JJNY : พ่อค้าโอดปุ๋ยแพงรอบ20ปี│ยกฟ้อง 2เเนวร่วมเสื้อเเดงปาระเบิด│กมธ.ซีกรบ.-ส.ว.โหวตคว่ำเบอร์เดียวกัน│ปูตินเข้าบังเกอร์

พ่อค้าโอดปุ๋ยแพงในรอบ20ปีกระทบยอดขาย.
https://www.nationtv.tv/news/378868476
 
 
เชียงใหม่ – พาณิชย์เชียงใหม่สำรวจร้านขายปุ๋ยในพื้นที่ พบมีการปรับราคาขึ้นเกือบ2เท่าตัว คาดแนวโน้มจะขยับราคาขึ้นอีก ขณะที่ผู้ค้ารายย่อยระบุปุ๋ยราคาแพงมากในรอบ 20 ปี กระทบยอดขายเกษตรกรซื้อน้อยลง ใช้วิธีผสมปุ๋ยลดต้นทุนการผลิต ด้านเกษตรครวญต้นทุนพุ่งขาดทุนยับ

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 นางพนิดา วานิชรัตน์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ราคาปุ๋ยเคมีในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จากการสำรวจร้านค้าประมาณ 34 แห่งในพื้นที่พบว่าได้มีการปรับราคาขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อเทียบราคาจากเมื่อ1-2 ปีที่ผ่านมาราคาปุ๋ยเคมีจากเดิมที่เคยจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 400-500 บาท ปรับเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ200 ส่งผลทำให้พฤติกรรมของเกษตรกรเปลี่ยนไป โดยไม่เลือกยี่ห้อปุ๋ยที่เคยใช้อยู่เป็นประจำ แต่จะเลือกยี่ห้อที่มีราคาถูก

สำหรับราคาปุ๋ยเคมีที่ปรับสูงขึ้นนั้นเกิดขึ้นทั่วโลกสาเหตุหลักเกิดจากสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน ทำให้หลายประเทศเริ่มมีการกักตุนสินค้าเพื่อเป็นต้นทุนในการสร้างอาหาร ทำให้ราคามีการขยับตัวสูงขึ้น สำหรับในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังไม่พบปัญหาการขาดแคลน ร้านค้ายังมีปุ๋ยจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ราคาปุ๋ยมีการปรับราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามราคาที่ทางผู้จัดจำหน่ายในส่วนกลางกำหนดมา
  
               ทั้งนี้    คาดว่าราคาปุ๋ยเคมีมีแนวโน้มที่จะขยับราคาเพิ่มขึ้นอีกหลังจากนี้ เนื่องจากความสมเหตุสมผลของต้นทุนที่ได้ขออนุมัติในระดับนโยบายมา ทั้งนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นผู้นำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศจะเป็นผู้ยื่นรายละเอียดต้นทุน เพื่อขอปรับราคาปุ๋ยต่อกรมการค้าภายใน เพื่อพิจารณาตามเหตุและผลที่เกิดขึ้น หากได้รับการพิจารณาให้มีการปรับเพิ่ม ผู้ประกอบการรายใหญ่จึงจะกระจายสินค้าที่ปรับราคาใหม่ออกไปยังตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อจัดส่งต่อให้กับผู้ค้ารายย่อย ก่อนจะถึงมือเกษตรกร
   
                 ด้านนายสมเพ็ชร ขัติยา เจ้าของร้าน อ.เกษตรป่าข่อย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันปุ๋ยเคมีมีการปรับราคาสูงขึ้นประมาณร้อยละ200 ซึ่งถือว่าราคาสูงมากในรอบ 20 ปี ตั้งแต่เปิดร้านขายเคมีเกษตรมา จากเดิมปุ๋ยยูเรียเคยจำหน่ายในราคากระสอบละประมาณ 500 บาท ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 บาท ทำให้กระทบต่อยอดขายจากเดิมที่เคยขายได้เฉลี่ยวันละ 10 กระสอบ ขณะนี้ขายได้เฉลี่ยวันละ 1 กระสอบ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อจะเป็นเกษตรกรที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง มีทั้งนำไปปลูกข้าว ปลูกพืชผัก ผลไม้
  
