เปิดตัวออกมาอีกรุ่นกับ SURFACE PRO 8 ที่มาพร้อมกับการใช้งานที่จัดเต็ม และโหดขึ้นมากๆ ออกแบบพัฒนามาอย่างลงตัว ตอบโจทย์ในทุกๆกิจกรรมการใช้งานเลยแหละ และเรื่องสเปกการใช้งานนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย อัดแน่นมาแบบเทพๆ อีกทั้งยังมีปากกามาให้ได้ใช้งานอีกด้วย ขับเคลื่อนความเร็วที่ทรงประสิทธิภาพกับ Intel® Core™ i5-1135G7 ที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเร็วแรง แถมประหยัดพลังงานได้ดีมากๆ ในรุ่นนี้โดดเด่นมาด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 13 นิ้ว พร้อมสามารถสัมผัสหน้าจอได้พร้อมกันสูงสุดถึง 10 จุดเลย ที่สำคัญเจ้าตัวนี้มีน้ำหนักที่เบามากๆ น้ำหนักอยู่ที่ 891 กรัมเท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าเบามากๆ สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้แบบชิวๆเลย หยิบถืออะไรก็สบายๆ รองรับการใช้งาน Windows 11 Home มาพร้อมแอป Microsoft 365 ด้วย เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เป็น Tablet น้องใหม่ที่ครบจบ เป็นตัวเลือกหนึ่งเลยนะสำหรับคนที่กำลังสนใจอยู่
เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ PixelSense Flow ขนาดใหญ่ถึง 13 นิ้ว (2880×1920พิกเซล) 267 PPI รีเฟรชสูงสุดถึง 120Hz อัตราส่วนอยู่ที่ 3:2 Adaptive Color รองรับ Dolby Vision® อีกทั้งยังสามารถสัมผัสหน้าจอพร้อมกันสูงสุด 10 จุดเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความน่าสนใจมากๆในรุ่นนี้เลย อีกทั้งยังมาพร้อมกับปากกาที่โหดขึ้นกว่าเดิมนั้นคือ Surface Slim Pen 2 ที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 51.5Wh และมีการเคลมไว้ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติได้นานถึง 16 ชั่วโมง ถือว่าใช้งานยาวๆได้สบายๆเลยนะ มาพร้อมชิปประมวลผล Intel® Core™ i5-1135G7 แบบ Quad-core เจนเนอเรชัน 11 ที่รู้ๆกันดีเลยว่าเร็วแรงถึงใจ มอบประสิทธิภาพอันทรงพลังให้กับการใช้งานได้เป็นอย่างดีเลย จะทำงาน จะเรนเดอร์ภาพกราฟิกก็ทำได้สบาย และที่สำคัญประหยัดพลังงานด้วย รองรับเครือข่าย WiFi 6 ใช้ได้กับ 802.11ax และ Bluetooth 5.1 นอกจากนี้ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ใช้งานแบบครบครัน รวมไปถึงได้ใส่ไมโครโฟน Studio Mics คู่แบบรับเสียงจากระยะไกลมาให้ด้วย เรียกว่าดีไซน์ดีสเปกดี น่าจับจองเป็นเจ้าของเป็นอย่างมาก
UNBOX
- SURFACE PRO 8
- ปากกา
- ที่ชาร์จ + สายชาร์จ
- คีย์บอร์ด
- คู่มือการใช้งาน
DESIGN
