มีเด็กคนหนึ่งร้องไห้ขึ้นมาเพราะตุ๊กตา ตกแตก ตากับรูปกระทบกันเกิดจากจักสุวิญญาณขึ้นมารู้ว่าตุ๊กตาแตกตามธรรมดา เด็กคนนี้ประกอบด้วยอวิชชาเพราะไม่มีสติ อวิชาจึงปรุงแต่งให้เกิดสังขารคืออำนาจชนิดหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดความ นึกคิด อันหนึ่งที่จะเป็นวิญญาณ วิญญาณนี้จะช่วยทำให้ร่างกายกับจิต เปลี่ยนสภาพลุกขึ้นมาทำหน้าที่ ที่พร้อมจะเป็นทุกข์ และในนามรูปชนิดนี้ ขณะนี้จะมีสฬายตนะ พร้อมที่จะเป็นทุกข์คือไม่หลับอยู่ตามปกติ แล้วเมื่อตากับรูปคือตุ๊กตา ประจวบกันเรียกว่าผัสสะ เมื่อมีผัสสะจึงมีเวทนาคือความรู้สึกเป็นทุกข์แล้วเวทนาที่เป็นความทุกข์นี้ ก็ทำให้เกิดปัญหาคืออยากไปตามอำนาจของความทุกข์นั้น เมื่ออุปทานยึดมั่น ว่าเป็นความทุกข์ของกู การเกิดกูขึ้นมาเรียกว่าภพ เมื่อภพเบิกบานเต็มที่เรียกว่าชาติ แล้วก็มีความทุกข์ในเรื่องตุ๊กตาแตกนี้ คือร้องไห้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าอุปายาส คือความเหี่ยวแห้งใจอย่างยิ่ง ในที่นี้การร้องไห้ ก็คืออาการของความทุกข์ขึ้นสูงสุดเต็มที่ ถึงที่สุดของวงจรปฏิจจสมุปบาท
อย่างไรก็ตามหากต่อมาเด็กคนนี้เอาเรื่องตุ๊กตาแตกมาคิดแล้วร่ำไห้อีก จะกลายเป็นเรื่องปฏิจจสมุปบาท ทางมโนวิญญาณ ไม่ใช่ทาง จักษุวิญญาณ คือการคิดถึงเรื่องตุ๊กตาแตกเป็นธรรมมารมณ์ เมื่อธรรมารมณ์กับจิตใจสัมผัสกันทำให้เกิดมโนวิญญาณ รู้สึกถึงเรื่องตุ๊กตาแตก นี้ได้สร้างนามรูปกายใจขณะนั้นให้เปลี่ยนไปเป็นนามรูป ที่จะเป็นที่ตั้งของอายตนะ ที่จะเป็นทุกข์ในฉับพลันอายตนะนั้นก็จะสร้างให้เกิดผัสสะ ชนิดที่เป็นที่ตั้งของความทุกข์ เกิดเวทนา ตัณหา อุปาทาน จนกลายเป็นทุกข์นอนร่ำร้องอีกครั้งหนึ่งทั้งที่ตุ๊กตาแตกนานแล้ว
หญิงคนหนึ่งเห็นแฟนของตนเดินควงกับ ผู้หญิงคนอื่น จึงเกิดใจรุ่มร้อนทุรนทุราย ภายในอึดใจเดียวจากการที่เห็นแฟนไปเดินๆอยู่กับหญิงอื่น หมายความว่าตาของหล่อนกระทบรูปของแฟนที่ควงคู่กับหญิงคนอื่น จึงสร้างวิญญาณคือจักษุวิญญาณขึ้นมาในบัดดล ก่อนหน้านี้ไม่มีวิญญาณชนิดนี้ มีแต่วิญญาณที่ไม่มีหน้าที่อะไร วิญญาณชนิดนี้กับรูป กับตาร่วมกันเป็นผัสสะ คือการกระทบกันระหว่างตากับลูก แล้วก็ทำให้เกิดเวทนาปัญหาที่พร้อมจะเป็นทุกข์ แล้วเกิดอุปทานว่าตนกำลังย่ำแย่ กลายเป็นชาติแล้วก็มีทุกข์โทมนัส มีอุปายาส นี่เป็นปฏิจสมุปปบาทเต็มรอบที่เกิดขึ้นทางตา
สมมติว่าสาวนางนี้ถูกเพื่อนลวงหลอกว่าแฟนตนไปเดินกับหญิงคนอื่นทั้งๆที่จริงเขาไม่ได้ไปควงคู่กับใครที่ไหน ทว่าหญิงคนนั้นเชื่อคำพูดของเพื่อน นี่เสียงเข้ามาทางหู คือเสียงกระทบหูเกิดโสตวิญญาณ ที่ประกอบด้วยอวิชาเพราะไร้สติ วิญญาณนี้ก่อสร้างนามรูปคือกายกับใจของหล่อน อันใหม่ทันทีที่จะมีอายนะ ที่จะทำหน้าที่ให้เป็นทุกข์ ต่อมามีผัสสะ มีเวทนาเกิดขึ้นมาตรงตามเรื่องนั้น คือทุกขเวทนา มีตัณหาดิ้นรน มีอุปทานยึดมั่น มีภพเป็นตัวเราของเราเต็มที่ เป็นชาติของตัวเราที่มีความทุกข์โทรมนัส อุปายาส จึงเรียกได้ว่าล้นเป็นทุกข์ตามกฎเกณฑ์ของปฏิจสมุปบาทครบถ้วน ทว่าเป็นทางหู
