงสุด 7 บาทต่อก.ก. ดันขายปลีก ทะยาน 200 บาท
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7025915
รายงานข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกกรแห่งชาติ แจ้งถึงสภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม (สัปดาห์ที่ 17/2565) ประจำวันที่ 30 เม.ย.2565 ว่า สมาคมฯได้ปรับขึ้นราคาลูกสุกรขุนหน้าฟาร์มทุกภาค โดยภาคตะวันตกปรับขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 98-100 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น156-160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 194-200บาท/ก.ก.
ภาคตะวันออก ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 98-100 บาท/ก.ก. ขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 156-160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เช่นกัน เป็น 194-200 บาท/ก.ก.
ภาค อีสาน ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 98-100 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 156-160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น194-200 บาท/ก.ก.
ภาคเหนือ ปรับขึ้น 4 บาท /ก.ก. ปรับ เป็น 100 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 7 บาท/ก.ก. เป็น 160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 8 บาท/ก.ก. เป็น198-200 บาท/ก.ก.
และภาคใต้ ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 96 บาท /ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/ก.ก. เป็น 156 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 194-196 บาท/ก.ก.
โดยผู้เลี้ยงสุกรทุกภูมิภาคร่วมสนองนโยบายรัฐบาลโดยรักษาระดับราคาหน้าฟาร์มอยู่ไม่เกิน 100 บาทต่อกิโลกรัม ในช่วงที่ทุกฝ่ายพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หลังเริ่มนโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ค. นี้
โดยพื้นที่ภาคเหนือยังคงพึ่งพาชิ้นส่วนสุกร และสุกรขุนจากภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งจะมีราคาในพื้นที่สูงกว่าพื้นที่อื่นเล็กน้อย ผู้เลี้ยงสุกรยังคงรับภาระต้นทุนการเข้มงวดด้านสุขภาพสัตว์ และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง และยังคงรอความชัดเจนกับแนวทางแก้ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์
แห่ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หลังสะพัดขึ้นราคา สาวโคราชโอด ชาวหอเดือดร้อน ของที่ถูกยังแพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3317828
แห่ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หลังสะพัดขึ้นราคา สาวโคราชโอด ชาวหอเดือดร้อนแน่-ของที่ถูกยังแพงได้อีก
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 65 เป็นต้นไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ ได้ปรับขึ้นราคาไปก่อนหน้านั้น ก็ทำให้หลายสินค้า เริ่มปรับราคาขึ้นตาม รวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่าง “มาม่า” ซึ่งมีการปรับราคาขายส่งขึ้น 10 สตางค์ต่อซองไปตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดตัวแทนจำหน่ายหรือซัพพลายเออร์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่ บริษัทไทยเพรสซิเด้นท์ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” ประกาศปรับราคาขายปลีกไปยังคู่ค้า ร้านโชว์ห่วย ซองละ 0.50-1 บาท ในเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากปัญหาค่าขนส่ง วัตถุดิบสำคัญ อาทิ แป้ง และน้ำมันพืช ที่ขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าต่างๆ อย่างเช่น ที่ร้านมิลค์กะมอส ถนนเดชอุดม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่า มีประชาชนที่ทราบข่าวว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” จะปรับขึ้นราคาในเดือนหน้า พากันมาซื้อ “มาม่า” ไปกักตุนไว้กันอย่างคึกคัก
จากการสอบถาม น.ส.