งานออกแบบถือว่าดีไซน์บางเบากว่ารุ่นก่อนมากๆ ขอบจอเล็กสุดๆ ทำให้ใช้งานได้อย่างเต็มหน้าจอเลยแหละ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ PixelSense Flow ที่ขนาดหน้าจอที่ใหญ่แบบจุกๆโดนใจถึง 13 นิ้ว อัตราส่วน 3:2 รองรับ touch screen วัสดุพรีเมียมสุดๆ ในเรื่องของความแข็งแรงทนทานนั้นต้องยกนิ้วให้ ถึงจะบางเบาดูบอบบางแต่แข็งแรงทนทานมาก ตัวเครื่องมีน้ำหนักที่เบาสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก น้ำหนักรุ่นนี้จะอยู่ที่ 891 กรัมเท่านั้น ถือว่ามีน้ำหนักที่เบามากๆ เป็นอีกจุดเด่นของรุ่นนี้เลยนะ พร้อมด้วยคีย์บอร์ดที่ให้มากับดีไซน์ที่เรียบหรูโดนใจ พื้นของคีย์บอร์ดจะเป็นสีเทาทำให้ตัวปุ่มและอักษรมีโดดเด่นขึ้นมาดูน่าใช้มากๆ
จะเห็นได้ว่าด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะเป็นพื้นเรียบๆ มาพร้อมกับโลโก้ Microsoft เด่นๆ ที่อยู่บริเวณแทบรองหน้าจอ แต่ที่ดึงดูดใจมากๆในรุ่นนี้เลยคือความบางที่ไม่มีที่ติเลย ทั้งบางทั้งเบา ออกแบบดีไซน์มาได้ดีมากจริงๆ ตอบโจทย์สายที่เน้นความเบาเลย
ที่สำคัญเลยคือคีย์บอร์ดนั้นสามารถพับเก็บในส่วนของที่วางปากกาได้ และเปิดใช้ตามความต้องการของเราได้เลย ถือว่าเจ๋งมากๆในส่วนนี้
เมื่อเรากางคีย์บอร์ดออกมาสุดแล้วจะเห็นช่องใส่ปากกาที่ออกแบบดีไซน์เป็นหลุมลงไปมีความพอดีกับตัวปากกา ช่วยป้องกันปัญหาปากกาสูญหายเมื่อไม่ได้ใช้งานได้ด้วยนะ และเมื่อเราปิดไปนั้นก็สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้เยอะเลยนะ แถมไม่มีรอยต่อมากวนใจด้วย เรียบเนียนสวยงาม
SPEC
- Intel® Core™ i5-1135G7 แบบ Quad-core เจนเนอเรชัน 11
- Intel® Iris® Xe Graphics
- หน้าจอ PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว (2880×1920พิกเซล) 267 PPI, รีเฟรชสูงสุด 120Hz, อัตราส่วน 3:2, Adaptive Color, รองรับ Dolby Vision® สัมผัสหน้าจอพร้อมกันสูงสุด 10 จุด
- RAM LPDDR4x 8GB
- SSD แบบถอดได้ 256GB
- Windows 11 Home มาพร้อมแอป Microsoft 365
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล Full HD 1080p พร้อมระบบตรวจสอบใบหน้า และ Windows Hello
- กล้องหลัง 10 ล้านพิกเซล โฟกัสอัตโนมัติ พร้อมวิดีโอ HD 1080p และ 4K
- ไมโครโฟน Studio Mics คู่แบบรับเสียงจากระยะไกล
- ลำโพงสเตอริโอ 2W ระบบเสียง Dolby Atmos
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB 4.0/Thunderbolt™ 4 จำนวน 2 ช่อง ช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. Surface Connect 1 ช่อง
- Surface Type Cover รองรับการใช้งานกับการโต้ตอบนอกหน้าจอของ Surface Dial
- 287 มม. × 208 มม. × 9.3 มม. (11.3 นิ้ว × 8.2 นิ้ว × 0.37 นิ้ว)
- น้ำหนักตัวเครื่อง 891 กรัม
- รองรับเครือข่าย WiFi 6: ใช้ได้กับ 802.11ax, Bluetooth 5.1
- รองรับ Microsoft Surface Pro Keyboard, Signature Keyboard
- รองรับ Microsoft Surface Slim Pen 2 แบตเตอรี่ความจุ 51.5Wh ที่ใช้งานตามปกติได้นานถึง 16 ชั่วโมง
