เราพูดกันด้วยเหตุผลนะ ถ้าเกิดมีใครคนใดคนหนึ่งมาดูถูกเราคุณมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะสู้กันจนตายไปข้างนึงเพื่อที่จะรักษาเกียรติของคุณไว้ แต่อย่างที่รู้กันการดวลกันนั้นไม่มีอีกแล้วจึงทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมล่ะ? ทำไมมันถึงไม่มีการดวลอีกแล้ว? ทำไมมันถึงผิดกฎหมายและทำไมผู้คนถึงหยุดดวลกัน?
เริ่มแรกเลยจุดสูงสุดของการดวลกันอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 19 แต่ในบางประเทศการดวลกันยังมีจนถึงศตวรรษที่ 20 เช่นในปี 1894 พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่สามได้ร่างกฏหมายและระเบียบในการดวลกันของนายทหารในรัสเซียหรือพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่กำหนดให้การดวลกันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายเพราะทรงเห็นว่าเป็นการทำร้ายกันโดยไม่มีเหตุผลแต่อย่างไรก็ตามการดวลกันครั้งสุดท้ายในฝรั่งเศสเกิดขึ้นในปี 1967 แน่นอนว่าระเบียบการดวลในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกันแต่จะมีข้อคล้ายกันดังนี้
จะต้องมีบุคคลหนึ่งทำการหยามเกียรติของเราและเราจะต้องเป็นฝ่ายเรียกร้อง โดยการเรียกร้องจะเป็นการขอโทษหรือการดวลเท่านั้นแต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถดวลกันได้เช่นนายร้อยจะไม่สามารถท้าดวลกับนายพลในกองทัพหรือชนชั้นสูงได้แน่นอนว่าคุณไม่จำเป็นต้องตอบตกลงเพื่อเอาชีวิตไปเสี่ยงแต่มันจะทำให้ทุกคนตราหน้าว่าคุณเป็นคนขี้ขลาดซึ่งสมัยนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และถ้าหากคุณตอบตกลงคุณจะมีสิทธิ์เลือกอาวุธได้โดยส่วนใหญ่จะเป็นปืนพกหรือกระบี่ยกตัวอย่างเช่นในเยอรมนีและอิตาลีจะใช้กระบี่ในการดวลแต่ในสหราชอาณาจักรฝรั่งเศสและรัสเซียจะใช้ปืนพกเป็นส่วนใหญ่และนั่นก็อันตรายมากกว่าเช่นกัน
หลังจากที่ตกลงการดวลแล้วคุณจะต้องนัดวันที่ทำการดวลและนั่นจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเปลี่ยนใจทั้งสองฝ่ายจะต้องนำพยานมาด้วยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนสนิทเพื่อทำการประนีประนอมก่อนการดวลและถ้าหากการประนีประนอมไม่มีผลก็ถึงเวลาดวล
แล้วทำไมการดวลกันถึงหายไปหมดแล้วล่ะ? อย่างแรกเลยการที่นายร้อยจบใหม่ฆ่ากันตายหลังจากที่เรียนจบนั้นส่งผลต่อการบังคับบัญชากองทัพของอังกฤษและสหรัฐเป็นอย่างมากตัวอย่างเช่นจอร์จวอชิงตันมีปัญหาเรื่องนายทหารไม่เพียงพอเพราะการดวลกันในสงครามประกาศอิสระภาพอีกเหตุผลคือหลายคนใช้การดวลเป็นวิธีในการฆ่าตัวตายรวมไปถึงในอังกฤษที่ชนชั้นสูงฆ่ากันตายแล้วไม่ถูกดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้นหรือบางคนโดนแค่โทษปรับเท่านั้น นั่นเป็นเพราะผู้พิพากษาซึ่งเป็นชนชั้นสูงและรู้ดีในเรื่องศักดิ์ศรีและศักดินาของชนชั้นสูงจึงแทบไม่มีการดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้น
ในสหรัฐอเมริกามีการยกเลิกการดวลในฝั่งเหนือแต่แน่นอนในตัวอย่างคือ Aaron Burr ที่สังหาร Alexander Hamilton ในการดวลโดนข้อหาฆาตกรรมแต่กลับรอดไปได้ด้วยโทษปรับเท่านั้นนั่นเป็นเพราะทั้งสองคนเป็นชนชั้นสูงถึงแม้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การดวลกันในฝั่งเหนือจะเริ่มหายากแต่จะพบเห็นได้บ่อยมากในฝั่งใต้โดยเฉพาะในรัฐ South Carolina แต่ทุกอย่างก็จบลงหลังจากที่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเพราะการฆ่าเพื่อนร่วมชาติเพื่อสิ่งที่ไม่มีจริงอย่างเกียรติยศนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ารังเกียจในตอนนั้น
การดวลกันที่เริ่มล้าหลังในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เพราะการมองชนชั้นสูงฆ่ากันเพื่อสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศนั้นเป็นเรื่องที่น่าขำรวมไปถึงในสหราชอาณาจักรการที่นายทหารทำการดวลกันทั้งสองฝ่ายจะถูกยกเลิกบำนาญทั้งหมดรวมถึงสังคมที่เปลี่ยนไปทุกวันนี้เราจึงเห็นการดวลกันในแบบสมัยใหม่ “การฟ้องหมิ่นประมาท”
