ครั้งหนึ่งเมื่อเราได้นั่งมองสิ่งมีชีวิตเล็กๆ และได้เกิดคำถามโต้ตอบขึ้นมาในหัวของเรา เราเคยนั่งมองมดแดงเดินขบวนกันเป็นแถวอย่างพร้อมเพรียงไปตามต้นตำลึง ตอนนั้นเราใช้กล้องในโทรศัพท์มือถือบันทึกคลิปวิดีโอเก็บไว้ จนวันนี้เราได้มาเปิดดูอีกครั้ง และอยากจะเขียนอะไรสักอย่างเกี่ยวกับชีวิตเล็กๆ ในมุมมองของเรา ขอเลือกแท็กในเรื่องสั้นนะคะ
สัตว์เล็กๆ ก็มีหนึ่งชีวิตเช่นเดียวกับสัตว์ใหญ่ หรือแม้แต่มนุษย์เราเอง โดยส่วนมากมักจะถูกมองข้ามไป
ตั้งแต่เด็กเราจะถูกสอนเรื่องการรักษาศีล 5 ข้อ
1. ห้ามฆ่าสัตว์
2. ห้ามลักทรัพย์
3. ห้ามประพฤติผิดในกาม
4. ห้ามโกหก
5. ห้ามดื่มเครื่องดองของมึนเมา
ตอนนั้นตัวเราเองทำได้ไม่ครบทุกข้อ พอโตมาก็ค่อยๆ ละเว้นไปทีละข้อ เรามองว่าที่เราทำได้ไม่ทั้งหมดนั้น เพราะแต่ก่อนเราไม่ได้ตีโจทย์เหล่านี้ให้กระจ่าง เราแค่ท่องให้ขึ้นใจเฉยๆ จนพอเราเริ่มโต ความคิดเรามันเริ่มแยกเหตุและผลของเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตออก (เรื่ิองสุขและทุกข์)
ในมุมมองของเราเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ มันเกี่ยวข้องกับศีลข้อ 1 ตั้งแต่เด็กเราได้แค่ท่อง แต่ละเว้นได้ไม่หมด เพราะเราละเว้นแต่สัตว์ใหญ่ สงสารแต่สัตว์ใหญ่ เรารักและผูกพันกับสัตว์ใหญ่ จนมาวันหนึ่งที่เรามาเจอมดนั่นแหละ เราถึงรู้ว่าเราได้เบียดเบียนชีวิตเล็กๆ มานานมาก
มุมมองของเราเกี่ยวกับสัตว์ จากที่เราได้เห็นและสัมผัสมา โดยส่วนใหญ่มนุษย์เราจะรักและเอ็นดูสัตว์ใหญ่ เรามักจะได้ยินเสียงร้องขอชีวิตจากสัตว์ใหญ่ เสียงร้องโหยหวนที่ร้องออกมาจากความเจ็บปวด จนเกิดความเวทนาสงสาร และได้มีการละเว้นการกิน หรือแม้แต่การไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่เหล่านั้นเกิดขึ้น
แต่ความรู้สึกของสัตว์เล็กๆ เล่า พวกเขาเหล่านั้นก็รักชีวิตของตัวเอง พวกเขาอาจจะเคยร้องเรียกทุกครั้งที่เกิดความเจ็บปวด แต่เราไม่เคยได้ยิน เราก็เลยไม่เคยละเว้นชีวิตของสัตว์เล็กๆ เหล่านี้เลย เพราะเราไม่เคยได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดแค่นั้นหรือ นี่คือคำถามที่เกิดในใจเรา
เราเคยเห็นคนฆ่าสิ่งมีชีวิตเล็กเหล่านี้ ทำไมทุกคนต้องทำน้ำเสียงสะใจและมีความสุข ทำเหมือนกับไปออกรบและฆ่าคนได้เป็นกองทัพ ทั้งที่สิ่งที่ทำไปคือการฆ่าชีวิตเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้กับเรา เราเคยถามคนอื่นว่าทำไมถึงฆ่ามัน เหตุผลที่ได้กลับมาคือรำคาญสายตา มันมาแย่งอาหาร มันมากัด (มด)
