วันนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัว พรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Woody Exclusive ซึ่งสัมภาษณ์โดย วู้ดดี้-นายวุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดัง ผ่านทางยูทูป ซึ่งมีความยาวประมาณ20นาที มีหลายช่วงหลายตอนที่น่าสนใจ เช่น
.
เรื่องข้อสอบ การสอบเอ็นทรานซ์เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทบาททางการเมือง ความพร้อมที่จะเป็นนายกฯ หรือไม่ อยากให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือไม่ การกลับประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดา จะกลับมาในช่วงเวลาใด รวมไปถึงเหตุการณ์ตอนรัฐประหาร 19กันยา 2549 โดยตลอดการให้สัมภาษณ์มีนางพินทองทา คุณากรวงศ์ พี่สาว คอยให้กำลังใจตลอดเวลาระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่โรงแรม Rosewood Bangkok ซึ่งเป็นโรงแรมหรู ที่มีนางพินทองทา เป็นเจ้าของ
.
ช่วงแรก นส.แพทองธาร ได้พูดถึงการเติบโตมาในครอบครัวชินวัตร สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณพ่อนั้น ภูมิใจที่คุณพ่อเก่ง มีอะไรถามได้ เป็นที่พึ่ง ตอน 8 ขวบ คุณพ่อเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เคยเข้าไปนั่งถ่ายรูปในกระทรวง ตอนอายุ14 ปี คุณพ่อเป็นนายกฯ ในครอบครัวอบอุ่นมาก ไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็น somebody มาก ๆ ไม่รู้สึกขนาดนั้น สิ่งที่เรียนรู้จากพ่อคือ การมีสติ ทำให้เราต้องรู้ตัวตลอดเวลา อะไรคือของจริง อะไรคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นก็โดนเยอะ
.
อย่างข่าว มหาวิทยาลัย ข่าวอะไรก็คงออกไปเยอะ เป็นข่าวเชิงลบกับเรา แรก ๆ รู้สึกจิตใจพังเยอะ แต่ครอบครัวเป็นกำแพงให้ รู้สึกว่า เหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียว คุณพ่อกับคุณแม่เขาจะมีวิธี การสื่อสารระหว่างครอบครัวเยอะ ไปค้นหาในอดีตยังมีเรื่องเอนทรานซ์โผล่ขึ้นมา ล่าสุดในอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า เรื่องนี้มันก็เก่ามากแล้ว เราผ่านกระบวนการของการสอบสัมภาษณ์ทุกอย่าง เขาสืบสวน สอบสวนหมดแล้ว เราก็เข้าเรียนได้ปกติ แล้วก็จบมา4ปี ตามปกติ
.
เมื่อให้เล่าย้อนอดีตไปถึงความรู้สึกกับการเมืองช่วงแรก-ๆ เธอได้อธิบายด้วยท่าทางอารมณ์ดีพร้อมกับระบุว่า อยากเป็นลูกรักพ่อเนาะ เป็นลูกสาวคนเล็ก อะไรที่พ่อทำเราก็ต้องชอบหมด (หัวเราะตาหยี) เหมือนเป็นการเอาใจนิดนึง พ่อไปตีกอล์ฟร้อนมากแต่ก็ไปด้วย การเมืองคือสิ่งที่พ่อทำ มันก็เลยทำให้เราอยากรู้ อยากเข้าใจแล้วก็อยากที่จะเหมือนอยู่เคียงข้างพ่อไปตลอด นึกขึ้นมาเหมือนเราจะไม่ชอบการเมือง มันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น สิ่งที่พ่อสอนตลอดคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต
.