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องบอกว่ารุ่นนี้ใช้งาน intel Gen 11 ตัวล่าสุด คือ intel Core i5-1135G7 ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยี Tiger Lake 10 นาโนเมตร SuperFin ซึ่งจะประมวลผลแบบ 4 Core / 8 Thread วิ่งที่ 2.40 – 4.20 GHz สูงสุด และค่า TDP ที่ 15Watt ซึ่งเป็นตัวล่าสุดของค่ายฟ้าตัวนี้แล้วในปีนี้ และมาพร้อมกับการ์ดจอ OnBoard Intel Iris Xe Graphics พร้อมใช้งานในตัวมาพร้อมกับ RAM DDR4 4266MHz 8GB แบบ OnBoard ไม่สามารถอัปเกรดได้นะครับ และในเรื่องหน่วยความจุ SSD 256GB M.2 2230 PCIe SSD แบบสั้นสามารถเปลี่ยนได้ และถือว่า ให้มาในการอ่านเขียนสูงมากๆ มาพร้อม Windows 11 ส่วนคะแนนการอ่านไปได้ 2368 MB/S ส่วนการเขียนทำไปได้ที่ 1586 MB/S จากทดสอบการอ่านการเขียนนั้นถือว่าแรงเอาเรื่องเลยนะ สามารถตอบสนองการอ่านเขียนได้อย่างรวดเร็วทันใจเลย ใช้งานได้แบบสบายๆ
PC MARK
นั้นตัวนี้ต้องบอกก่อนว่าคะแนนออกมาอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้สูงมาก แต่คะแนนก็ยังพอรับได้อยู่ไม่ได้น้อยมาก และในส่วนของ CPU ตัวนี้จะใช้งานตัวการ์ดจอเป็นตัว Intel Iris Xᵉ Graphics นั้นเอง โดยคะแนน PC MARK ทำคะแนนอยู่ที่ 3,936 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่รับได้สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานโดยทั่วไปนั้นเอง แต่ความร้อนสะสมเวลาใช้งานด้วยข้อจำกัดของการออกแบบต่างๆอาจจะทำให้เยอะกว่าถ้าเทียบกับ Notebook ทั่วไป
3D MARK
ในส่วนคะแนน Night RaiD ทำไปได้ 11,872 คะแนน Wild Life ทำคะแนนไปได้ที่ 9,750 คะแนน และ Wild Life Extream ที่ 3,126 คะแนน จากการใช้งานและทดสอบมาส่วนตัวคิดว่าคะแนนที่ออกมาก็เหมาะสมกับตัว CPU ที่ให้มาอยู่นะ สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่ ยังคงทำงานออกแบบ กราฟิกต่างๆได้แบบไม่เอ๋อไม่ค้างและถ้ามองเป็นในตระกูล SURFACE แบบนี้แรงเอาเรื่องหมือนกันครับในการประมวลผลหรือทำงานจริงๆได้
DISPLAY
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ PixelSense Flow ขนาดใหญ่จุใจถึง 13 นิ้ว ให้ความละเอียด 2880×1920 พิกเซล มีค่าความละเอียดของรูปภาพที่แสดงบนหน้าจออยู่ที่ 267 PPI ถือว่าละเอียดมากในระดับหนึ่งเลย มาพร้อมรีเฟรชสูงสุด 120Hz อัตราส่วน 3:2 Adaptive Color รองรับ Dolby Vision® และสามารถสัมผัสหน้าจอพร้อมกันสูงสุด 10 จุด การออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้นั้นมีความพิเศษตรงที่มีขอบหน้าจอที่บางกว่าเดิมมากๆ ใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่เลย จากการได้ลองใช้งานนั้นการสู้แสงทำได้ดีเลย สามารถใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบายๆ มองมุมไหนก็มีมิติ วัสดุของหน้าจอนั้นมีความแข็งแรงทนทาน ในเรื่องการ touch screen ก็ทำออกมาได้ดี ตอบสนองการใช้งานตามการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว สำหรับสายวาดรูปออกแบบนี้ต้องชอบมากแน่ๆ ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ การสัมผัสลื่นไหล แถมการใช้งานปากกาก็โดนใจ ถือว่าตอบโจทย์มากๆ หรือแม้จะทำกิจกรรมใดๆก็ทำได้อย่างลงตัว