ถ้าเราหันมามองในมุมกลับเราจะได้อีกเหตุผลหนึ่งขึ้นมา ยกตัวอย่าง เช่น มด เราเห็นพวกมันเดินเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบไปยังทิศทางเดียวกัน เราเคยสงสัยว่า ระหว่างทางที่พวกมันเดิน พวกมันอาจจะมีการพูดคุย (ภาษามด) ดั่งเช่นมนุษย์เรา แต่เราไม่เคยได้ยินเสียงของสัตว์เล็กๆ เหล่านี้ เราก็มักจะเลือกฆ่า เพื่อให้ชีวิตเล็กๆ นี้ได้หายไปจากสายตา เราเคยถามตัวเองไหมว่า สัตว์เล็กๆ เหล่านี้ พวกเขาอยากตายไหม พวกเขาก็ไม่ได้อยากตาย ทุกชีวิตมีวัฎจักรของชีวิตตามสายพันธุ์ของตัวเอง มดไม่ได้มีอายุถึง 100 ปี ทุกวันมันก็แค่ดำเนินชีวิตไปตามปกติเช่นเดียวกับมนุษย์ ชีวิตมีอยู่แค่นั้นจริงๆ เราลองย้อนมองอีกที ถ้ามดเหล่านั้นเลือกเส้นทางเดินอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเรา พวกมันก็จะมีชีวิตรอด แต่พวกมันไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่มันเดินจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต เพราะมันอยู่ในสายตามนุษย์แบบเรา
การฆ่าคือการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น คำถามหนึ่งที่เกิดในใจของเราเสมอว่า มนุษย์เรามักจะยกยอปอปั้นตนเองเสมอว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ปากบอกว่ารักษาศีล 5 แต่ก็ยังฆ่ามด แมลง หรือสัตว์เล็กๆ อยู่ร่ำไป นั่นก็เท่ากับโกหกตัวเอง ปากก็บอกว่าแผ่เมตตาทุกค่ำคืน แต่ก็ยังเบียดเบียนชีวิตเล็กๆ อยู่ทุกครา
มาถึงเรื่องการแย่งอาหาร มนุษย์เราบอกว่าการให้คือการทำทานอย่างหนึ่ง ในเมื่อเรามีอาหารมากมาย แต่เรามักจะมาหวงแหนกับมดเล็กๆ มดกินแค่อิ่ม ไม่ได้โลภดั่งเช่นมนุษย์เรา ที่มักจะสะสมทุกสิ่งจนไม่รู้จักพอ เมื่อถึงวาระของชีวิตมดก็ต้องตาย ตัวเราเองก็ต้องตายเช่นกัน ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า แต่เราเคยเห็นมีคนแย้งว่าพอมดมาแย่งกินอาหาร ทำให้อาหารสกปรก เราคิดว่าแค่เราเอาอาหารชิ้นนั้นไปวางที่ห่างไกลสายตา มดมันก็จะไปยังแหล่งอาหารเอง เหตุใดเราถึงเห็นมดตามถังขยะ เพราะมันมาหาอาหารกิน ในนั้นมีเศษอาหาร ถ้าเราจัดระเบียบจุดการทิ้งขยะดีๆ มดก็ไม่มารบกวนสายตาเราเอง
มาถึงเรื่องการกัด เพราะอะไรมันถึงมากัดเรา เพราะเราไปบุกรุกอาณาเขตของมันใช่หรือไม่ สัตว์ก็เหมือนกับมนุษย์ รักและหวงแหนอาณาเขตของตนเอง เมื่อถูกบุกรุก สิ่งที่ทำได้คือการต่อสู้ สำหรับมด ทำได้แค่การกัด แต่มนุษย์เรามีอุปกรณ์ต่อสู้มดมากมาย พอใช้ร่างกายสู้มดตัวเล็กๆ ไม่ไหวก็ต้องใช้อุปกรณ์สารพัดมากำจัดมด เพราะเราต้องการชัยชนะอันยิ่งใหญ่
จริงๆ เวลาที่เรานั่งมองมด ความคิดของเรามองว่ามดมีครอบครัว มีความรัก มีความผูกพัน เช่นเดียวกับมนุษย์ แต่ตัวเราไม่เข้าใจภาษาสัตว์ เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมมดมีความสามัคคี และมีระเบียบ นั่นแสดงว่าในกลุ่มมดก็มีการสื่อสารเช่นเดียวกับมนุษย์ มดจะรวมตัวในเวลาเดียวกัน และก็หายไปในวลาเดียวกัน จากที่เราสังเกต พวกมันไม่ได้เดินทางทั้งวันทั้งคืน จะมีแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง
เรามักจะใช้ความรู้สึกของเราตัดสินชีวิตคนอื่น แม้แต่สัตว์เล็กๆ ก็ไม่เว้น เพราะมองแค่ว่าพวกสัตว์เหล่านั้นมาสร้างความรำคาญใจให้เรา เราก็ใช้กำลังที่เหนือกว่าฆ่าชีวิตพวกสัตว์เหล่านั้น เรายกตัวอย่างเช่น มด พอเราเห็นทำไมเราถึงเลือกฆ่า เหตุผลเพราะพวกมันเดินผ่านหน้าเรา หรือเพราะมันมาขโมยอาหารเรา เราเลยเกิดความรำคาญอย่างนั้นหรือ อันที่จริงถ้าเรามองในมุมกลับ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เขามีครอบครัว มีความรักและความผูกพัน เพียงแต่เราที่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ไม่เข้าใจในภาษาสัตว์ มนุษย์เราได้เปรียบสัตว์อื่นเพราะเรามีสมอง เราสามารถสร้างและทำลายทุกอย่างได้ มีอยู่ประโยคหนึ่งที่อยู่ในหัวเรามาตลอดตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม "มนุษย์เป็นผู้สร้างและผู้ทำลาย" สิ่งใดใดที่มนุษย์สร้างขึ้นมา.. ไม่ช้าไม่นานมนุษย์ก็จะเป็นผู้ทำลายมันเอง ทุกวันนี้แม้มนุษย์ไม่ได้สร้าง.. แต่มนุษย์ก็มักจะทำลายด้วยเช่นกัน
ทุกครั้งที่เราเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ เราพยายามหลีกเลี่ยงไม่เบียดเบียน ถึงแม้จะทำไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าได้ละเว้นบางชีวิตให้ได้มีชีวิตอยู่กับครอบครัวของพวกเขา และได้มีชีวิตอยู่จนสิ้นอายุขัยเอง
ขอบคุณที่อ่านนะคะ พร้อมรับฟังทุกคำชี้แนะค่ะ
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ (มด)
สัตว์เล็กๆ ก็มีหนึ่งชีวิตเช่นเดียวกับสัตว์ใหญ่ หรือแม้แต่มนุษย์เราเอง โดยส่วนมากมักจะถูกมองข้ามไป
ตั้งแต่เด็กเราจะถูกสอนเรื่องการรักษาศีล 5 ข้อ
1. ห้ามฆ่าสัตว์
2. ห้ามลักทรัพย์
3. ห้ามประพฤติผิดในกาม
4. ห้ามโกหก
5. ห้ามดื่มเครื่องดองของมึนเมา
ตอนนั้นตัวเราเองทำได้ไม่ครบทุกข้อ พอโตมาก็ค่อยๆ ละเว้นไปทีละข้อ เรามองว่าที่เราทำได้ไม่ทั้งหมดนั้น เพราะแต่ก่อนเราไม่ได้ตีโจทย์เหล่านี้ให้กระจ่าง เราแค่ท่องให้ขึ้นใจเฉยๆ จนพอเราเริ่มโต ความคิดเรามันเริ่มแยกเหตุและผลของเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตออก (เรื่ิองสุขและทุกข์)
ในมุมมองของเราเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ มันเกี่ยวข้องกับศีลข้อ 1 ตั้งแต่เด็กเราได้แค่ท่อง แต่ละเว้นได้ไม่หมด เพราะเราละเว้นแต่สัตว์ใหญ่ สงสารแต่สัตว์ใหญ่ เรารักและผูกพันกับสัตว์ใหญ่ จนมาวันหนึ่งที่เรามาเจอมดนั่นแหละ เราถึงรู้ว่าเราได้เบียดเบียนชีวิตเล็กๆ มานานมาก