ภานุมาศ มาตรโคกสูง อายุ 30 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า ซื้อ “มาม่า” ไป 1 แพค เพื่อติดห้องไว้รับประทานในช่วงไม่ได้ทำกับข้าว เนื่องจากเป็นอาหารที่ทำรับประทานได้ง่าย สะดวก และอิ่มได้ในราคาประหยัดที่สุด ทุกครั้งที่เรายากลำบาก ไม่มีเงินซื้ออาหารรับประทาน มักจะคิดถึงมาม่าก่อนสิ่งอื่นใด แต่พอทราบข่าวว่ามาม่าจะขึ้นราคาก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าเราจะมาถึงยุคที่อะไรก็แพงไปหมด แม้กระทั่งมาม่า ที่คิดว่าราคาถูกแล้ว ก็ยังแพงได้อีก ทุกวันนี้เงิน 100 บาท กินข้าวได้แค่มื้อเดียว ต่างจากแต่ก่อนจะอยู่ได้ทั้งวัน
ด้าน น.ส.
ภัทรวดี น้อยกลาง อายุ 36 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา ที่มาซื้อมาม่ากักตุนไว้หลายแพค กล่าวว่า ปกติแล้วเพื่อนๆ นักศึกษาที่อยู่ในหอพัก ก็จะมีมาม่า และปลากระป๋อง ติดห้องไว้ตลอด เพราะเป็นอาหารที่ราคาประหยัด สามารถทำกินได้เองสะดวกสบาย แต่พอทราบข่าวว่ามาม่าจะขึ้นราคาก็รู้สึกตกใจ เพราะราคาปัจจุบันก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว ไม่อยากให้มาม่าขึ้นราคาอีก ซึ่งจะทำให้ชาวหอพักเดือดร้อนแน่นอน
พาเหรดขึ้นราคา หมู-ไก่-ไข่-น้ำมันปาล์ม-ปุ๋ย ร้านขายปุ๋ยถึงขั้นแยกชั่งกิโลฯขาย
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/288996
พาเหรดขึ้นราคา หมู-ไก่-ไข่-น้ำมันปาล์ม-ปุ๋ย ร้านขายปุ๋ยถึงขั้นแยกชั่งกิโลฯขาย
วันที่ 29 เม.ย.65 กรณี มาม่าบิ๊กแพค ขึ้นราคา ร.ต.
จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่การปรับขึ้นราคาขายปลีก มาม่าบิ๊กแพค สูตรดั้งเดิม แต่เป็นกรณีที่บริษัทยื่นเสนอขอตั้งราคาสินค้า มาม่าบิ๊กแพค ชนิดใหม่ ที่มีการปรับขนาดและสูตรใหม่ ซึ่งกรมการค้าภายใน ได้อนุมัติการตั้งราคาใหม่ไปแล้ว เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า บริษัทเสนอตั้งราคาจำหน่ายปลีก มาที่ 10 บาท/ซอง แต่กรมอนุมัติให้จำหน่ายที่ 9 บาท/ซอง ต่ำกว่าราคาที่บริษัทเสนอมา โดยขณะนี้บริษัทเริ่มนำสินค้าตัวใหม่ออกมาวางจำหน่ายแล้ว
ส่วน มาม่าบิ๊กแพค สูตรเดิม ยืนยันยังไม่มีการปรับราคาจำหน่ายปลีก ยังจำหน่ายในราคาเดิมซองละ 8 บาท และยังมีจำหน่ายในท้องตลาดตามปกติ
นอกจากนี้ เรื่องของแพง พบว่าหลายอย่างพาเหรดขึ้นราคา ข้อมูลจากกรมการค้าภายใน พบว่าหลายจังหวัด เนื้อไก่ ไข่ไก่เบอร์3 หมูเนื้อแดง ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงน้ำมันปาล์ม และปุ๋ย ด้วย
ที่อุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาปุ๋ยยูเรีย ที่เกษตรกรจำเป็นใช้หว่านบำรุงนาข้าว พืชผลทางการเกษตร ตามร้ายจำหน่ายปุ๋ย อุปกรณ์การเกษตร หลายแห่ง พบว่าราคาปุ๋ยปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทั้งผู้ประกอบการ และเกษตรกร