ทีนี้สมมติว่าหลายวันต่อมาหญิงคนนี้เกิดนึกระแวงโดยไม่มีใครบอกหรือเห็นด้วยตาว่าแฟนของหล่อน คงควงอยู่กับสาวอื่นเป็นแน่จึง เกิดปฏิจสมุปปบาททางมโนทวารคือทำอารมณ์กระทบมโน เกิดมโนวิญญาณ จากนั้นจึงสร้างนามรูปขึ้นมาใหม่ คือเปลี่ยนจากร่างกายที่ไม่มีหน้าที่อะไร ไปเป็นร่างกายและจิตใจที่มันเป็นทุกข์ จากนามรูปนี้ก่อสร้างอายตนะ ที่ทำให้เป็นทุกข์ สร้างผัสสะ เวทนาที่จะทำให้เป็นทุกข์ แล้วก็มีตัณหาดิ้นรนตามเวทนานั้นมีอุปทานยึดมั่นในที่สุดก็เกิดทุกข์ขึ้นอีก
ปฏิจสมุปปบาท อุปมา อธิบายโดยพุทธทาส
อย่างไรก็ตามหากต่อมาเด็กคนนี้เอาเรื่องตุ๊กตาแตกมาคิดแล้วร่ำไห้อีก จะกลายเป็นเรื่องปฏิจจสมุปบาท ทางมโนวิญญาณ ไม่ใช่ทาง จักษุวิญญาณ คือการคิดถึงเรื่องตุ๊กตาแตกเป็นธรรมมารมณ์ เมื่อธรรมารมณ์กับจิตใจสัมผัสกันทำให้เกิดมโนวิญญาณ รู้สึกถึงเรื่องตุ๊กตาแตก นี้ได้สร้างนามรูปกายใจขณะนั้นให้เปลี่ยนไปเป็นนามรูป ที่จะเป็นที่ตั้งของอายตนะ ที่จะเป็นทุกข์ในฉับพลันอายตนะนั้นก็จะสร้างให้เกิดผัสสะ ชนิดที่เป็นที่ตั้งของความทุกข์ เกิดเวทนา ตัณหา อุปาทาน จนกลายเป็นทุกข์นอนร่ำร้องอีกครั้งหนึ่งทั้งที่ตุ๊กตาแตกนานแล้ว
หญิงคนหนึ่งเห็นแฟนของตนเดินควงกับ ผู้หญิงคนอื่น จึงเกิดใจรุ่มร้อนทุรนทุราย ภายในอึดใจเดียวจากการที่เห็นแฟนไปเดินๆอยู่กับหญิงอื่น หมายความว่าตาของหล่อนกระทบรูปของแฟนที่ควงคู่กับหญิงคนอื่น จึงสร้างวิญญาณคือจักษุวิญญาณขึ้นมาในบัดดล ก่อนหน้านี้ไม่มีวิญญาณชนิดนี้ มีแต่วิญญาณที่ไม่มีหน้าที่อะไร วิญญาณชนิดนี้กับรูป กับตาร่วมกันเป็นผัสสะ คือการกระทบกันระหว่างตากับลูก แล้วก็ทำให้เกิดเวทนาปัญหาที่พร้อมจะเป็นทุกข์ แล้วเกิดอุปทานว่าตนกำลังย่ำแย่ กลายเป็นชาติแล้วก็มีทุกข์โทมนัส มีอุปายาส นี่เป็นปฏิจสมุปปบาทเต็มรอบที่เกิดขึ้นทางตา
สมมติว่าสาวนางนี้ถูกเพื่อนลวงหลอกว่าแฟนตนไปเดินกับหญิงคนอื่นทั้งๆที่จริงเขาไม่ได้ไปควงคู่กับใครที่ไหน ทว่าหญิงคนนั้นเชื่อคำพูดของเพื่อน นี่เสียงเข้ามาทางหู คือเสียงกระทบหูเกิดโสตวิญญาณ ที่ประกอบด้วยอวิชาเพราะไร้สติ วิญญาณนี้ก่อสร้างนามรูปคือกายกับใจของหล่อน อันใหม่ทันทีที่จะมีอายนะ ที่จะทำหน้าที่ให้เป็นทุกข์ ต่อมามีผัสสะ มีเวทนาเกิดขึ้นมาตรงตามเรื่องนั้น คือทุกขเวทนา มีตัณหาดิ้นรน มีอุปทานยึดมั่น มีภพเป็นตัวเราของเราเต็มที่ เป็นชาติของตัวเราที่มีความทุกข์โทรมนัส อุปายาส จึงเรียกได้ว่าล้นเป็นทุกข์ตามกฎเกณฑ์ของปฏิจสมุปบาทครบถ้วน ทว่าเป็นทางหู
ทีนี้สมมติว่าหลายวันต่อมาหญิงคนนี้เกิดนึกระแวงโดยไม่มีใครบอกหรือเห็นด้วยตาว่าแฟนของหล่อน คงควงอยู่กับสาวอื่นเป็นแน่จึง เกิดปฏิจสมุปปบาททางมโนทวารคือทำอารมณ์กระทบมโน เกิดมโนวิญญาณ จากนั้นจึงสร้างนามรูปขึ้นมาใหม่ คือเปลี่ยนจากร่างกายที่ไม่มีหน้าที่อะไร ไปเป็นร่างกายและจิตใจที่มันเป็นทุกข์ จากนามรูปนี้ก่อสร้างอายตนะ ที่ทำให้เป็นทุกข์ สร้างผัสสะ เวทนาที่จะทำให้เป็นทุกข์ แล้วก็มีตัณหาดิ้นรนตามเวทนานั้นมีอุปทานยึดมั่นในที่สุดก็เกิดทุกข์ขึ้นอีก