มุมมองของเราเกี่ยวกับสัตว์ จากที่เราได้เห็นและสัมผัสมา โดยส่วนใหญ่มนุษย์เราจะรักและเอ็นดูสัตว์ใหญ่ เรามักจะได้ยินเสียงร้องขอชีวิตจากสัตว์ใหญ่ เสียงร้องโหยหวนที่ร้องออกมาจากความเจ็บปวด จนเกิดความเวทนาสงสาร และได้มีการละเว้นการกิน หรือแม้แต่การไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่เหล่านั้นเกิดขึ้น
แต่ความรู้สึกของสัตว์เล็กๆ เล่า พวกเขาเหล่านั้นก็รักชีวิตของตัวเอง พวกเขาอาจจะเคยร้องเรียกทุกครั้งที่เกิดความเจ็บปวด แต่เราไม่เคยได้ยิน เราก็เลยไม่เคยละเว้นชีวิตของสัตว์เล็กๆ เหล่านี้เลย เพราะเราไม่เคยได้ยินเสียงร้องอันเจ็บปวดแค่นั้นหรือ นี่คือคำถามที่เกิดในใจเรา
เราเคยเห็นคนฆ่าสิ่งมีชีวิตเล็กเหล่านี้ ทำไมทุกคนต้องทำน้ำเสียงสะใจและมีความสุข ทำเหมือนกับไปออกรบและฆ่าคนได้เป็นกองทัพ ทั้งที่สิ่งที่ทำไปคือการฆ่าชีวิตเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้กับเรา เราเคยถามคนอื่นว่าทำไมถึงฆ่ามัน เหตุผลที่ได้กลับมาคือรำคาญสายตา มันมาแย่งอาหาร มันมากัด (มด)
ถ้าเราหันมามองในมุมกลับเราจะได้อีกเหตุผลหนึ่งขึ้นมา ยกตัวอย่าง เช่น มด เราเห็นพวกมันเดินเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบไปยังทิศทางเดียวกัน เราเคยสงสัยว่า ระหว่างทางที่พวกมันเดิน พวกมันอาจจะมีการพูดคุย (ภาษามด) ดั่งเช่นมนุษย์เรา แต่เราไม่เคยได้ยินเสียงของสัตว์เล็กๆ เหล่านี้ เราก็มักจะเลือกฆ่า เพื่อให้ชีวิตเล็กๆ นี้ได้หายไปจากสายตา เราเคยถามตัวเองไหมว่า สัตว์เล็กๆ เหล่านี้ พวกเขาอยากตายไหม พวกเขาก็ไม่ได้อยากตาย ทุกชีวิตมีวัฎจักรของชีวิตตามสายพันธุ์ของตัวเอง มดไม่ได้มีอายุถึง 100 ปี ทุกวันมันก็แค่ดำเนินชีวิตไปตามปกติเช่นเดียวกับมนุษย์ ชีวิตมีอยู่แค่นั้นจริงๆ เราลองย้อนมองอีกที ถ้ามดเหล่านั้นเลือกเส้นทางเดินอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเรา พวกมันก็จะมีชีวิตรอด แต่พวกมันไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่มันเดินจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต เพราะมันอยู่ในสายตามนุษย์แบบเรา
การฆ่าคือการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น คำถามหนึ่งที่เกิดในใจของเราเสมอว่า มนุษย์เรามักจะยกยอปอปั้นตนเองเสมอว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ปากบอกว่ารักษาศีล 5 แต่ก็ยังฆ่ามด แมลง หรือสัตว์เล็กๆ อยู่ร่ำไป นั่นก็เท่ากับโกหกตัวเอง ปากก็บอกว่าแผ่เมตตาทุกค่ำคืน แต่ก็ยังเบียดเบียนชีวิตเล็กๆ อยู่ทุกครา