ซึ่งราคาปุ๋ยยูเรียทุกสูตรที่ขายตามหน้าร้าน เขตเทศบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี พบว่า เริ่มปรับขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน 65 รวมระยะเวลาเพียงไม่ถึง 4 เดือนมานี้ ราคาปุ๋ยยูเรีย กระสอบละ 50 กิโลกรัม มีการปรับราคาขึ้นไปสูงมากเกือบเท่าตัว โดยปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 ปัจจุบัน ขายลูกละ 1,700 จาก 630 บาท สูตร 16-16-16 ลูกละ 1,980 บาท จาก 880 บาท สูตร 15-15-15 ลูกละ 1,500 จาก 720 บาท สูตร 8-24-24 ลูกละ 2,380 จาก 1,280 บาท
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนในการทำนาปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ราคาขายข้าวเปลือกกลับต่ำลง อีกทั้งราคาปุ๋ยยูเรียที่ปรับสูงขึ้นระลอกนี้ ยังส่งผลกระทบต่อร้านค้าที่จำหน่ายปุ๋ยด้วยเช่นกัน เพราะราคาปุ๋ยที่พุ่งสูงขึ้นยอดขายก็ลดลงตามไปมาก ทำให้ร้านขายปุ๋ยบางแห่งถึงกับต้องชั่งกิโลฯปุ๋ยยูเรียทุกสูตร ขายถุงละ 1 กิโลกรัม เพื่อให้การซื้อขายปุ๋ยยูเรียยังคงเดินหน้าต่อไปได้
นาย
สงกรานต์ พันธุเมฆ เจ้าของร้านขายปุ๋ย ไทยนิมิต 2 เล่าว่า ราคาปุ๋ยยูเรียปรับสูงขึ้นมากต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม มาจนถึงเดือนเมษายน รวมแล้วสูงขึ้นมาเป็นเท่าตัว ทำให้ยอดขายพลอยลดลงตามไปด้วย เพราะเกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ อีกทั้งราคาข้าวเปลือกที่ขายได้ในตอนนี้ก็ยังมีราคาแค่เพียง 7,000 บาทเท่านั้น
ตั้งแต่ขายปุ๋ยมาเกือบ 20 ปี นี่เป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ที่ผ่านช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งครั้งที่ผ่านมา ที่ราคาปุ๋ยปรับสูงขึ้นมามากขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ทางร้านต้องปรับตัว หาวิธีขายปุ๋ยยูเรียทุกสูตรแบบแยกใส่ถุงชั่งกิโลขาย ถุงละ 1 กิโลกรัม ๆ ละ 40 บาท เพื่อให้ลูกค้าพอมีกำลังซื้อได้ง่ายขึ้น
ด้านเกษตรกรรายหนึ่งที่เดินทางมาซื้อปุ๋ย เล่าว่า ทำนาครั้งหนึ่ง ต้องซื้อปุ๋ยหว่านถึง 3 รอบ ซึ่งตอนนี้ปุ๋ยขึ้นราคาไปสูงมากจริง ๆ แต่เลิกซื้อปุ๋ยหว่านไม่ได้ เพราะถ้าไม่หว่านปุ๋ยบำรุง ข้าวก็ไม่ออกรวงดีเท่าที่ควร อีกทั้งราคาข้าวเปลือกก็ยังต่ำลงมาก ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่ลดปริมาณปุ๋ยหว่านลง เพื่อให้ข้าวในนาให้ผลผลิตพอให้อยู่ได้บ้าง
เกษตรกร-ชาวกาญจน์ แห่หิ้วถัง ตุนน้ำมันก่อนราคาขึ้น พนง.ปั๊มเผย ตุนมากสุดถึง 4,000 ลิตร
https://www.matichon.co.th/economy/news_3318069
ปชช.แห่เติมน้ำมัน ชาวเกษตรหิ้วถังตระเวนกักตุน ก่อนพรุ่งนี้ปรับขึ้น พบบางปั๊มอ้างน้ำมันหมด ขณะที่ไรเดอร์ส่งอาหาร ตุนใส่ขวด หวังต่อลมหายใจ
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ปั๊มน้ำมัน ใน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบว่า มีประชาชนแห่นำรถไปเติมน้ำมันกันอย่างคึกคัก โดยเจ้าหน้าที่ปั๊ม แจ้งกับประชาชนที่นำรถเข้าไปเติมน้ำมันว่า วันนี้น้ำมันในปั๊มหมด ให้นำรถมาเติมวันพรุ่งนี้ ส่งผลให้บรรดาผู้ใช้รถต่างผิดหวังและขับออกไป โดยผู้ใช้บริการบางรายคาดว่าน่าจะเป็นการสำรองน้ำมันไว้รอขายวันรุ่งขึ้น ที่มีการปรับราคา