พ่อพูดเสมอว่า เราอย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว แม้เราจะรู้สึกคุณพ่อเก่ง บางทีไม่เคยรู้สึกว่า ฉันเก่งที่สุดในห้อง ไม่เคยเป็น ก็จะเล่าเรื่องไปเจอคนนั้นคนนี้มา คนนั้นเก่งมาก คนนี้เก่งมาก เป็นสิ่งที่รู้สึกว่าโอเคมาก ๆ เราอยากจะเรียนรู้ไปตลอดชีวิต จะถ่ายทอดให้ลูกต่อ ให้หลานต่อ เราไม่ต้องกลัวที่จะเรียนรู้ เรียนรู้ไปเลย ในสิ่งที่เราไม่รู้
.
พิธีกรถามถึงเรื่อง Passion ในวันนี้ นส.แพทองธาร กล่าวว่า ตั้งแต่มีลูก อยากทำให้ประเทศน่าอยู่สำหรับลูกเรา อีกหน่อยลูกเราจะมีเวทีหรือไม่ หากอยากจะแสดงศักยภาพเขาขึ้นมา
.
ถามว่า อยากให้อะไรเกิดขึ้นเร็วที่สุด สำหรับประเทศชาติบ้านเรา หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตอบทันทีว่า อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลค่ะ คิดว่ารู้สึกว่า มันนานล่ะที่มันเป็นอยู่แบบนี้ คิดว่าประเทศมันต้องไปต่อ มันต้องไปต่อ ตอนนี้มันถอยหลังอย่างเดียว จากการที่คุณพ่อออกไป ประเทศ หรือเศรษฐกิจทุกอย่าง ก็ยังไม่เคยดีเท่าวันนั้น
.
วู้ดดี้ ขอให้เล่าวันที่ ไม่อาจใช้ชีวิตบนแผ่นดินเดียวกับพ่อ ความรู้สึกเป็นอย่างไร ลูกสาวคนเล็กนายทักษิณ ตอบว่า วันที่19กันยายน 2549 เป็นวันที่น่ากลัวมาก ๆสำหรับครอบครัวเรา วันนั้นเป็นวันใกล้สอบ ไปถึงคอนโดมิเนียมของเพื่อน กำลังจะพูดคุย หยิบหนังสือมาอ่าน แม่ก็โทรมา กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ ออกมาเลย มีรถถังออกมา ในใจคืองง ไปหมดเลย รถถังคืออะไร เราต้องไปไหน กำลังจะขับรถกลับบ้าน แม่ก็โทรมาอีก กลับบ้านไม่ได้ ทหารปิดซอยหมดแล้ว
.
เลยขับไปที่ Safe House ก็อยู่กับคุณแม่สองคน พี่ชายอยู่คนละที่ พี่สาวกำลังเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ คุณพ่ออยู่สหรัฐอเมริกา อิ๊งไปเจอคุณแม่ก่อน ก็กลัว เป็นความกลัวมาก ๆ ตอนนั้นยังอยู่ในชุดมหาวิทยาลัย แล้วก็โทรคุยกับ พี่เอม ก็ร้องไห้ ถามว่าทุกคนโอเคหรือไม่ เราไม่แน่ใจว่า จะมีอะไรมาถึงตัวเราหรือไม่ มันกลัวมากกว่า
.
การสัมภาษณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้ นส.แพทองธาร เหมือนกำลังจะร้องไห้ จากนั้นเล่าต่อไปอีกว่า สิ่งที่น่ากลัวคือ เป็นห่วงคนในครอบครัว พี่เอมก็โทรมา ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะอยู่คนเดียว อยู่กับพ่อก็หนักหนา เพราะโดนปฏิวัติที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ปฏิวัติโดยที่ไม่รู้ล่วงหน้า พี่เอมก็เครียดเพราะอยู่กับพ่อสองคน ไม่รู้ว่าจะต้องคุยอะไร พูดอะไร บอกว่าไม่เป็นอะไรนะ ก็ไม่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องที่จะ get well soon มันเป็นอะไรอีก Level หนึ่ง ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ไม่เชื่อว่าพูดแล้วก็ยังรู้สึก
.