               ทั้งนี้   เกษตรกรที่เข้ามาซื้อสินค้าได้มีการปรับตัวด้วยการลดปริมาณการซื้อปุ๋ย จากเดิมเคยซื้อ10 กระสอบ จะซื้อเพียง 1 กระสอบ และนำไปผสมกับปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต ตอนนี้ที่ร้านจะไม่สั่งสินค้ามาเก็บไว้เป็นจำนวนมากเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่จะสั่งมาเก็บไว้พอที่ได้จำหน่ายเท่านั้น
  
              นายภากร มาทาเม เกษตรกรผู้ปลูกลำไยจังหวัดเชียงใหม่  กล่าวว่า จากเดิมที่เคยซื้อปุ๋ยในราคา 1,100 บาท ขณะนี้ปรับเพิ่งขึ้นเป็น 1,470 บาท นอกจากนี้สารที่ต้องใช้ใส่ต้นลำไยเพื่อเร่งให้มีผลผลิตก็มีการปรับตัวสูงขึ้นด้วย จากเดิมที่จำหน่ายในราคา 1,100 บาท ปรับเพิ่มเป็น 1,800 บาท ทำให้ต้นทุนการผลิตลำไยสูงขึ้นประมาณร้อยละ 30 ขณะที่ราคาลำไยไม่ได้มีการปรับเพิ่งขึ้นได้ตามต้นทุนการผลิต จากที่ได้พูดคุยกับเพื่อนที่ปลูกลำไยด้วยกันต่างบอกว่าต้องประสบกับปัญหาการขาดทุนอย่างแน่นอน
  
              ด้านนางผ่องพันธ์ สุปินะ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาปุ๋ยปุ๋ยยูเรียได้ปรับราคาสูงขึ้นจากราคากระสอบละ700 บาท ขึ้นเป็น 1,400 บาท ส่งผลให้เกษตรกรบางรายต้องงดปลูกข้าวโพดชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถสู้กับราคาปุ๋ยที่เพิ่มสูงขึ้นได้ และเกรงว่าจะต้องประสบกับปัญหาขาดทุน เนื่องจากต้องมีการใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยในการเก็บเกี่ยวซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายเช่นกัน ขณะที่ราคารับซื้ออยู่ที่ กิโลกรัมละ 4 บาท ซึ่งหากราคาปุ๋ยยังสูงขึ้นเช่นนี้ เกรงว่าจะกระทบต่อการปลูกลำไยในอนาคตที่จะเริ่มผลิตในช่วงปลายปี
  
              ขณะที่นายกิตติศักดิ์ จันทร์ไพศรี เกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ช่วงนี้ชาวนา บางรายได้งดปลูกข้าวนาปรังไปก่อน เนื่องจากราคาปุ๋ยที่มีการปรับราคาสูงขึ้น จากเดิมที่เคยซื้อในราคา กระสอบละ510 บาท ปรับเพิ่มเป็น 1,440 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมาก หากปลูกในช่วงนี้เกรงว่าจะไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต โดยปกติจะมีต้นทุนในการผลิตประมาณไร่ละ4,000 บาท เมื่อราคาปุ๋ยสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ6,000 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมกับค่ารถเกี่ยวข้าวและค่าจ้างรถขนข้าวไปจำหน่าย ซึ่งราคาข้างเปลือกเหนียวปัจจุบันจำหน่ายได้ในราคากิโลกรัมละ6 บาทเท่านั้น และมีแนวโน้มที่จะปรับลงจึงไม่คุ้มกับการลงทุนในช่วงนี้
 


ศาลอาญา ยกฟ้อง 2 เเนวร่วมเสื้อเเดง คดีปาระเบิด 3 สำนวน “ทนาย” เผยไม่มีพยานเห็นในที่เกิดเหตุ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6971109

ศาลอาญา ยกฟ้อง 2 เเนวร่วมเสื้อเเดง ถูกฟ้องปาระเบิด 3 สำนวน “ทนายวิญญัติ” เผยไม่มีประจักษ์พยานเห็นในที่เกิดเหตุ เตรียมยื่นประกันจำเลยที่ 2 ติดคดีอื่น