สำหรับบางปั๊มที่จำหน่ายน้ำมัน 24 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถน้ำมันขนาดใหญ่นำน้ำมันไปลงเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้รถ ขณะที่ประชาชนได้นำรถยนต์และจักรยานยนต์ เข้าไปรอต่อคิวเพื่อเติมน้ำมันมากกว่าปกติ โดยส่วนมากเติมแบบเต็มถัง เนื่องจากราคาน้ำมันจะปรับขึ้นในวันพรุ่งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังพบไรเดอร์ส่งอาหารเข้ามาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังนำขวดน้ำอัดลมมาบรรจุเพื่อกักตุนน้ำมันอีกด้วย
บางรายระบุว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร ที่ผ่านมาก็ปรับขึ้นตลอด แต่รถก็จำเป็นต้องใช้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คงต้องทนกันไป เมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นก็ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากนี้ยังพบว่ามีประชาชนนำถังขนาด 200 ลิตร ใส่ท้ายกระบะออกไปซื้อน้ำมันเพื่อกักตุนไว้
จากการสอบถาม ทราบว่า ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งต้องใช้น้ำมันจำนวนมาก และได้ออกตระเวนนำถังออกไปซื้อน้ำมันตั้งแต่ช่วงเช้า แต่บางปั๊มก็บอกน้ำมันหมด โดยเฉพาะปั๊มนอกเมืองที่ไม่มีน้ำมันขายแล้ว จึงต้องซื้อเก็บไว้ เนื่องจากมีรถบรรทุก รถไถนา รวมถึงเครื่องยนต์ทางการเกษตรของตนจำเป็นต้องใช้น้ำมัน ซึ่งแต่ละปีใช้น้ำมันไม่ต่ำกว่า 10,000 ลิตร เมื่อน้ำมันขึ้นราคาก็ต้องแบกรับภาระมากยิ่งขึ้น และไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องสู้กันต่อไป ทั้งยังฝากไปยังรัฐบาลด้วยว่า ให้ดูแลประชาชนรากหญ้าที่กำลังจะตายจากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะต้องเผชิญหนักขึ้นในอนาคตนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่บางปั๊มน้ำมันแจ้งว่า มีลูกค้าแจ้งซื้อน้ำมันในวันนี้บางรายมากถึง 4,000 ลิตร จึงต้องเร่งให้ทางคลัง เร่งนำน้ำมันมาส่งเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการลูกค้า ก่อนที่น้ำมันจะปรับขึ้นในวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน
ปั๊มน้ำมันอีกแห่งระบุว่า เมื่อบรรดาผู้ใช้รถทราบว่าน้ำมันจะปรับขึ้นราคาจากที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ ก็พากันนำรถไปเติมน้ำมันมากกว่าปกติ โดยครั้งนี้ได้นำถังไปใส่เพื่อสำรองน้ำมันกันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมันดีเซล
JJNY : 6in1 หมูทะยาน200│โอดของถูกยังแพง│ปุ๋ยถึงขั้นแยกชั่งกิโลฯขาย│กาญจน์แห่ตุนน้ำมัน│สุทินเชื่อหักดิบแล้ว│พิเชษฐเตือน
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7025915
รายงานข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกกรแห่งชาติ แจ้งถึงสภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม (สัปดาห์ที่ 17/2565) ประจำวันที่ 30 เม.ย.2565 ว่า สมาคมฯได้ปรับขึ้นราคาลูกสุกรขุนหน้าฟาร์มทุกภาค โดยภาคตะวันตกปรับขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 98-100 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น156-160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 194-200บาท/ก.ก.