เมื่อรู้แล้วจะไม่ได้เจอหน้าพ่อง่าย ๆ แล้วทำใจอย่างไร ปรับจูนอย่างไร ลูกสาวนายทักษิณ กล่าวว่า ดีใจที่มีเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป ดีใจมาก ที่เรายังสามารถบินไปเจอกันได้ คุยกับคุณแม่แรก ๆ ยังพูดตลอดเวลา ดีนะยังได้ยินเสียงกัน
.
นส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า เป็นคนที่สนิทกับพ่อมาก ตั้งแต่เด็กตีกอล์ฟกับพ่อ คือไปด้วย พ่อไปหาเสียง ไปด้วยไม่เคยบ่น ไม่เคยรู้สึกอากาศรอบข้าง ไม่มีความรู้สึก เพราะเราติดพ่ออยากอยู่ข้าง ๆ เขา เป็นคนกล้าบอกเขาทุกเรื่อง ตั้งแต่เด็กจนโต บอกหมดเลย
.
ขณะที่สนทนามาถึงตอนนี้ วู้ดดี้ได้ตัดบทพร้อมปรารถขึ้นมาว่า มิน่าพ่อถึงบอก ถ้าอยากจะรู้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ให้ถามอิ๊ง เพราะว่าได้กระซิบบอกลูกสาวเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อเมื่อไหร่จะกลับมา หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตอบว่า คุณพ่อบอก ห้ามบอกพี่วู้ดดี้ พ่อบอกว่าจะออกรายการพี่วู้ดดี้เหรอ ชู๊วส์ เงียบไว้ก่อน
.
เมื่อถึงเวลาทุกคนจะรู้ค่ะ ส่วนจะรู้จากตัวเองหรือพ่อ เอาไว้ว่ากันอีกที เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์ แต่ก็รอคอยวันนั้น รอคอย เชื่อว่าทุกคนในครอบครัวรอคอย สิ่งที่พูดกัน ไม่ได้พูดถึงรูปแบบของการกลับมามากมาย จะพูดกันในเรื่องแบบว่า กลับมาแล้วอยากทำอะไร บอกคุณพ่อว่า กลับมาแล้วจะให้อยู่บ้าน เลี้ยงหลาน ไม่ต้องทำงานเยอะแล้ว
.
ถามว่า ถ้าพ่อได้มีโอกาสกลับมาคิดว่าในวันนี้พ่ออยากจะทำอะไรให้กับประเทศชาติ นส.แพทองธาร ระบุว่า ที่คุณพ่อพูดเสมอคือ อยากจะฟื้นฟูเศรษฐกิจก่อน เพราะเขาพูดเสมอ ปากท้องคนไทยตอนนี้ลำบากมาก เป็นเรื่องที่เขากังวลมาก
.
คิดว่าจะมีโอกาสสามารถทำงานร่วมกับนายกฯ คนปัจจุบันได้หรือไม่ นส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเพื่อไทย ทำงานในสภาฯอยู่แล้ว ถ้าถามส่วนตัวนะ ก็เปลี่ยนไหมอ่ะ มันก็นานแล้วเหมือนกันน่ะ ถ้าอ่านอะไรในโซเชียลบ้างมันก็จะเห็น คนเขาลำบากจริง แล้วเขาก็อยากได้การเปลี่ยนแปลงจริง ๆ อิ๊งว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่มันต้องเปลี่ยน
.
ต่อมานายวู้ดดี้ได้แซว และขอให้พูดถึงตำแหน่งในพรรค โดยนส.แพทองธาร ตอบว่า เป็น ประธานคณะทำงานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย เลยนำมาสู่คำถามที่ว่า อนาคตมีโอกาสจะรับตำแหน่งอื่นอีกหรือไม่ เช่น นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
.
ว้าว นายกฯ เลยใช่ไหมคะ (หัวเราะ) ต้องแล้วแต่คนในพรรคจะเมตตาเราว่าแค่ไหน จะต้องออกมาข้างนอกว่า ประชาชนคิดอย่างไรมากกว่า
.
