โรคจิตที่ว่าอยู่บ้านตรงข้ามค่ะ
เริ่มตั้งแต่กลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ปี 1 โรคจิตคนนี้เดินตามเราไปขึ้นรถเมล์ไปเรียนที่มหาลัยตลอด เป็นเวลาหลายเดือน
จนมีวันนึงโรคจิตคนนี้เอามือถือมาถ่ายใต้กระโปรงเรา วันนั้นเราใส่กระโปรงพีท เรารีบโทรฟ้องแม่ว่าถูกคนๆนี้เอามือถือมาถ่าย
คุณแม่มาดักรอที่หน้าปากซอยตอนที่มันเดินกลับ คุณแม่ด่ามัน รวมทั้งไปคุยกับครอบครัวมัน มันหยุดตามเราไปพักนึงค่ะ
คุณแม่ต้องเดินมาส่งที่ป้ายรถเมล์ตลอด ขากลับพี่ชายต้องมารอรับ ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนมากค่ะ
มันก็หยุดตามไปเพราะแม่และพี่ชายมารอรับส่ง แต่มันมาขโมยกระโปรงนักศึกษาเราไปแทน เราสังเกตุว่าทำไมกระโปรงนักศึกษาหายตลอดเลย จนเพื่อนบ้านที่เห็นบอกว่ามันมาสอยเอาไปคุณแม่ก็ตามไปต่อว่า พอเรามีแฟน แฟนมารับมาส่งที่บ้าน มันก็เลิกตามเราไปค่ะ
จนเราเรียนจบทำงาน มันก็เดินตามเราไปที่ทำงาน จนพี่ๆที่ทำงานผิดสังเกตว่าทำไมทุกเช้าที่เราเดินมาทำงานจะมีผู้ชายคนนี้ตามมาตลอด จนมีอยู่วันนึงมันพยายามจะตามเข้ามาถึงใน office แต่ยามไม่ให้เข้าค่ะ มันอ้างว่าเราเป็นเมียมัน ทำไมจะตามไปไม่ได้ แต่ยามไม่เชื่อ
จนพี่ๆและผู้ใหญ่ที่ทำงานต้องให้ยามมารอรับเรา และให้คนมาส่งที่บ้าน จนคุณแม่ไปปรึกษาเพื่อนบ้านในระแวกใกล้เคียง เพื่อนบ้านแนะนำว่าให้แจ้งความค่ะ
เราก็ไปแจ้งความ ทางคุณตำรวจก็มาไกล่เกลี่ย ทางแม่ของคนโรคจิตก็มายกมือไหว้แม่เราอ้อนวอนว่าไม่ให้ดำเนินคดีกับลูกเค้า แต่ญาติพี่น้องเค้ามาต่อว่าเราค่ะ ว่าทำเป็นเรื่องใหญ่มีปากทำไมไม่ด่ามันไป สุดท้ายทางคุณตำรวจข่มขู่ ลงบันทึกประจำวัน และให้เบอร์ตำรวจสายตรวจกับเราถ้ามันมาตามเราอีกให้เราแจ้งเลย
จนคุณแม่เราเสียเพราะโรคปอด เราแต่งงานสามีมาอยู่ที่บ้าน มีลูกแล้วค่ะ มาตามเราต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ เพราะสามีขับรถรับส่งตลอด แต่โรคจิตคนนี้ยังมาคุ้ยขยะ (เราชอบเอาเสื้อผ้าเก่าๆ ชุดชั้นใน ห่อทิ้งขยะค่ะ) มาอ่านจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ เวลาสามีเราลืมล็อคบ้าน มันก็แอบเข้ามาขโมยของ
มาชะโงกดูเรา มาสอยชุดนอนเรา มาขโมยหินโรยต้นไม้เราบ้าง มาขโมยปลาในบ่อที่เราเลี้ยงไว้บ้าง จนเพื่อนบ้านเรามาบอก ทำให้เราติดกล้องวงจรปิดค่ะ ทุกครั้งที่เราอยู่บ้านเค้าจะมาซุ่มดูเราตลอด จนล่าสุดมาคุ้ยขยะบ้านเราค่ะ จนสามีเราต่อว่า