ภาคตะวันออก ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 98-100 บาท/ก.ก. ขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 156-160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เช่นกัน เป็น 194-200 บาท/ก.ก.
ภาค อีสาน ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 98-100 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 156-160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น194-200 บาท/ก.ก.
ภาคเหนือ ปรับขึ้น 4 บาท /ก.ก. ปรับ เป็น 100 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 7 บาท/ก.ก. เป็น 160 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 8 บาท/ก.ก. เป็น198-200 บาท/ก.ก.
และภาคใต้ ปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 96 บาท /ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/ก.ก. เป็น 156 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีกทั่วไป ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 194-196 บาท/ก.ก.
โดยผู้เลี้ยงสุกรทุกภูมิภาคร่วมสนองนโยบายรัฐบาลโดยรักษาระดับราคาหน้าฟาร์มอยู่ไม่เกิน 100 บาทต่อกิโลกรัม ในช่วงที่ทุกฝ่ายพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หลังเริ่มนโยบายเปิดประเทศ 1 พ.ค. นี้
โดยพื้นที่ภาคเหนือยังคงพึ่งพาชิ้นส่วนสุกร และสุกรขุนจากภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งจะมีราคาในพื้นที่สูงกว่าพื้นที่อื่นเล็กน้อย ผู้เลี้ยงสุกรยังคงรับภาระต้นทุนการเข้มงวดด้านสุขภาพสัตว์ และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาสูงอย่างต่อเนื่อง และยังคงรอความชัดเจนกับแนวทางแก้ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์
แห่ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หลังสะพัดขึ้นราคา สาวโคราชโอด ชาวหอเดือดร้อน ของที่ถูกยังแพง
https://www.matichon.co.th/economy/news_3317828
แห่ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หลังสะพัดขึ้นราคา สาวโคราชโอด ชาวหอเดือดร้อนแน่-ของที่ถูกยังแพงได้อีก
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 65 เป็นต้นไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบอื่นๆ ได้ปรับขึ้นราคาไปก่อนหน้านั้น ก็ทำให้หลายสินค้า เริ่มปรับราคาขึ้นตาม รวมถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่าง “มาม่า” ซึ่งมีการปรับราคาขายส่งขึ้น 10 สตางค์ต่อซองไปตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดตัวแทนจำหน่ายหรือซัพพลายเออร์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่ บริษัทไทยเพรสซิเด้นท์ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” ประกาศปรับราคาขายปลีกไปยังคู่ค้า ร้านโชว์ห่วย ซองละ 0.50-1 บาท ในเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากปัญหาค่าขนส่ง วัตถุดิบสำคัญ อาทิ แป้ง และน้ำมันพืช