ซักอีกว่า อยากเป็นไหม นส.แพทองธาร นิ่งคิดชั่วครู่พร้อมย้อนถามมาว่า นายกฯ หรอคะ วันนี้ใช่ไหมคะ ยังไม่อยากค่ะ (หัวเราะร่วนตามแบบฉบับของเธอ) แต่ก็รู้สึกว่า ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง อิ๊งว่า ถ้าเวลามันถึง มันใช่ ไม่รู้ความคิดจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ ณ วันนี้ ที่พูดกับพี่วู้ดดี้อยู่ ยังไม่ได้อยากเป็นนายกฯ เราอยากจะเก่งกว่านี้ก่อน อยากจะมีประสบการณ์มากกว่านี้สักหน่อย
.
ถามว่า การเมืองมันค่อนข้างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ก็จะมีการขุดคุ้ย สืบค้น ในโซเชียลมันออกมาหมด เราพร้อมแล้วใช่หรือไม่ ที่จะยืนอยู่กลางแจ้ง นส.แพทองธารกล่าวว่า ชินวัตรถูกขุดคุ้ยมาตลอดเลย ยังไม่มีวันไหน ยังไม่ถูกขุดคุ้ยเลย มันเป็นมานานแล้ว อิ๊งปรับตัวตรงนั้นมานานแล้ว เรารู้อยู่แล้วว่า มันยังไม่มีอะไรที่เขายังไม่ขุดคุ้ย คิดว่า google ไปก็เจอหมด ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงพูด ควรเป็นประชาธิปไตยเต็ม ๆ เสียที เราสามารถพูดคิดเห็นได้เริ่มจากครอบครัวก่อนเลย มันง่ายสุดในการยกตัวอย่าง อิ๊งมีสิทธิ์พูดกับพ่อแม่ ได้ทุกอย่าง บนความที่เราไม่ท้าทายเขา หรือไม่เคารพเขา อิ๊งพูดได้ทุกอย่างกับที่บ้าน อิ๊งไม่อยากทำอันนี้ อยากทำอันนี้ ชอบอันนี้ ไม่ชอบอันนี้ แล้วอิ๊งก็ได้ทำแบบนั้นมาเสมอ
.
มีอะไรอยากจะบอกกับพี่น้องชาวไทยอย่างเป็นทางการเลย นส.แพทองธารกล่าวว่า ถึงมันจะเป็นบทบาทใหม่ แต่ว่าทุกบทบาทที่ได้รับ ก็มีความตั้งใจมาก ๆ ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ก็อยากจะช่วยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศเราดีขึ้น ไม่ว่าวันจะรู้แบบไหน อนาคตจะเอาโอกาสอะไรมาให้เรา เราคงต้องทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดแน่นอน ก็ถ้าจะฝากก็ฝากพรุ่งนี้เพื่อไทย รวมทั้งส่วนตัวสนับสนุนเรื่อง LGBTQ และเรื่องสมรสเท่าเทียม
.
ในตอนท้าย วู้ดดี้ได้ถามอีกว่า เมื่อลงสนามการเมือง กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ เป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มตั้งคำถามมายังคุณ นส.แพทองธาร กล่าวว่า เอาจริง ๆ นะ เคยคิดไหมหรอ คิดแต่ไม่ได้คิดไปในแง่นั้น คือแค่รู้สึกว่า มันต้องดีขึ้น การเมือง เศรษฐกิจ ความคิดของประเทศ มันต้องดีขึ้น มันต้องก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว เราจะไม่หยุดอยู่ที่เดิม ความยุติธรรมต้องชัดเจนขึ้น ทุกอย่างมันต้องเคลียร์ขึ้น โลกโซเชียลมันแรง อย่างที่พี่บอก ดีค่ะ
-------------------------------
https://www.facebook.com/336295587309275/posts/1024322141839946/
"อุ๊งอิ๊ง" เปิดใจรายการ "วูดดี้" อยากให้บ้านเมืองดีเหมือน "ยุคทักษิน" แง้ม พ่อกลับแน่แต่ขออุบไว้ก่อน
.