ทำให้โรคจิตและญาติพี่น้องเค้ามาต่อว่าบุพการีเรา (จริงๆบ้านเค้าด่าพ่อแม่เค้าเองเป็นเรื่องปกติค่ะ) มาทำร้ายร่างกายเราค่ะ แต่เราสู้ค่ะ แต่ญาติพี่น้องเค้ามารุมทำร้ายเรา จนเราไปแจ้งความครั้งที่ 2 แต่ทางญาติพี่น้องเค้าไม่ยอมพาโรคจิตคนนี้มาที่โรงพัก โดยทางพี่สาวของโรคจิตคนนี้บอกกับคุณตำรวจว่า เพราะเราแต่งตัวเซ็กซี่ ใส่เสื้อรัด ใส่กระโปรงสั้น เป็นจุดสนใจ ทำให้น้องชายเค้าตามค่ะ
เราไม่ยอมความ เราต้องการให้ทางครอบครัวเค้าพาเค้าไปรักษา หรือดูแลไม่ให้มาก่อความเดือดร้อนกับเรา แต่ทางญาติพี่น้องเค้าบอกว่า น้องชายไม่ได้เป็นโรคจิต แค่สอดรู้สอดเห็นค่ะ แถมต่อว่าเราว่า หากมีเหตุการณ์แบบนี้ทำไมไม่มาบอกเค้า เค้าจะได้ไปด่าน้องเค้าเองค่ะ
แต่โรคจิตคนนี้ไม่ได้ทำกับเราแค่คนเดียวนะคะ ยังไปคุกคามเพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียง และก่อความเดือดร้อนอื่นๆ ซึ่งเราไปทำงานเช้าตลอดเลยไม่ทราบเลย ตามที่เพื่อนบ้านเรามาเล่าให้เราฟัง เช่น
1. เอาอุจจาระคนใส่ถุงแล้วผูกใส่ไม้กวาดยากไหย่ แอบหย่อนไปทิ้งที่เพื่อนบ้านข้างหลังบ้านเค้า จนบ้านหลังนั้นขายบ้านทิ้งเลยค่ะ หนีไปอยู่ที่อื่น (เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนพาเราไปแจ้งความครั้งแรก)
2. เอากระโปรงนักศึกษาที่ขโมยมาใส่แล้วเต้นอยู่บนระเบียงบ้าน
3. ไปเก็บแมวจรมาเลี้ยงตลอด แต่ไม่มีเงินพาไปฉีดยา บ้างครั้งแมวกัดกันเสียงดังตายคากรงเลยก็มี
4. ไม่มีเงินพาแมวไปทำหมัน พอแมวหง่าวเสียงดัง คนในครอบครัวเค้าก็เอาไม้กวาดแยงเข้าไปตีในกรง ทำให้แมวตาหลุดออกจากเบ้าบ้าง
5. กวาดขี้แมวมาล้างหน้าบ้านทุกวัน ทำให้ท่อน้ำบ้านข้างๆเค้าตันค่ะ บ้านข้างๆเค้าต้องออกมาลอดท่อ โดยที่บ้านนี้ไม่รับผิดชอบเลย
6. เดินตามคนในซอย เกือบทุกครั้ง ล่าสุดไปตามน้องมัธยมข้างบ้านเราค่ะ ขี่มอเตอร์ไซค์ตามน้องเค้า มาด่าน้องเค้าว่าแรด อีกหน่อยจะท้องไม่มีพ่อ
7. บ้านโรคจิตหลังนี้จะชอบทะเลาะกันเอง 4-5 ทุ่มทุกวัน เคยมีคนระแวกบ้านไปแจ้งความเรื่องเสียงดังไว้แล้วด้วย
8. ชอบเอาขยะบ้านตัวเองไปทิ้งบ้านคนอื่นค่ะ
9. ขโมยต้นไม้บ้านคนอื่นมาปลูกที่บ้านค่ะ
การกระทำของเค้าส่งผลต่อจิตใจเรามาตลอด 15 ปี ทำให้เราไม่กล้าใส่กระโปรง ไม่ออกจากบ้าน วิตกจริตตลอด พอไปแจ้งความ ทางคุณตำรวจก็บอกว่า เป็นแค่เหตุก่อให้เกิดความรำคาญ ทางคุณตำรวจไม่มีอำนาจที่ไปบังคับให้ครอบครัวเค้าพาไปหาหมอ
เราไม่รู้จะบรรยายความรู้สึก และความทุกข์ของเราออกมายังไงกับการโดนตามและคุกคามแบบนี้ตลอด 15 ปีที่ผ่านมานี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