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อมีมาให้แบบจุกๆ ออกแบบวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเลย โดยจะมีทั้ง USB 4.0/Thunderbolt™ 4 จำนวน 2 ช่อง มาพร้อมกับช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5มม. และมาพร้อมกับ Surface Connect 1 ช่อง เรียกได้ว่าให้พอร์ตมาให้ได้เชื่อมต่อใช้งานเพียงพอต่อการใช้งานอยู่นะ แต่ก็แอบน้อยกว่ารุ่นอื่นๆอยู่บ้าง แต่รวมๆแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรในส่วนนี้เลยแหละ ใช้งานได้ตามปกติชิวๆเลย
KEYBOARD
คีย์บอร์ดในรุ่นนี้นั้นจัดระยะการวางระยะห่างได้ดีมากๆ องศาต่างๆทำได้ดีมากๆเช่นเดิม การกดก็เด้งสู้นิ้วเอาเรื่องอยู่นะ เหมือนคีย์บอร์ดทั่วๆไปเลย ในเรื่องของการใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้ง่ายสะดวก พิมพ์งาน พิมพ์เอกสารเยอะๆได้แบบชิวๆ ตัวอักษรนั้นจะใช้เป็นสีขาวที่ตัดกับสีพื้นอย่างชัดเจน และพื้นด้านหลังนั้นจะออกเป็นสีเทาๆตัดให้ปุ่มมีความโดดเด่นขึ้นมาอีกที ทำให้เห็นปุ้มเห็นตัวอักษรได้อย่างชัดเจนเลย ภาพรวมนั้นทั้งการดีไซน์โทนสี การออกแบบระยะองศาของปุ่มนั้นทำได้ประทับใจ แถมการกดอะไรก็เด้งสู้มือ แน่นอนว่าสนุกไปกับการพิมพ์แน่นอน
SPEAKER
ทางด้านลำโพงเองถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจแม้จะไม่ได้ใช้งาน 4 ตัวแบบรุ่นพี่ แต่การพัฒนาลำโพงตัวนี้ถือว่าดังและกังวานมากกว่าเดิม ลำโพงสเตอริโอ 2W ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมด้วย ไมโครโฟน Studio Mics จำนวน 2 ตัวมาให้ ซึ่งรองรับการทำงาน WFH สมัยนี้ได้สบาย และ ลำโพงยิงออกมาจากด้านบนขอบเครื่องซ้าย และ ขวาบน ซ่อนเนียนๆบนช่องระบายความร้อนนั้นเองครับซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดี แม้จะไม่ได้ยิงตรงเข้าสู่คนฟังแต่ก็มีมิติเสียงพอสมควรทำให้รองรับการจำลองเสียงรอบทิศทางได้ด้วยเช่นกัน ในการดูหนังเสียงชัด แต่เบสอาจจะไม่ได้หนักมากนัก
SURFACE SLIM PEN 2
หน้าตาของปากกาที่ให้มาในรุ่นนี้นั้นจะมีดีไซน์ที่เรียบหรู ดูแพงมากๆ จากที่ได้ลองจับใช้งานนั้นตัวปากกาสามารถจับใช้งานได้แบบถนัดมือสุดๆ มีปุ่มกดสั่งงานมาให้บริเวณข้างๆนั้นคือปุ่มคลิกขวา ส่วนบริเวณโลโก้จะป็นไฟ LED และส่วนสุดท้ายคือด้านท้ายของปากกาจะเป็นส่วนของยางลบ โดยปากกานั้นจะมากับสีดำสนิทมืดดุ จับใช้งานแล้วขึ้นมือมาก ที่ชอบสุดๆนั้นคือความลื่นไหลของปากกา ตัวปากกาเป็นทรงปลายหัวนั้นมีความแหลมและยาวเป็นพิเศษ ทำให้วาดเขียนได้แบบคล่องมือไหลลื่นมากๆ
[SR] รีวิว SURFACE PRO 8 จัดเต็ม i5 11th Gen พร้อมจอ 120Hz มี Thunderbolt 4 และ ปากการุ่น 2 เทพขึ้นเยอะ !