เรื่องข้อสอบ การสอบเอ็นทรานซ์เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บทบาททางการเมือง ความพร้อมที่จะเป็นนายกฯ หรือไม่ อยากให้มีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือไม่ การกลับประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดา จะกลับมาในช่วงเวลาใด รวมไปถึงเหตุการณ์ตอนรัฐประหาร 19กันยา 2549 โดยตลอดการให้สัมภาษณ์มีนางพินทองทา คุณากรวงศ์ พี่สาว คอยให้กำลังใจตลอดเวลาระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่โรงแรม Rosewood Bangkok ซึ่งเป็นโรงแรมหรู ที่มีนางพินทองทา เป็นเจ้าของ
.
ช่วงแรก นส.แพทองธาร ได้พูดถึงการเติบโตมาในครอบครัวชินวัตร สิ่งที่ได้เรียนรู้จากคุณพ่อนั้น ภูมิใจที่คุณพ่อเก่ง มีอะไรถามได้ เป็นที่พึ่ง ตอน 8 ขวบ คุณพ่อเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เคยเข้าไปนั่งถ่ายรูปในกระทรวง ตอนอายุ14 ปี คุณพ่อเป็นนายกฯ ในครอบครัวอบอุ่นมาก ไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็น somebody มาก ๆ ไม่รู้สึกขนาดนั้น สิ่งที่เรียนรู้จากพ่อคือ การมีสติ ทำให้เราต้องรู้ตัวตลอดเวลา อะไรคือของจริง อะไรคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นก็โดนเยอะ
.
อย่างข่าว มหาวิทยาลัย ข่าวอะไรก็คงออกไปเยอะ เป็นข่าวเชิงลบกับเรา แรก ๆ รู้สึกจิตใจพังเยอะ แต่ครอบครัวเป็นกำแพงให้ รู้สึกว่า เหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียว คุณพ่อกับคุณแม่เขาจะมีวิธี การสื่อสารระหว่างครอบครัวเยอะ ไปค้นหาในอดีตยังมีเรื่องเอนทรานซ์โผล่ขึ้นมา ล่าสุดในอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า เรื่องนี้มันก็เก่ามากแล้ว เราผ่านกระบวนการของการสอบสัมภาษณ์ทุกอย่าง เขาสืบสวน สอบสวนหมดแล้ว เราก็เข้าเรียนได้ปกติ แล้วก็จบมา4ปี ตามปกติ
.
เมื่อให้เล่าย้อนอดีตไปถึงความรู้สึกกับการเมืองช่วงแรก-ๆ เธอได้อธิบายด้วยท่าทางอารมณ์ดีพร้อมกับระบุว่า อยากเป็นลูกรักพ่อเนาะ เป็นลูกสาวคนเล็ก อะไรที่พ่อทำเราก็ต้องชอบหมด (หัวเราะตาหยี) เหมือนเป็นการเอาใจนิดนึง พ่อไปตีกอล์ฟร้อนมากแต่ก็ไปด้วย การเมืองคือสิ่งที่พ่อทำ มันก็เลยทำให้เราอยากรู้ อยากเข้าใจแล้วก็อยากที่จะเหมือนอยู่เคียงข้างพ่อไปตลอด นึกขึ้นมาเหมือนเราจะไม่ชอบการเมือง มันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น สิ่งที่พ่อสอนตลอดคือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต
.
พ่อพูดเสมอว่า เราอย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว แม้เราจะรู้สึกคุณพ่อเก่ง บางทีไม่เคยรู้สึกว่า ฉันเก่งที่สุดในห้อง ไม่เคยเป็น ก็จะเล่าเรื่องไปเจอคนนั้นคนนี้มา คนนั้นเก่งมาก คนนี้เก่งมาก เป็นสิ่งที่รู้สึกว่าโอเคมาก ๆ เราอยากจะเรียนรู้ไปตลอดชีวิต จะถ่ายทอดให้ลูกต่อ ให้หลานต่อ เราไม่ต้องกลัวที่จะเรียนรู้ เรียนรู้ไปเลย ในสิ่งที่เราไม่รู้
.
