JJNY : SCBS ชี้ไทยเสี่ยง stagflation│เหนือ-อีสานต้องระวังPM 2.5หลายพื้นที่│สหรัฐชี้ยูเครน“มีโอกาสชนะ”│เอ๋ ปารีณาไม่รอด

SCBS ชี้ต้นทุนพลังงานสูงเศรษฐกิจไทยเสี่ยง stagflation อีก 3-6 เดือนข้างหน้า
https://www.prachachat.net/finance/news-905416
 
 
บล.ไทยพาณิชย์ หรือ SCBS ประเมินวัฏจักรเศรษฐกิจโลก-ไทย เปลี่ยนจากภาวะ reflation เข้าสู่ภาวะ stagflation ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า จากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SET Index ที่ 1,660 จุด คาดกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,550-1,780 จุด ชูกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูง-มาร์จิ้นมีเสถียรภาพ
 
วันที่ 7 เมษายน 2565 นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลทำให้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตลงและทำให้เส้นทางการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนมากขึ้น
 
ซึ่งจะส่งผลทำให้วัฏจักรเศรษฐกิจเปลี่ยนจากภาวะ reflation เข้าสู่ ภาวะ stagflation ทั้งนี้ แม้ว่าโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2022 จะมีมากขึ้น แต่จะเกิดภาวะถดถอยที่ไม่รุนแรง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันไม่ได้มีความไม่สมดุลมาก จนต้องแก้ไขให้เกิดความสมดุลควบคู่ไปกับการผ่อนคลาย ข้อจำกัดการเดินทางและการเปิดประเทศ
 
โดยเป้า SET Index ปี 2022 อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1660 จุด เข้าซื้อที่ 1550-1600 จุด ขณะที่ระดับขายทำกำไรอยู่ที่สูงกว่า 1780 จุด โดยคาดว่า SET จะปรับฐานเล็กน้อยใน 2Q22 เพื่อซึมซับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation ขณะที่ 2H22 จะมีโมเมนตั้มที่ดีขึ้นซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวหลัง COVID-19 คลี่คลาย ประกอบกับฐานต่ำของปีก่อนมีโอกาสสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ Sell in May โดยการย่อตัวลงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้าง position เนื่องจากเศรษฐกิจไทยดูเหมือนจะเกิดภาวะ quasi-reflation ใน 2H22
 
ด้านเศรษฐกิจไทยผลกระทบจากวิกฤตรัสเซียโดยตรงอาจไม่มากนัก แต่ผลกระทบโดยอ้อมผ่านราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะกระทบกับเงินเฟ้อและนโยบายการเงินมากกว่า วิกฤตพลังงานทำให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation ในอีก 3-6 เดือนข้างหน้า นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเป็นความเสี่ยงด้านนโยบายที่อาจส่งผลทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในอัตราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.63%
 
ในขณะที่ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ stagflation ย่อมมีมากขึ้น ส่วนความเสี่ยงด้านการส่งผ่านทางการเงินมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ แต่ความเสี่ยงในการโอนย้ายและการปรับโครงสร้างพอร์ตลงทุนอาจต้องใช้เวลาในการจัดการ SCBS มองว่าหุ้นเชิงรับจะปรับตัว outperform ได้อย่างต่อเนื่อง หุ้นพลังงานต้นน้ำเป็นตัวเลือกที่ดีในการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อสูง โดยยังคงชอบหุ้นคุณภาพที่มีค่า beta ต่ำเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวน
 
นายสุกิจกล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองภาพรวมปี 2022 เน้นไปที่ธีมมหภาคและจุลภาคประกอบด้วย 1) หุ้นที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูง (มาร์จิ้นสูงและมีเสถียรภาพ) 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ 3) หุ้นเติบโตที่มีราคาสมเหตุสมผล และ 4) หุ้นคุณภาพ ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นเชิงรับเพื่อยึดหลักความระมัดระวังในช่วงที่มีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง โดยเชื่อว่าหุ้น domestic ที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูงและงบดุลแข็งแรงน่าจะได้รับความสนใจมากกว่าหุ้นที่อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจโลก
 
ซึ่งมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกหนักกว่าหุ้น domestic นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่หุ้นที่สามารถรับมือกับราคาน้ำมันและเงินเฟ้อสูง โดยหุ้นเด่นใน 2Q22 คือ AOT BDMS CRC GULF และ PTTEP
 
สรุปประเด็นการลงทุนของหุ้นรายตัว
 
AOT : เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งคาดผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวดีขึ้นจากแผนเดินหน้าสู่การเปิดประเทศ ขณะที่ Valuation น่าสนใจ หลังราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรดต่ำกว่าก่อนเกิด COVID-19 อยู่ 12%

BDMS : ทนทานความผันผวนของตลาดได้ดีและมีพื้นฐานแกร่ง โดยปี 65 คาดกำไรเติบโต 21%YoY จากจำนวนผู้ป่วย ทั้งไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย
 
CRC : คาดผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ในปี 2565 จากยอดขายค้าปลีกและรายได้ค่าเช่าที่ฟื้นตัว การขยายสาขาเชิงรุก และอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและไม่มีการล็อกดาวน์
 
GULF : แนวโน้มกำไรขยายตัวต่อเนื่องจากกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าใหม่ IPP ที่มีความเสี่ยงต่ำด้านต้นทุนพลังงานและการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะธุรกิจดิจิทัล
 
PTTEP : ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ Brent +5.3%DoD WTI +5.2%DoD หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวจากการระงับส่งออกน้ำมันของบริษัท CPC ในคาซัคสถานซึ่งเสียหายจากพายุ
 

 
ภาคเหนือ-อีสาน ต้องระวัง ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานหลายพื้นที่
https://www.thairath.co.th/news/local/2362136

ผลการตรวจวัดปริมาณ PM 2.5 ในประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ยกเว้น ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกินค่ามาตรฐานบางพื้นที่
 
วันที่ 7 เม.ย. 2565 เฟซบุ๊ก ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศ วันนี้เวลา 07.00 น. พบว่าภาพรวมปริมาณ PM 2.5 ในประเทศ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเป็นส่วนใหญ่
  
อย่างไรก็ตาม พบเกินค่ามาตรฐานใน จ.น่าน จ.เชียงใหม่ จ.แม่ฮ่องสอน จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.ตาก จ.บึงกาฬ และ จ. หนองคาย
 
ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 11 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 27-123 มคก./ลบ.ม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 2 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 16-67 มคก./ลบ.ม.
ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 25-44 มคก./ลบ.ม.
ภาคตะวันออก ตรวจวัดได้ 17-34 มคก./ลบ.ม.
ภาคใต้ ตรวจวัดได้ 9-13 มคก./ลบ.ม.
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับกทม. ตรวจวัดได้ 23-49 มคก./ลบ.ม.
 
คำเตือนสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน
• ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น
• ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์
• สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์.
 
https://www.facebook.com/airpollution.CAPM/posts/443373160921779



สหรัฐชี้ยูเครน “มีโอกาสชนะ” เย้ยรัสเซีย “ไม่บรรลุเป้าหมาย”
https://www.dailynews.co.th/news/934936/
 
ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐมองว่า กองทัพยูเครน "มีโอกาส" เป็นผู้ชนะเหนือรัสเซีย ซึ่งจนถึงตอนนี้ "ยังไม่บรรลุเป้าหมายใด" ในสงครามครั้งนี้.
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ว่านายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันพุธ เกี่ยวกับสถานการณ์สงครามในยูเครน ว่าความเสี่ยงของปฏิบัติการภาคพื้นดินในกรุงเคียฟ “หมดลงชั่วคราว” เนื่องจากทหารรัสเซียประมาณ 24,000 นาย ถอนกำลังออกจากพื้นที่นอกเมืองหลวงของยูเครน และที่เมืองเชอร์นิฮิฟ ซึ่งอยู่ทางเหนือเรียบร้อยแล้ว
 
ด้านข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐระบุว่า ทหารทั้งหมดเดินทางกลับไปยังเบลารุสและรัสเซีย แต่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายในระยะยาว และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า จะเป็นทหารชุดเดิมทั้งหมดหรือไม่ที่จะเดินทางกลับเข้ามาอีก แล้วมุ่งหน้าไปปฏิบัติการในภาคตะวันออกของยูเครน
  
ขณะเดียวกัน ฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลวอชิงตันประเมินว่า กองทัพยูเครน “ยังคงแข็งแกร่งในภาพรวม” และ “มีโอกาสเป็นผู้ชนะ” เมื่อประเมินจากการที่กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ใดได้ “อย่างแท้จริง” นับตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ทั้งการไม่ได้ยึดกรุงเคียฟแบบเบ็ดเสร็จ การที่จนถึงตอนนี้รัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันยังคงอยู่ และยูเครนยังไม่ล่มสลายในฐานะรัฐ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่