เปิดตัวออกมาอีกรุ่นกับ SURFACE PRO 8 ที่มาพร้อมกับการใช้งานที่จัดเต็ม และโหดขึ้นมากๆ ออกแบบพัฒนามาอย่างลงตัว ตอบโจทย์ในทุกๆกิจกรรมการใช้งานเลยแหละ และเรื่องสเปกการใช้งานนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย อัดแน่นมาแบบเทพๆ อีกทั้งยังมีปากกามาให้ได้ใช้งานอีกด้วย ขับเคลื่อนความเร็วที่ทรงประสิทธิภาพกับ Intel® Core™ i5-1135G7 ที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเร็วแรง แถมประหยัดพลังงานได้ดีมากๆ ในรุ่นนี้โดดเด่นมาด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 13 นิ้ว พร้อมสามารถสัมผัสหน้าจอได้พร้อมกันสูงสุดถึง 10 จุดเลย ที่สำคัญเจ้าตัวนี้มีน้ำหนักที่เบามากๆ น้ำหนักอยู่ที่ 891 กรัมเท่านั้น ซึ่งต้องบอกว่าเบามากๆ สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้แบบชิวๆเลย หยิบถืออะไรก็สบายๆ รองรับการใช้งาน Windows 11 Home มาพร้อมแอป Microsoft 365 ด้วย เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เป็น Tablet น้องใหม่ที่ครบจบ เป็นตัวเลือกหนึ่งเลยนะสำหรับคนที่กำลังสนใจอยู่
เจ้าตัวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ PixelSense Flow ขนาดใหญ่ถึง 13 นิ้ว (2880×1920พิกเซล) 267 PPI รีเฟรชสูงสุดถึง 120Hz อัตราส่วนอยู่ที่ 3:2 Adaptive Color รองรับ Dolby Vision® อีกทั้งยังสามารถสัมผัสหน้าจอพร้อมกันสูงสุด 10 จุดเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความน่าสนใจมากๆในรุ่นนี้เลย อีกทั้งยังมาพร้อมกับปากกาที่โหดขึ้นกว่าเดิมนั้นคือ Surface Slim Pen 2 ที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 51.5Wh และมีการเคลมไว้ว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติได้นานถึง 16 ชั่วโมง ถือว่าใช้งานยาวๆได้สบายๆเลยนะ มาพร้อมชิปประมวลผล Intel® Core™ i5-1135G7 แบบ Quad-core เจนเนอเรชัน 11 ที่รู้ๆกันดีเลยว่าเร็วแรงถึงใจ มอบประสิทธิภาพอันทรงพลังให้กับการใช้งานได้เป็นอย่างดีเลย จะทำงาน จะเรนเดอร์ภาพกราฟิกก็ทำได้สบาย และที่สำคัญประหยัดพลังงานด้วย รองรับเครือข่าย WiFi 6 ใช้ได้กับ 802.11ax และ Bluetooth 5.1 นอกจากนี้ยังมีพอร์ตเชื่อมต่อมาให้ใช้งานแบบครบครัน รวมไปถึงได้ใส่ไมโครโฟน Studio Mics คู่แบบรับเสียงจากระยะไกลมาให้ด้วย เรียกว่าดีไซน์ดีสเปกดี น่าจับจองเป็นเจ้าของเป็นอย่างมาก
UNBOX
- SURFACE PRO 8
- ปากกา
- ที่ชาร์จ + สายชาร์จ
- คีย์บอร์ด
- คู่มือการใช้งาน
DESIGN