พิธีกรถามถึงเรื่อง Passion ในวันนี้ นส.แพทองธาร กล่าวว่า ตั้งแต่มีลูก อยากทำให้ประเทศน่าอยู่สำหรับลูกเรา อีกหน่อยลูกเราจะมีเวทีหรือไม่ หากอยากจะแสดงศักยภาพเขาขึ้นมา
.
ถามว่า อยากให้อะไรเกิดขึ้นเร็วที่สุด สำหรับประเทศชาติบ้านเรา หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตอบทันทีว่า อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลค่ะ คิดว่ารู้สึกว่า มันนานล่ะที่มันเป็นอยู่แบบนี้ คิดว่าประเทศมันต้องไปต่อ มันต้องไปต่อ ตอนนี้มันถอยหลังอย่างเดียว จากการที่คุณพ่อออกไป ประเทศ หรือเศรษฐกิจทุกอย่าง ก็ยังไม่เคยดีเท่าวันนั้น
.
วู้ดดี้ ขอให้เล่าวันที่ ไม่อาจใช้ชีวิตบนแผ่นดินเดียวกับพ่อ ความรู้สึกเป็นอย่างไร ลูกสาวคนเล็กนายทักษิณ ตอบว่า วันที่19กันยายน 2549 เป็นวันที่น่ากลัวมาก ๆสำหรับครอบครัวเรา วันนั้นเป็นวันใกล้สอบ ไปถึงคอนโดมิเนียมของเพื่อน กำลังจะพูดคุย หยิบหนังสือมาอ่าน แม่ก็โทรมา กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ ออกมาเลย มีรถถังออกมา ในใจคืองง ไปหมดเลย รถถังคืออะไร เราต้องไปไหน กำลังจะขับรถกลับบ้าน แม่ก็โทรมาอีก กลับบ้านไม่ได้ ทหารปิดซอยหมดแล้ว
.
เลยขับไปที่ Safe House ก็อยู่กับคุณแม่สองคน พี่ชายอยู่คนละที่ พี่สาวกำลังเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ คุณพ่ออยู่สหรัฐอเมริกา อิ๊งไปเจอคุณแม่ก่อน ก็กลัว เป็นความกลัวมาก ๆ ตอนนั้นยังอยู่ในชุดมหาวิทยาลัย แล้วก็โทรคุยกับ พี่เอม ก็ร้องไห้ ถามว่าทุกคนโอเคหรือไม่ เราไม่แน่ใจว่า จะมีอะไรมาถึงตัวเราหรือไม่ มันกลัวมากกว่า
.
การสัมภาษณ์ดำเนินมาถึงตรงนี้ นส.แพทองธาร เหมือนกำลังจะร้องไห้ จากนั้นเล่าต่อไปอีกว่า สิ่งที่น่ากลัวคือ เป็นห่วงคนในครอบครัว พี่เอมก็โทรมา ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะอยู่คนเดียว อยู่กับพ่อก็หนักหนา เพราะโดนปฏิวัติที่ไม่รู้ตัวมาก่อน ปฏิวัติโดยที่ไม่รู้ล่วงหน้า พี่เอมก็เครียดเพราะอยู่กับพ่อสองคน ไม่รู้ว่าจะต้องคุยอะไร พูดอะไร บอกว่าไม่เป็นอะไรนะ ก็ไม่ใช่ มันไม่ใช่เรื่องที่จะ get well soon มันเป็นอะไรอีก Level หนึ่ง ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ไม่เชื่อว่าพูดแล้วก็ยังรู้สึก
.