ที่ขึ้นราคามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด วันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าต่างๆ อย่างเช่น ที่ร้านมิลค์กะมอส ถนนเดชอุดม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่า มีประชาชนที่ทราบข่าวว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” จะปรับขึ้นราคาในเดือนหน้า พากันมาซื้อ “มาม่า” ไปกักตุนไว้กันอย่างคึกคัก
จากการสอบถาม น.ส.ภานุมาศ มาตรโคกสูง อายุ 30 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า ซื้อ “มาม่า” ไป 1 แพค เพื่อติดห้องไว้รับประทานในช่วงไม่ได้ทำกับข้าว เนื่องจากเป็นอาหารที่ทำรับประทานได้ง่าย สะดวก และอิ่มได้ในราคาประหยัดที่สุด ทุกครั้งที่เรายากลำบาก ไม่มีเงินซื้ออาหารรับประทาน มักจะคิดถึงมาม่าก่อนสิ่งอื่นใด แต่พอทราบข่าวว่ามาม่าจะขึ้นราคาก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าเราจะมาถึงยุคที่อะไรก็แพงไปหมด แม้กระทั่งมาม่า ที่คิดว่าราคาถูกแล้ว ก็ยังแพงได้อีก ทุกวันนี้เงิน 100 บาท กินข้าวได้แค่มื้อเดียว ต่างจากแต่ก่อนจะอยู่ได้ทั้งวัน
ด้าน น.ส.ภัทรวดี น้อยกลาง อายุ 36 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา ที่มาซื้อมาม่ากักตุนไว้หลายแพค กล่าวว่า ปกติแล้วเพื่อนๆ นักศึกษาที่อยู่ในหอพัก ก็จะมีมาม่า และปลากระป๋อง ติดห้องไว้ตลอด เพราะเป็นอาหารที่ราคาประหยัด สามารถทำกินได้เองสะดวกสบาย แต่พอทราบข่าวว่ามาม่าจะขึ้นราคาก็รู้สึกตกใจ เพราะราคาปัจจุบันก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว ไม่อยากให้มาม่าขึ้นราคาอีก ซึ่งจะทำให้ชาวหอพักเดือดร้อนแน่นอน
พาเหรดขึ้นราคา หมู-ไก่-ไข่-น้ำมันปาล์ม-ปุ๋ย ร้านขายปุ๋ยถึงขั้นแยกชั่งกิโลฯขาย
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/288996
พาเหรดขึ้นราคา หมู-ไก่-ไข่-น้ำมันปาล์ม-ปุ๋ย ร้านขายปุ๋ยถึงขั้นแยกชั่งกิโลฯขาย
วันที่ 29 เม.ย.65 กรณี มาม่าบิ๊กแพค ขึ้นราคา ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่การปรับขึ้นราคาขายปลีก มาม่าบิ๊กแพค สูตรดั้งเดิม แต่เป็นกรณีที่บริษัทยื่นเสนอขอตั้งราคาสินค้า มาม่าบิ๊กแพค ชนิดใหม่ ที่มีการปรับขนาดและสูตรใหม่ ซึ่งกรมการค้าภายใน ได้อนุมัติการตั้งราคาใหม่ไปแล้ว เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า บริษัทเสนอตั้งราคาจำหน่ายปลีก มาที่ 10 บาท/ซอง แต่กรมอนุมัติให้จำหน่ายที่ 9 บาท/ซอง ต่ำกว่าราคาที่บริษัทเสนอมา โดยขณะนี้บริษัทเริ่มนำสินค้าตัวใหม่ออกมาวางจำหน่ายแล้ว
ส่วน มาม่าบิ๊กแพค สูตรเดิม ยืนยันยังไม่มีการปรับราคาจำหน่ายปลีก ยังจำหน่ายในราคาเดิมซองละ 8 บาท และยังมีจำหน่ายในท้องตลาดตามปกติ
นอกจากนี้ เรื่องของแพง พบว่าหลายอย่างพาเหรดขึ้นราคา ข้อมูลจากกรมการค้าภายใน พบว่าหลายจังหวัด เนื้อไก่ ไข่ไก่เบอร์3 หมูเนื้อแดง ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงน้ำมันปาล์ม และปุ๋ย ด้วย