ขอเล่าประสบการณ์โดนโรคจิตตามและคุกคามมา 15 ปี
เริ่มตั้งแต่กลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ปี 1 โรคจิตคนนี้เดินตามเราไปขึ้นรถเมล์ไปเรียนที่มหาลัยตลอด เป็นเวลาหลายเดือน
จนมีวันนึงโรคจิตคนนี้เอามือถือมาถ่ายใต้กระโปรงเรา วันนั้นเราใส่กระโปรงพีท เรารีบโทรฟ้องแม่ว่าถูกคนๆนี้เอามือถือมาถ่าย
คุณแม่มาดักรอที่หน้าปากซอยตอนที่มันเดินกลับ คุณแม่ด่ามัน รวมทั้งไปคุยกับครอบครัวมัน มันหยุดตามเราไปพักนึงค่ะ
คุณแม่ต้องเดินมาส่งที่ป้ายรถเมล์ตลอด ขากลับพี่ชายต้องมารอรับ ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนมากค่ะ
มันก็หยุดตามไปเพราะแม่และพี่ชายมารอรับส่ง แต่มันมาขโมยกระโปรงนักศึกษาเราไปแทน เราสังเกตุว่าทำไมกระโปรงนักศึกษาหายตลอดเลย จนเพื่อนบ้านที่เห็นบอกว่ามันมาสอยเอาไปคุณแม่ก็ตามไปต่อว่า พอเรามีแฟน แฟนมารับมาส่งที่บ้าน มันก็เลิกตามเราไปค่ะ
จนเราเรียนจบทำงาน มันก็เดินตามเราไปที่ทำงาน จนพี่ๆที่ทำงานผิดสังเกตว่าทำไมทุกเช้าที่เราเดินมาทำงานจะมีผู้ชายคนนี้ตามมาตลอด จนมีอยู่วันนึงมันพยายามจะตามเข้ามาถึงใน office แต่ยามไม่ให้เข้าค่ะ มันอ้างว่าเราเป็นเมียมัน ทำไมจะตามไปไม่ได้ แต่ยามไม่เชื่อ
จนพี่ๆและผู้ใหญ่ที่ทำงานต้องให้ยามมารอรับเรา และให้คนมาส่งที่บ้าน จนคุณแม่ไปปรึกษาเพื่อนบ้านในระแวกใกล้เคียง เพื่อนบ้านแนะนำว่าให้แจ้งความค่ะ
เราก็ไปแจ้งความ ทางคุณตำรวจก็มาไกล่เกลี่ย ทางแม่ของคนโรคจิตก็มายกมือไหว้แม่เราอ้อนวอนว่าไม่ให้ดำเนินคดีกับลูกเค้า แต่ญาติพี่น้องเค้ามาต่อว่าเราค่ะ ว่าทำเป็นเรื่องใหญ่มีปากทำไมไม่ด่ามันไป สุดท้ายทางคุณตำรวจข่มขู่ ลงบันทึกประจำวัน และให้เบอร์ตำรวจสายตรวจกับเราถ้ามันมาตามเราอีกให้เราแจ้งเลย
จนคุณแม่เราเสียเพราะโรคปอด เราแต่งงานสามีมาอยู่ที่บ้าน มีลูกแล้วค่ะ มาตามเราต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ เพราะสามีขับรถรับส่งตลอด แต่โรคจิตคนนี้ยังมาคุ้ยขยะ (เราชอบเอาเสื้อผ้าเก่าๆ ชุดชั้นใน ห่อทิ้งขยะค่ะ) มาอ่านจดหมายที่ตู้ไปรษณีย์ เวลาสามีเราลืมล็อคบ้าน มันก็แอบเข้ามาขโมยของ
มาชะโงกดูเรา มาสอยชุดนอนเรา มาขโมยหินโรยต้นไม้เราบ้าง มาขโมยปลาในบ่อที่เราเลี้ยงไว้บ้าง จนเพื่อนบ้านเรามาบอก ทำให้เราติดกล้องวงจรปิดค่ะ ทุกครั้งที่เราอยู่บ้านเค้าจะมาซุ่มดูเราตลอด จนล่าสุดมาคุ้ยขยะบ้านเราค่ะ จนสามีเราต่อว่า