ในปี 1915 ถึง 1922 มุสโสลินีได้ดวลดาบมากถึง 5 ครั้งและมีรายงานว่ามีครั้งหนึ่งได้ดวลกันมากถึง 40 เพลง
การดวลครั้งสุดท้ายของฝรั่งเศสในปี 1967 ระหว่าง Deffere และ Ribiere
ทำไมสมัยนี้ไม่มีการดวลกันอีกแล้ว
เริ่มแรกเลยจุดสูงสุดของการดวลกันอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงกลางศตวรรษที่ 19 แต่ในบางประเทศการดวลกันยังมีจนถึงศตวรรษที่ 20 เช่นในปี 1894 พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่สามได้ร่างกฏหมายและระเบียบในการดวลกันของนายทหารในรัสเซียหรือพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่กำหนดให้การดวลกันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายเพราะทรงเห็นว่าเป็นการทำร้ายกันโดยไม่มีเหตุผลแต่อย่างไรก็ตามการดวลกันครั้งสุดท้ายในฝรั่งเศสเกิดขึ้นในปี 1967 แน่นอนว่าระเบียบการดวลในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกันแต่จะมีข้อคล้ายกันดังนี้
จะต้องมีบุคคลหนึ่งทำการหยามเกียรติของเราและเราจะต้องเป็นฝ่ายเรียกร้อง โดยการเรียกร้องจะเป็นการขอโทษหรือการดวลเท่านั้นแต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถดวลกันได้เช่นนายร้อยจะไม่สามารถท้าดวลกับนายพลในกองทัพหรือชนชั้นสูงได้แน่นอนว่าคุณไม่จำเป็นต้องตอบตกลงเพื่อเอาชีวิตไปเสี่ยงแต่มันจะทำให้ทุกคนตราหน้าว่าคุณเป็นคนขี้ขลาดซึ่งสมัยนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และถ้าหากคุณตอบตกลงคุณจะมีสิทธิ์เลือกอาวุธได้โดยส่วนใหญ่จะเป็นปืนพกหรือกระบี่ยกตัวอย่างเช่นในเยอรมนีและอิตาลีจะใช้กระบี่ในการดวลแต่ในสหราชอาณาจักรฝรั่งเศสและรัสเซียจะใช้ปืนพกเป็นส่วนใหญ่และนั่นก็อันตรายมากกว่าเช่นกัน
หลังจากที่ตกลงการดวลแล้วคุณจะต้องนัดวันที่ทำการดวลและนั่นจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเปลี่ยนใจทั้งสองฝ่ายจะต้องนำพยานมาด้วยซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนสนิทเพื่อทำการประนีประนอมก่อนการดวลและถ้าหากการประนีประนอมไม่มีผลก็ถึงเวลาดวล
แล้วทำไมการดวลกันถึงหายไปหมดแล้วล่ะ? อย่างแรกเลยการที่นายร้อยจบใหม่ฆ่ากันตายหลังจากที่เรียนจบนั้นส่งผลต่อการบังคับบัญชากองทัพของอังกฤษและสหรัฐเป็นอย่างมากตัวอย่างเช่นจอร์จวอชิงตันมีปัญหาเรื่องนายทหารไม่เพียงพอเพราะการดวลกันในสงครามประกาศอิสระภาพอีกเหตุผลคือหลายคนใช้การดวลเป็นวิธีในการฆ่าตัวตายรวมไปถึงในอังกฤษที่ชนชั้นสูงฆ่ากันตายแล้วไม่ถูกดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้นหรือบางคนโดนแค่โทษปรับเท่านั้น นั่นเป็นเพราะผู้พิพากษาซึ่งเป็นชนชั้นสูงและรู้ดีในเรื่องศักดิ์ศรีและศักดินาของชนชั้นสูงจึงแทบไม่มีการดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้น
ในสหรัฐอเมริกามีการยกเลิกการดวลในฝั่งเหนือแต่แน่นอนในตัวอย่างคือ Aaron Burr ที่สังหาร Alexander Hamilton ในการดวลโดนข้อหาฆาตกรรมแต่กลับรอดไปได้ด้วยโทษปรับเท่านั้นนั่นเป็นเพราะทั้งสองคนเป็นชนชั้นสูงถึงแม้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การดวลกันในฝั่งเหนือจะเริ่มหายากแต่จะพบเห็นได้บ่อยมากในฝั่งใต้โดยเฉพาะในรัฐ South Carolina แต่ทุกอย่างก็จบลงหลังจากที่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นเพราะการฆ่าเพื่อนร่วมชาติเพื่อสิ่งที่ไม่มีจริงอย่างเกียรติยศนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ารังเกียจในตอนนั้น
การดวลกันที่เริ่มล้าหลังในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เพราะการมองชนชั้นสูงฆ่ากันเพื่อสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศนั้นเป็นเรื่องที่น่าขำรวมไปถึงในสหราชอาณาจักรการที่นายทหารทำการดวลกันทั้งสองฝ่ายจะถูกยกเลิกบำนาญทั้งหมดรวมถึงสังคมที่เปลี่ยนไปทุกวันนี้เราจึงเห็นการดวลกันในแบบสมัยใหม่ “การฟ้องหมิ่นประมาท”