ที่อุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาปุ๋ยยูเรีย ที่เกษตรกรจำเป็นใช้หว่านบำรุงนาข้าว พืชผลทางการเกษตร ตามร้ายจำหน่ายปุ๋ย อุปกรณ์การเกษตร หลายแห่ง พบว่าราคาปุ๋ยปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทั้งผู้ประกอบการ และเกษตรกร
ซึ่งราคาปุ๋ยยูเรียทุกสูตรที่ขายตามหน้าร้าน เขตเทศบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี พบว่า เริ่มปรับขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนเมษายน 65 รวมระยะเวลาเพียงไม่ถึง 4 เดือนมานี้ ราคาปุ๋ยยูเรีย กระสอบละ 50 กิโลกรัม มีการปรับราคาขึ้นไปสูงมากเกือบเท่าตัว โดยปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 ปัจจุบัน ขายลูกละ 1,700 จาก 630 บาท สูตร 16-16-16 ลูกละ 1,980 บาท จาก 880 บาท สูตร 15-15-15 ลูกละ 1,500 จาก 720 บาท สูตร 8-24-24 ลูกละ 2,380 จาก 1,280 บาท
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนในการทำนาปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ราคาขายข้าวเปลือกกลับต่ำลง อีกทั้งราคาปุ๋ยยูเรียที่ปรับสูงขึ้นระลอกนี้ ยังส่งผลกระทบต่อร้านค้าที่จำหน่ายปุ๋ยด้วยเช่นกัน เพราะราคาปุ๋ยที่พุ่งสูงขึ้นยอดขายก็ลดลงตามไปมาก ทำให้ร้านขายปุ๋ยบางแห่งถึงกับต้องชั่งกิโลฯปุ๋ยยูเรียทุกสูตร ขายถุงละ 1 กิโลกรัม เพื่อให้การซื้อขายปุ๋ยยูเรียยังคงเดินหน้าต่อไปได้
นายสงกรานต์ พันธุเมฆ เจ้าของร้านขายปุ๋ย ไทยนิมิต 2 เล่าว่า ราคาปุ๋ยยูเรียปรับสูงขึ้นมากต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม มาจนถึงเดือนเมษายน รวมแล้วสูงขึ้นมาเป็นเท่าตัว ทำให้ยอดขายพลอยลดลงตามไปด้วย เพราะเกษตรกรไม่มีกำลังซื้อ อีกทั้งราคาข้าวเปลือกที่ขายได้ในตอนนี้ก็ยังมีราคาแค่เพียง 7,000 บาทเท่านั้น
ตั้งแต่ขายปุ๋ยมาเกือบ 20 ปี นี่เป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ที่ผ่านช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งครั้งที่ผ่านมา ที่ราคาปุ๋ยปรับสูงขึ้นมามากขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ทางร้านต้องปรับตัว หาวิธีขายปุ๋ยยูเรียทุกสูตรแบบแยกใส่ถุงชั่งกิโลขาย ถุงละ 1 กิโลกรัม ๆ ละ 40 บาท เพื่อให้ลูกค้าพอมีกำลังซื้อได้ง่ายขึ้น
ด้านเกษตรกรรายหนึ่งที่เดินทางมาซื้อปุ๋ย เล่าว่า ทำนาครั้งหนึ่ง ต้องซื้อปุ๋ยหว่านถึง 3 รอบ ซึ่งตอนนี้ปุ๋ยขึ้นราคาไปสูงมากจริง ๆ แต่เลิกซื้อปุ๋ยหว่านไม่ได้ เพราะถ้าไม่หว่านปุ๋ยบำรุง ข้าวก็ไม่ออกรวงดีเท่าที่ควร อีกทั้งราคาข้าวเปลือกก็ยังต่ำลงมาก ตอนนี้ที่ทำได้ก็แค่ลดปริมาณปุ๋ยหว่านลง เพื่อให้ข้าวในนาให้ผลผลิตพอให้อยู่ได้บ้าง
เกษตรกร-ชาวกาญจน์ แห่หิ้วถัง ตุนน้ำมันก่อนราคาขึ้น พนง.ปั๊มเผย ตุนมากสุดถึง 4,000 ลิตร
https://www.matichon.co.th/economy/news_3318069
ปชช.แห่เติมน้ำมัน ชาวเกษตรหิ้วถังตระเวนกักตุน ก่อนพรุ่งนี้ปรับขึ้น พบบางปั๊มอ้างน้ำมันหมด ขณะที่ไรเดอร์ส่งอาหาร ตุนใส่ขวด หวังต่อลมหายใจ