เมื่อรู้แล้วจะไม่ได้เจอหน้าพ่อง่าย ๆ แล้วทำใจอย่างไร ปรับจูนอย่างไร ลูกสาวนายทักษิณ กล่าวว่า ดีใจที่มีเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไป ดีใจมาก ที่เรายังสามารถบินไปเจอกันได้ คุยกับคุณแม่แรก ๆ ยังพูดตลอดเวลา ดีนะยังได้ยินเสียงกัน
.
นส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า เป็นคนที่สนิทกับพ่อมาก ตั้งแต่เด็กตีกอล์ฟกับพ่อ คือไปด้วย พ่อไปหาเสียง ไปด้วยไม่เคยบ่น ไม่เคยรู้สึกอากาศรอบข้าง ไม่มีความรู้สึก เพราะเราติดพ่ออยากอยู่ข้าง ๆ เขา เป็นคนกล้าบอกเขาทุกเรื่อง ตั้งแต่เด็กจนโต บอกหมดเลย
.
ขณะที่สนทนามาถึงตอนนี้ วู้ดดี้ได้ตัดบทพร้อมปรารถขึ้นมาว่า มิน่าพ่อถึงบอก ถ้าอยากจะรู้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ให้ถามอิ๊ง เพราะว่าได้กระซิบบอกลูกสาวเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อเมื่อไหร่จะกลับมา หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตอบว่า คุณพ่อบอก ห้ามบอกพี่วู้ดดี้ พ่อบอกว่าจะออกรายการพี่วู้ดดี้เหรอ ชู๊วส์ เงียบไว้ก่อน
.
เมื่อถึงเวลาทุกคนจะรู้ค่ะ ส่วนจะรู้จากตัวเองหรือพ่อ เอาไว้ว่ากันอีกที เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรส์ แต่ก็รอคอยวันนั้น รอคอย เชื่อว่าทุกคนในครอบครัวรอคอย สิ่งที่พูดกัน ไม่ได้พูดถึงรูปแบบของการกลับมามากมาย จะพูดกันในเรื่องแบบว่า กลับมาแล้วอยากทำอะไร บอกคุณพ่อว่า กลับมาแล้วจะให้อยู่บ้าน เลี้ยงหลาน ไม่ต้องทำงานเยอะแล้ว
.
ถามว่า ถ้าพ่อได้มีโอกาสกลับมาคิดว่าในวันนี้พ่ออยากจะทำอะไรให้กับประเทศชาติ นส.แพทองธาร ระบุว่า ที่คุณพ่อพูดเสมอคือ อยากจะฟื้นฟูเศรษฐกิจก่อน เพราะเขาพูดเสมอ ปากท้องคนไทยตอนนี้ลำบากมาก เป็นเรื่องที่เขากังวลมาก
.
คิดว่าจะมีโอกาสสามารถทำงานร่วมกับนายกฯ คนปัจจุบันได้หรือไม่ นส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเพื่อไทย ทำงานในสภาฯอยู่แล้ว ถ้าถามส่วนตัวนะ ก็เปลี่ยนไหมอ่ะ มันก็นานแล้วเหมือนกันน่ะ ถ้าอ่านอะไรในโซเชียลบ้างมันก็จะเห็น คนเขาลำบากจริง แล้วเขาก็อยากได้การเปลี่ยนแปลงจริง ๆ อิ๊งว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่มันต้องเปลี่ยน
.
ต่อมานายวู้ดดี้ได้แซว และขอให้พูดถึงตำแหน่งในพรรค โดยนส.แพทองธาร ตอบว่า เป็น ประธานคณะทำงานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย เลยนำมาสู่คำถามที่ว่า อนาคตมีโอกาสจะรับตำแหน่งอื่นอีกหรือไม่ เช่น นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
.
ว้าว นายกฯ เลยใช่ไหมคะ (หัวเราะ) ต้องแล้วแต่คนในพรรคจะเมตตาเราว่าแค่ไหน จะต้องออกมาข้างนอกว่า ประชาชนคิดอย่างไรมากกว่า
.