วันที่ 30 มี.ค.65 ที่ห้องพิจารณาคดี 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก คดีหมายเลขดำที่ อ2613/2564 คดีหมายเลขดำที่ อ2614/2564 คดีหมายเลขดำที่ อ2615/2564 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเสกสรร วรปีติเจริญกุล ,นายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี เเนวร่วม นปช.เป็นจำเลยที่ 1-2

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 25 ก.ค.53 จำเลยทั้งสองร่วมกันมีระเบิดแสวงเครื่อง 1 ลูกโดยระเบิดประกอบเป็นระบบไฟฟ้าโดยใช้นาฬิกาปลุกแบบคอร์ทเป็นตัวจุดระเบิดกับลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร นำไปวางไว้ที่บริเวณที่ทิ้งขยะใกล้กับป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บหลายคน
 
ส่วนอีกสำนวน 3 เม.ย.53 เป็นเหตุระเบิดเเสวงเครื่องบริเวณทางเท้าหน้าบ้านเลขที่ 260-262 ถนนหลานหลวง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ เเละวันเดียวกัน บริเวณหน้าองค์การโทรศัพท์ฯ ถนนกรุงเกษมแขวงวัดโสมนัสเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษา ว่าในส่วน 3 คดี ในวันนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีทั้ง 3 สำนวน ซึ่งเดิมศาลมีคำสั่งรวมสำนวนทั้งสามเรื่องเข้าด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการพิจารณาคดี

โดยศาลมีคำพิพากษายกฟ้องทั้ง 3 สำนวน เนื่องจากโจทก์ไม่มีพยานปากใดเห็นจำเลยทั้งสองอยู่ในที่เกิดเหตุทั้ง 3 แห่ง โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าลักษณะการต่อวงจรระเบิดที่ตรวจพบในรถฮอนด้าซีวิคมีวงจรเหมือนกับระเบิดทั้งสามคดีนี้
 
โดยนายกิตติศักดิ์จำเลยที่ 3 จะยังไม่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ เพราะยังเหลือเพียงอีก 1 คดี ที้ฟ้องมาล่าสุด ซึ่งทนายจำเลยจะหาทางรวบรวมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวต่อไป
 
ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ ถูกคุมขังอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557รวมทั้ง เคยถูกฟ้องในคดีชายชุดดำ ซึ่งที่ศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องฐานความผิดร่วมกันครอบครองอาวุธสงครามเหตุเกิดวันที่ 10เม.ย.53 ไปแล้วนั้น แต่ไม่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ เนื่องจากต่อมานายกิตติศักดิ์ กลับถูกอัยการนำตัวฟ้องว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดทั้ง 3 แห่งตามคดีนี้
  
และเขายังเป็นคนเดียวที่ถูกดำเนินคดีมากที่สุด ล่าสุด นายกิตติศักดิ์ ถูกฟ้องในคดีพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน(ทหาร ศอฉ.) ที่แยกคอกวัว ว่าใช้อาวุธปืนสงครามก่อเหตุพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 ซ้ำอีกคดีหนึ่ง
 

  
ตามคาด! กมธ.ซีกรัฐบาล-ส.ว. โหวตคว่ำบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เบอร์เดียวกัน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6971083

ตามคาด กรรมาธิการเสียงข้างมาก 32 เสียง โหวตคว่ำบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเบอร์เดียวกัน ขณะที่ลงมติเห็นด้วยใช้เบอร์เดียวกัน 14 เสียง
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มี.ค. 2565 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. โดยมีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ประธานกมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีกมธ.เข้าร่วม 47 คนจากทั้งหมด 49 คน
 
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เปิดให้กมธ.อภิปรายแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คนละเบอร์ หรือเบอร์เดียวกัน
 
กระทั่งเวลา 13.00 น. ที่ประชุมมีมติด้วยคะแนน 32 เห็นด้วยกับร่างของครม. ให้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบคนละเบอร์ และเห็นด้วยเบอร์เดียว 14 เสียง งดออกเสียง 1 เสียงคือนายสาธิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่