งานออกแบบถือว่าดีไซน์บางเบากว่ารุ่นก่อนมากๆ ขอบจอเล็กสุดๆ ทำให้ใช้งานได้อย่างเต็มหน้าจอเลยแหละ รุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ PixelSense Flow ที่ขนาดหน้าจอที่ใหญ่แบบจุกๆโดนใจถึง 13 นิ้ว อัตราส่วน 3:2 รองรับ touch screen วัสดุพรีเมียมสุดๆ ในเรื่องของความแข็งแรงทนทานนั้นต้องยกนิ้วให้ ถึงจะบางเบาดูบอบบางแต่แข็งแรงทนทานมาก ตัวเครื่องมีน้ำหนักที่เบาสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก น้ำหนักรุ่นนี้จะอยู่ที่ 891 กรัมเท่านั้น ถือว่ามีน้ำหนักที่เบามากๆ เป็นอีกจุดเด่นของรุ่นนี้เลยนะ พร้อมด้วยคีย์บอร์ดที่ให้มากับดีไซน์ที่เรียบหรูโดนใจ พื้นของคีย์บอร์ดจะเป็นสีเทาทำให้ตัวปุ่มและอักษรมีโดดเด่นขึ้นมาดูน่าใช้มากๆ
จะเห็นได้ว่าด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะเป็นพื้นเรียบๆ มาพร้อมกับโลโก้ Microsoft เด่นๆ ที่อยู่บริเวณแทบรองหน้าจอ แต่ที่ดึงดูดใจมากๆในรุ่นนี้เลยคือความบางที่ไม่มีที่ติเลย ทั้งบางทั้งเบา ออกแบบดีไซน์มาได้ดีมากจริงๆ ตอบโจทย์สายที่เน้นความเบาเลย
ที่สำคัญเลยคือคีย์บอร์ดนั้นสามารถพับเก็บในส่วนของที่วางปากกาได้ และเปิดใช้ตามความต้องการของเราได้เลย ถือว่าเจ๋งมากๆในส่วนนี้
เมื่อเรากางคีย์บอร์ดออกมาสุดแล้วจะเห็นช่องใส่ปากกาที่ออกแบบดีไซน์เป็นหลุมลงไปมีความพอดีกับตัวปากกา ช่วยป้องกันปัญหาปากกาสูญหายเมื่อไม่ได้ใช้งานได้ด้วยนะ และเมื่อเราปิดไปนั้นก็สามารถช่วยประหยัดพื้นที่ได้เยอะเลยนะ แถมไม่มีรอยต่อมากวนใจด้วย เรียบเนียนสวยงาม
SPEC
- Intel® Core™ i5-1135G7 แบบ Quad-core เจนเนอเรชัน 11
- Intel® Iris® Xe Graphics
- หน้าจอ PixelSense Flow ขนาด 13 นิ้ว (2880×1920พิกเซล) 267 PPI, รีเฟรชสูงสุด 120Hz, อัตราส่วน 3:2, Adaptive Color, รองรับ Dolby Vision® สัมผัสหน้าจอพร้อมกันสูงสุด 10 จุด
- RAM LPDDR4x 8GB
- SSD แบบถอดได้ 256GB
- Windows 11 Home มาพร้อมแอป Microsoft 365
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล Full HD 1080p พร้อมระบบตรวจสอบใบหน้า และ Windows Hello
- กล้องหลัง 10 ล้านพิกเซล โฟกัสอัตโนมัติ พร้อมวิดีโอ HD 1080p และ 4K
- ไมโครโฟน Studio Mics คู่แบบรับเสียงจากระยะไกล
- ลำโพงสเตอริโอ 2W ระบบเสียง Dolby Atmos
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB 4.0/Thunderbolt™ 4 จำนวน 2 ช่อง ช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. Surface Connect 1 ช่อง
- Surface Type Cover รองรับการใช้งานกับการโต้ตอบนอกหน้าจอของ Surface Dial
- 287 มม. × 208 มม. × 9.3 มม. (11.3 นิ้ว × 8.2 นิ้ว × 0.37 นิ้ว)
- น้ำหนักตัวเครื่อง 891 กรัม
- รองรับเครือข่าย WiFi 6: ใช้ได้กับ 802.11ax, Bluetooth 5.1
- รองรับ Microsoft Surface Pro Keyboard, Signature Keyboard
- รองรับ Microsoft Surface Slim Pen 2 แบตเตอรี่ความจุ 51.5Wh ที่ใช้งานตามปกติได้นานถึง 16 ชั่วโมง
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพตัวเครื่องต้องบอกว่ารุ่นนี้ใช้งาน intel Gen 11 ตัวล่าสุด คือ intel Core i5-1135G7 ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยี Tiger Lake 10 นาโนเมตร SuperFin ซึ่งจะประมวลผลแบบ 4 Core / 8 Thread วิ่งที่ 2.40 – 4.20 GHz สูงสุด และค่า TDP ที่ 15Watt ซึ่งเป็นตัวล่าสุดของค่ายฟ้าตัวนี้แล้วในปีนี้ และมาพร้อมกับการ์ดจอ OnBoard Intel Iris Xe Graphics พร้อมใช้งานในตัวมาพร้อมกับ RAM DDR4 4266MHz 8GB แบบ OnBoard ไม่สามารถอัปเกรดได้นะครับ และในเรื่องหน่วยความจุ SSD 256GB M.2 2230 PCIe SSD แบบสั้นสามารถเปลี่ยนได้ และถือว่า ให้มาในการอ่านเขียนสูงมากๆ มาพร้อม Windows 11 ส่วนคะแนนการอ่านไปได้ 2368 MB/S ส่วนการเขียนทำไปได้ที่ 1586 MB/S จากทดสอบการอ่านการเขียนนั้นถือว่าแรงเอาเรื่องเลยนะ สามารถตอบสนองการอ่านเขียนได้อย่างรวดเร็วทันใจเลย ใช้งานได้แบบสบายๆ
PC MARK
นั้นตัวนี้ต้องบอกก่อนว่าคะแนนออกมาอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้สูงมาก แต่คะแนนก็ยังพอรับได้อยู่ไม่ได้น้อยมาก และในส่วนของ CPU ตัวนี้จะใช้งานตัวการ์ดจอเป็นตัว Intel Iris Xᵉ Graphics นั้นเอง โดยคะแนน PC MARK ทำคะแนนอยู่ที่ 3,936 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่รับได้สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานโดยทั่วไปนั้นเอง แต่ความร้อนสะสมเวลาใช้งานด้วยข้อจำกัดของการออกแบบต่างๆอาจจะทำให้เยอะกว่าถ้าเทียบกับ Notebook ทั่วไป
3D MARK
ในส่วนคะแนน Night RaiD ทำไปได้ 11,872 คะแนน Wild Life ทำคะแนนไปได้ที่ 9,750 คะแนน และ Wild Life Extream ที่ 3,126 คะแนน จากการใช้งานและทดสอบมาส่วนตัวคิดว่าคะแนนที่ออกมาก็เหมาะสมกับตัว CPU ที่ให้มาอยู่นะ สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่ ยังคงทำงานออกแบบ กราฟิกต่างๆได้แบบไม่เอ๋อไม่ค้างและถ้ามองเป็นในตระกูล SURFACE แบบนี้แรงเอาเรื่องหมือนกันครับในการประมวลผลหรือทำงานจริงๆได้
DISPLAY
ในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอ PixelSense Flow ขนาดใหญ่จุใจถึง 13 นิ้ว ให้ความละเอียด 2880×1920 พิกเซล มีค่าความละเอียดของรูปภาพที่แสดงบนหน้าจออยู่ที่ 267 PPI ถือว่าละเอียดมากในระดับหนึ่งเลย มาพร้อมรีเฟรชสูงสุด 120Hz อัตราส่วน 3:2 Adaptive Color รองรับ Dolby Vision® และสามารถสัมผัสหน้าจอพร้อมกันสูงสุด 10 จุด การออกแบบดีไซน์ในรุ่นนี้นั้นมีความพิเศษตรงที่มีขอบหน้าจอที่บางกว่าเดิมมากๆ ใช้งานได้อย่างเต็มพื้นที่เลย จากการได้ลองใช้งานนั้นการสู้แสงทำได้ดีเลย สามารถใช้งานกลางแจ้งได้แบบสบายๆ มองมุมไหนก็มีมิติ วัสดุของหน้าจอนั้นมีความแข็งแรงทนทาน ในเรื่องการ touch screen ก็ทำออกมาได้ดี ตอบสนองการใช้งานตามการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว สำหรับสายวาดรูปออกแบบนี้ต้องชอบมากแน่ๆ ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ การสัมผัสลื่นไหล แถมการใช้งานปากกาก็โดนใจ ถือว่าตอบโจทย์มากๆ หรือแม้จะทำกิจกรรมใดๆก็ทำได้อย่างลงตัว