ทำให้โรคจิตและญาติพี่น้องเค้ามาต่อว่าบุพการีเรา (จริงๆบ้านเค้าด่าพ่อแม่เค้าเองเป็นเรื่องปกติค่ะ) มาทำร้ายร่างกายเราค่ะ แต่เราสู้ค่ะ แต่ญาติพี่น้องเค้ามารุมทำร้ายเรา จนเราไปแจ้งความครั้งที่ 2 แต่ทางญาติพี่น้องเค้าไม่ยอมพาโรคจิตคนนี้มาที่โรงพัก โดยทางพี่สาวของโรคจิตคนนี้บอกกับคุณตำรวจว่า เพราะเราแต่งตัวเซ็กซี่ ใส่เสื้อรัด ใส่กระโปรงสั้น เป็นจุดสนใจ ทำให้น้องชายเค้าตามค่ะ
เราไม่ยอมความ เราต้องการให้ทางครอบครัวเค้าพาเค้าไปรักษา หรือดูแลไม่ให้มาก่อความเดือดร้อนกับเรา แต่ทางญาติพี่น้องเค้าบอกว่า น้องชายไม่ได้เป็นโรคจิต แค่สอดรู้สอดเห็นค่ะ แถมต่อว่าเราว่า หากมีเหตุการณ์แบบนี้ทำไมไม่มาบอกเค้า เค้าจะได้ไปด่าน้องเค้าเองค่ะ
แต่โรคจิตคนนี้ไม่ได้ทำกับเราแค่คนเดียวนะคะ ยังไปคุกคามเพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียง และก่อความเดือดร้อนอื่นๆ ซึ่งเราไปทำงานเช้าตลอดเลยไม่ทราบเลย ตามที่เพื่อนบ้านเรามาเล่าให้เราฟัง เช่น
1. เอาอุจจาระคนใส่ถุงแล้วผูกใส่ไม้กวาดยากไหย่ แอบหย่อนไปทิ้งที่เพื่อนบ้านข้างหลังบ้านเค้า จนบ้านหลังนั้นขายบ้านทิ้งเลยค่ะ หนีไปอยู่ที่อื่น (เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนพาเราไปแจ้งความครั้งแรก)
2. เอากระโปรงนักศึกษาที่ขโมยมาใส่แล้วเต้นอยู่บนระเบียงบ้าน
3. ไปเก็บแมวจรมาเลี้ยงตลอด แต่ไม่มีเงินพาไปฉีดยา บ้างครั้งแมวกัดกันเสียงดังตายคากรงเลยก็มี
4. ไม่มีเงินพาแมวไปทำหมัน พอแมวหง่าวเสียงดัง คนในครอบครัวเค้าก็เอาไม้กวาดแยงเข้าไปตีในกรง ทำให้แมวตาหลุดออกจากเบ้าบ้าง
5. กวาดขี้แมวมาล้างหน้าบ้านทุกวัน ทำให้ท่อน้ำบ้านข้างๆเค้าตันค่ะ บ้านข้างๆเค้าต้องออกมาลอดท่อ โดยที่บ้านนี้ไม่รับผิดชอบเลย
6. เดินตามคนในซอย เกือบทุกครั้ง ล่าสุดไปตามน้องมัธยมข้างบ้านเราค่ะ ขี่มอเตอร์ไซค์ตามน้องเค้า มาด่าน้องเค้าว่าแรด อีกหน่อยจะท้องไม่มีพ่อ
7. บ้านโรคจิตหลังนี้จะชอบทะเลาะกันเอง 4-5 ทุ่มทุกวัน เคยมีคนระแวกบ้านไปแจ้งความเรื่องเสียงดังไว้แล้วด้วย
8. ชอบเอาขยะบ้านตัวเองไปทิ้งบ้านคนอื่นค่ะ
9. ขโมยต้นไม้บ้านคนอื่นมาปลูกที่บ้านค่ะ
การกระทำของเค้าส่งผลต่อจิตใจเรามาตลอด 15 ปี ทำให้เราไม่กล้าใส่กระโปรง ไม่ออกจากบ้าน วิตกจริตตลอด พอไปแจ้งความ ทางคุณตำรวจก็บอกว่า เป็นแค่เหตุก่อให้เกิดความรำคาญ ทางคุณตำรวจไม่มีอำนาจที่ไปบังคับให้ครอบครัวเค้าพาไปหาหมอ
เราไม่รู้จะบรรยายความรู้สึก และความทุกข์ของเราออกมายังไงกับการโดนตามและคุกคามแบบนี้ตลอด 15 ปีที่ผ่านมานี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้