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ปั๊มน้ำมัน ใน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบว่า มีประชาชนแห่นำรถไปเติมน้ำมันกันอย่างคึกคัก โดยเจ้าหน้าที่ปั๊ม แจ้งกับประชาชนที่นำรถเข้าไปเติมน้ำมันว่า วันนี้น้ำมันในปั๊มหมด ให้นำรถมาเติมวันพรุ่งนี้ ส่งผลให้บรรดาผู้ใช้รถต่างผิดหวังและขับออกไป โดยผู้ใช้บริการบางรายคาดว่าน่าจะเป็นการสำรองน้ำมันไว้รอขายวันรุ่งขึ้น ที่มีการปรับราคา
สำหรับบางปั๊มที่จำหน่ายน้ำมัน 24 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถน้ำมันขนาดใหญ่นำน้ำมันไปลงเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้รถ ขณะที่ประชาชนได้นำรถยนต์และจักรยานยนต์ เข้าไปรอต่อคิวเพื่อเติมน้ำมันมากกว่าปกติ โดยส่วนมากเติมแบบเต็มถัง เนื่องจากราคาน้ำมันจะปรับขึ้นในวันพรุ่งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังพบไรเดอร์ส่งอาหารเข้ามาเติมน้ำมันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังนำขวดน้ำอัดลมมาบรรจุเพื่อกักตุนน้ำมันอีกด้วย
บางรายระบุว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร ที่ผ่านมาก็ปรับขึ้นตลอด แต่รถก็จำเป็นต้องใช้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ คงต้องทนกันไป เมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นก็ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากนี้ยังพบว่ามีประชาชนนำถังขนาด 200 ลิตร ใส่ท้ายกระบะออกไปซื้อน้ำมันเพื่อกักตุนไว้
จากการสอบถาม ทราบว่า ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งต้องใช้น้ำมันจำนวนมาก และได้ออกตระเวนนำถังออกไปซื้อน้ำมันตั้งแต่ช่วงเช้า แต่บางปั๊มก็บอกน้ำมันหมด โดยเฉพาะปั๊มนอกเมืองที่ไม่มีน้ำมันขายแล้ว จึงต้องซื้อเก็บไว้ เนื่องจากมีรถบรรทุก รถไถนา รวมถึงเครื่องยนต์ทางการเกษตรของตนจำเป็นต้องใช้น้ำมัน ซึ่งแต่ละปีใช้น้ำมันไม่ต่ำกว่า 10,000 ลิตร เมื่อน้ำมันขึ้นราคาก็ต้องแบกรับภาระมากยิ่งขึ้น และไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องสู้กันต่อไป ทั้งยังฝากไปยังรัฐบาลด้วยว่า ให้ดูแลประชาชนรากหญ้าที่กำลังจะตายจากสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะต้องเผชิญหนักขึ้นในอนาคตนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่บางปั๊มน้ำมันแจ้งว่า มีลูกค้าแจ้งซื้อน้ำมันในวันนี้บางรายมากถึง 4,000 ลิตร จึงต้องเร่งให้ทางคลัง เร่งนำน้ำมันมาส่งเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการลูกค้า ก่อนที่น้ำมันจะปรับขึ้นในวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน
ปั๊มน้ำมันอีกแห่งระบุว่า เมื่อบรรดาผู้ใช้รถทราบว่าน้ำมันจะปรับขึ้นราคาจากที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ ก็พากันนำรถไปเติมน้ำมันมากกว่าปกติ โดยครั้งนี้ได้นำถังไปใส่เพื่อสำรองน้ำมันกันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมันดีเซล