PM 2.5 กลับมาแล้ว เผยค่าฝุ่น กทม. เกินมาตรฐาน กระทบสุขภาพประชาชน 16 พื้นที่ แนะประชาชนสวมหน้ากากป้องกัน เวลาออกนอกอาคาร
เพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความ สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 วันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 05.00-07.00 น. โดยระบุว่า “ตรวจวัดได้ 22.6-46.7 มคก./ลบ.ม., ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 32.9 มคก./ลบ.ม., ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 16 พื้นที่
ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในช่วง 23 – 46.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 16 พื้นที่ ดังนี้
1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 46.7 มคก./ลบ.ม.
2.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 44.7 มคก./ลบ.ม.
3.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.
4.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.
5.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 41.7 มคก./ลบ.ม.
6.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 41.5 มคก./ลบ.ม.
7.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.
8.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.
9.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
10.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 39.9 มคก./ลบ.ม.
11.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 39.1 มคก./ลบ.ม.
12.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 39.1 มคก./ลบ.ม.
13.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.
14.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 38.4 มคก./ลบ.ม.
15.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.1 มคก./ลบ.ม.
16.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 37.8 มคก./ลบ.ม.
ข้อแนะนำสุขภาพ
คุณภาพอากาศระดับสีส้ม : เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 8 – 16 ต.ค. 67 การระบายอากาศ ที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเกิดฝนตกตลอดช่วง และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนตอนใต้ ทำให้เกิดภาวะ Inversion คือการที่อากาศด้านบนกดทับอากาศด้านล่าง
ส่งผลให้มลพิษไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และลมที่พัดเบา ประกอบกับชั้นอากาศที่สามารถผสมกันได้มีความสูงน้อย (ชั้นความสูงผสม: Mixing Height ต่ำลง) จึงทำให้อัตราการระบายอากาศไม่ดี (Ventilation Rate ต่ำ) ทำให้มลพิษสะสมอยู่ในอากาศเพิ่มขึ้น
จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติ จากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร
แต่อย่างไรก็ตาม จังหวัดด้านเหนือของ กทม. ไปถึงภาคกลางตอนล่าง เริ่มมีจุดความร้อนเกิดมากขึ้น คือ มีการเผาชีวมวลจากการเกษตร ประกอบกับมีลมจากตะวันออกเฉียงเหนือ พัดลงมา สามารถนำพาเอาฝุ่น PM2.5 จากนอกพื้นที่ กทม. เข้ามาทางด้านตะวันตกของ กทม. ได้ ทำให้พื้นที่ด้านตะวันตกของ กทม. มีฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นในช่วงนี้
แหล่งที่มา
https://thethaiger.com/th/news/1256232/
PM 2.5 กลับมาแล้ว เผยค่าฝุ่น กทม. เกินมาตรฐาน กระทบ ปชช. 16 พื้นที่
PM 2.5 กลับมาแล้ว เผยค่าฝุ่น กทม. เกินมาตรฐาน กระทบสุขภาพประชาชน 16 พื้นที่ แนะประชาชนสวมหน้ากากป้องกัน เวลาออกนอกอาคาร
เพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความ สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 วันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 05.00-07.00 น. โดยระบุว่า “ตรวจวัดได้ 22.6-46.7 มคก./ลบ.ม., ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 32.9 มคก./ลบ.ม., ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 16 พื้นที่
ทั้งนี้ ณ เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ในช่วง 23 – 46.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน และพบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 16 พื้นที่ ดังนี้
1.เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 46.7 มคก./ลบ.ม.
2.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 44.7 มคก./ลบ.ม.
3.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 43.3 มคก./ลบ.ม.
4.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 42.5 มคก./ลบ.ม.
5.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 41.7 มคก./ลบ.ม.
6.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 41.5 มคก./ลบ.ม.
7.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 41.3 มคก./ลบ.ม.
8.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 41.2 มคก./ลบ.ม.
9.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 40.5 มคก./ลบ.ม.
10.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 39.9 มคก./ลบ.ม.
11.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 39.1 มคก./ลบ.ม.
12.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 39.1 มคก./ลบ.ม.
13.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 38.7 มคก./ลบ.ม.
14.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 38.4 มคก./ลบ.ม.
15.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 38.1 มคก./ลบ.ม.
16.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 37.8 มคก./ลบ.ม.
ข้อแนะนำสุขภาพ
คุณภาพอากาศระดับสีส้ม : เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์
สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่นPM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 8 – 16 ต.ค. 67 การระบายอากาศ ที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ดี
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเกิดฝนตกตลอดช่วง และเนื่องจากช่วงนี้เริ่มมีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนตอนใต้ ทำให้เกิดภาวะ Inversion คือการที่อากาศด้านบนกดทับอากาศด้านล่าง
ส่งผลให้มลพิษไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และลมที่พัดเบา ประกอบกับชั้นอากาศที่สามารถผสมกันได้มีความสูงน้อย (ชั้นความสูงผสม: Mixing Height ต่ำลง) จึงทำให้อัตราการระบายอากาศไม่ดี (Ventilation Rate ต่ำ) ทำให้มลพิษสะสมอยู่ในอากาศเพิ่มขึ้น
จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติ จากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร
แต่อย่างไรก็ตาม จังหวัดด้านเหนือของ กทม. ไปถึงภาคกลางตอนล่าง เริ่มมีจุดความร้อนเกิดมากขึ้น คือ มีการเผาชีวมวลจากการเกษตร ประกอบกับมีลมจากตะวันออกเฉียงเหนือ พัดลงมา สามารถนำพาเอาฝุ่น PM2.5 จากนอกพื้นที่ กทม. เข้ามาทางด้านตะวันตกของ กทม. ได้ ทำให้พื้นที่ด้านตะวันตกของ กทม. มีฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้นในช่วงนี้
แหล่งที่มา
https://thethaiger.com/th/news/1256232/