ซักอีกว่า อยากเป็นไหม นส.แพทองธาร นิ่งคิดชั่วครู่พร้อมย้อนถามมาว่า นายกฯ หรอคะ วันนี้ใช่ไหมคะ ยังไม่อยากค่ะ (หัวเราะร่วนตามแบบฉบับของเธอ) แต่ก็รู้สึกว่า ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง อิ๊งว่า ถ้าเวลามันถึง มันใช่ ไม่รู้ความคิดจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ ณ วันนี้ ที่พูดกับพี่วู้ดดี้อยู่ ยังไม่ได้อยากเป็นนายกฯ เราอยากจะเก่งกว่านี้ก่อน อยากจะมีประสบการณ์มากกว่านี้สักหน่อย
.
ถามว่า การเมืองมันค่อนข้างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ก็จะมีการขุดคุ้ย สืบค้น ในโซเชียลมันออกมาหมด เราพร้อมแล้วใช่หรือไม่ ที่จะยืนอยู่กลางแจ้ง นส.แพทองธารกล่าวว่า ชินวัตรถูกขุดคุ้ยมาตลอดเลย ยังไม่มีวันไหน ยังไม่ถูกขุดคุ้ยเลย มันเป็นมานานแล้ว อิ๊งปรับตัวตรงนั้นมานานแล้ว เรารู้อยู่แล้วว่า มันยังไม่มีอะไรที่เขายังไม่ขุดคุ้ย คิดว่า google ไปก็เจอหมด ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงพูด ควรเป็นประชาธิปไตยเต็ม ๆ เสียที เราสามารถพูดคิดเห็นได้เริ่มจากครอบครัวก่อนเลย มันง่ายสุดในการยกตัวอย่าง อิ๊งมีสิทธิ์พูดกับพ่อแม่ ได้ทุกอย่าง บนความที่เราไม่ท้าทายเขา หรือไม่เคารพเขา อิ๊งพูดได้ทุกอย่างกับที่บ้าน อิ๊งไม่อยากทำอันนี้ อยากทำอันนี้ ชอบอันนี้ ไม่ชอบอันนี้ แล้วอิ๊งก็ได้ทำแบบนั้นมาเสมอ
.
มีอะไรอยากจะบอกกับพี่น้องชาวไทยอย่างเป็นทางการเลย นส.แพทองธารกล่าวว่า ถึงมันจะเป็นบทบาทใหม่ แต่ว่าทุกบทบาทที่ได้รับ ก็มีความตั้งใจมาก ๆ ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ก็อยากจะช่วยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศเราดีขึ้น ไม่ว่าวันจะรู้แบบไหน อนาคตจะเอาโอกาสอะไรมาให้เรา เราคงต้องทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดแน่นอน ก็ถ้าจะฝากก็ฝากพรุ่งนี้เพื่อไทย รวมทั้งส่วนตัวสนับสนุนเรื่อง LGBTQ และเรื่องสมรสเท่าเทียม
.
ในตอนท้าย วู้ดดี้ได้ถามอีกว่า เมื่อลงสนามการเมือง กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ เป็นสิ่งที่หลายคนเริ่มตั้งคำถามมายังคุณ นส.แพทองธาร กล่าวว่า เอาจริง ๆ นะ เคยคิดไหมหรอ คิดแต่ไม่ได้คิดไปในแง่นั้น คือแค่รู้สึกว่า มันต้องดีขึ้น การเมือง เศรษฐกิจ ความคิดของประเทศ มันต้องดีขึ้น มันต้องก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว เราจะไม่หยุดอยู่ที่เดิม ความยุติธรรมต้องชัดเจนขึ้น ทุกอย่างมันต้องเคลียร์ขึ้น โลกโซเชียลมันแรง อย่างที่พี่บอก ดีค่ะ
-------------------------------
https://www.facebook.com/336295587309275/posts/1024322141839946/