CONNECTOR
พอร์ตเชื่อมต่อมีมาให้แบบจุกๆ ออกแบบวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเลย โดยจะมีทั้ง USB 4.0/Thunderbolt™ 4 จำนวน 2 ช่อง มาพร้อมกับช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5มม. และมาพร้อมกับ Surface Connect 1 ช่อง เรียกได้ว่าให้พอร์ตมาให้ได้เชื่อมต่อใช้งานเพียงพอต่อการใช้งานอยู่นะ แต่ก็แอบน้อยกว่ารุ่นอื่นๆอยู่บ้าง แต่รวมๆแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรในส่วนนี้เลยแหละ ใช้งานได้ตามปกติชิวๆเลย
KEYBOARD
คีย์บอร์ดในรุ่นนี้นั้นจัดระยะการวางระยะห่างได้ดีมากๆ องศาต่างๆทำได้ดีมากๆเช่นเดิม การกดก็เด้งสู้นิ้วเอาเรื่องอยู่นะ เหมือนคีย์บอร์ดทั่วๆไปเลย ในเรื่องของการใช้งานนั้นสามารถใช้งานได้ง่ายสะดวก พิมพ์งาน พิมพ์เอกสารเยอะๆได้แบบชิวๆ ตัวอักษรนั้นจะใช้เป็นสีขาวที่ตัดกับสีพื้นอย่างชัดเจน และพื้นด้านหลังนั้นจะออกเป็นสีเทาๆตัดให้ปุ่มมีความโดดเด่นขึ้นมาอีกที ทำให้เห็นปุ้มเห็นตัวอักษรได้อย่างชัดเจนเลย ภาพรวมนั้นทั้งการดีไซน์โทนสี การออกแบบระยะองศาของปุ่มนั้นทำได้ประทับใจ แถมการกดอะไรก็เด้งสู้มือ แน่นอนว่าสนุกไปกับการพิมพ์แน่นอน
SPEAKER
ทางด้านลำโพงเองถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจแม้จะไม่ได้ใช้งาน 4 ตัวแบบรุ่นพี่ แต่การพัฒนาลำโพงตัวนี้ถือว่าดังและกังวานมากกว่าเดิม ลำโพงสเตอริโอ 2W ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมด้วย ไมโครโฟน Studio Mics จำนวน 2 ตัวมาให้ ซึ่งรองรับการทำงาน WFH สมัยนี้ได้สบาย และ ลำโพงยิงออกมาจากด้านบนขอบเครื่องซ้าย และ ขวาบน ซ่อนเนียนๆบนช่องระบายความร้อนนั้นเองครับซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดี แม้จะไม่ได้ยิงตรงเข้าสู่คนฟังแต่ก็มีมิติเสียงพอสมควรทำให้รองรับการจำลองเสียงรอบทิศทางได้ด้วยเช่นกัน ในการดูหนังเสียงชัด แต่เบสอาจจะไม่ได้หนักมากนัก
SURFACE SLIM PEN 2
หน้าตาของปากกาที่ให้มาในรุ่นนี้นั้นจะมีดีไซน์ที่เรียบหรู ดูแพงมากๆ จากที่ได้ลองจับใช้งานนั้นตัวปากกาสามารถจับใช้งานได้แบบถนัดมือสุดๆ มีปุ่มกดสั่งงานมาให้บริเวณข้างๆนั้นคือปุ่มคลิกขวา ส่วนบริเวณโลโก้จะป็นไฟ LED และส่วนสุดท้ายคือด้านท้ายของปากกาจะเป็นส่วนของยางลบ โดยปากกานั้นจะมากับสีดำสนิทมืดดุ จับใช้งานแล้วขึ้นมือมาก ที่ชอบสุดๆนั้นคือความลื่นไหลของปากกา ตัวปากกาเป็นทรงปลายหัวนั้นมีความแหลมและยาวเป็นพิเศษ ทำให้วาดเขียนได้แบบคล่องมือไหลลื่นมากๆ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้