มาถึงเรื่องการแย่งอาหาร มนุษย์เราบอกว่าการให้คือการทำทานอย่างหนึ่ง ในเมื่อเรามีอาหารมากมาย แต่เรามักจะมาหวงแหนกับมดเล็กๆ มดกินแค่อิ่ม ไม่ได้โลภดั่งเช่นมนุษย์เรา ที่มักจะสะสมทุกสิ่งจนไม่รู้จักพอ เมื่อถึงวาระของชีวิตมดก็ต้องตาย ตัวเราเองก็ต้องตายเช่นกัน ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า แต่เราเคยเห็นมีคนแย้งว่าพอมดมาแย่งกินอาหาร ทำให้อาหารสกปรก เราคิดว่าแค่เราเอาอาหารชิ้นนั้นไปวางที่ห่างไกลสายตา มดมันก็จะไปยังแหล่งอาหารเอง เหตุใดเราถึงเห็นมดตามถังขยะ เพราะมันมาหาอาหารกิน ในนั้นมีเศษอาหาร ถ้าเราจัดระเบียบจุดการทิ้งขยะดีๆ มดก็ไม่มารบกวนสายตาเราเอง
มาถึงเรื่องการกัด เพราะอะไรมันถึงมากัดเรา เพราะเราไปบุกรุกอาณาเขตของมันใช่หรือไม่ สัตว์ก็เหมือนกับมนุษย์ รักและหวงแหนอาณาเขตของตนเอง เมื่อถูกบุกรุก สิ่งที่ทำได้คือการต่อสู้ สำหรับมด ทำได้แค่การกัด แต่มนุษย์เรามีอุปกรณ์ต่อสู้มดมากมาย พอใช้ร่างกายสู้มดตัวเล็กๆ ไม่ไหวก็ต้องใช้อุปกรณ์สารพัดมากำจัดมด เพราะเราต้องการชัยชนะอันยิ่งใหญ่
จริงๆ เวลาที่เรานั่งมองมด ความคิดของเรามองว่ามดมีครอบครัว มีความรัก มีความผูกพัน เช่นเดียวกับมนุษย์ แต่ตัวเราไม่เข้าใจภาษาสัตว์ เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมมดมีความสามัคคี และมีระเบียบ นั่นแสดงว่าในกลุ่มมดก็มีการสื่อสารเช่นเดียวกับมนุษย์ มดจะรวมตัวในเวลาเดียวกัน และก็หายไปในวลาเดียวกัน จากที่เราสังเกต พวกมันไม่ได้เดินทางทั้งวันทั้งคืน จะมีแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง
เรามักจะใช้ความรู้สึกของเราตัดสินชีวิตคนอื่น แม้แต่สัตว์เล็กๆ ก็ไม่เว้น เพราะมองแค่ว่าพวกสัตว์เหล่านั้นมาสร้างความรำคาญใจให้เรา เราก็ใช้กำลังที่เหนือกว่าฆ่าชีวิตพวกสัตว์เหล่านั้น เรายกตัวอย่างเช่น มด พอเราเห็นทำไมเราถึงเลือกฆ่า เหตุผลเพราะพวกมันเดินผ่านหน้าเรา หรือเพราะมันมาขโมยอาหารเรา เราเลยเกิดความรำคาญอย่างนั้นหรือ อันที่จริงถ้าเรามองในมุมกลับ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เขามีครอบครัว มีความรักและความผูกพัน เพียงแต่เราที่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ไม่เข้าใจในภาษาสัตว์ มนุษย์เราได้เปรียบสัตว์อื่นเพราะเรามีสมอง เราสามารถสร้างและทำลายทุกอย่างได้ มีอยู่ประโยคหนึ่งที่อยู่ในหัวเรามาตลอดตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม "มนุษย์เป็นผู้สร้างและผู้ทำลาย" สิ่งใดใดที่มนุษย์สร้างขึ้นมา.. ไม่ช้าไม่นานมนุษย์ก็จะเป็นผู้ทำลายมันเอง ทุกวันนี้แม้มนุษย์ไม่ได้สร้าง.. แต่มนุษย์ก็มักจะทำลายด้วยเช่นกัน
ทุกครั้งที่เราเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้ เราพยายามหลีกเลี่ยงไม่เบียดเบียน ถึงแม้จะทำไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าได้ละเว้นบางชีวิตให้ได้มีชีวิตอยู่กับครอบครัวของพวกเขา และได้มีชีวิตอยู่จนสิ้นอายุขัยเอง
ขอบคุณที่อ่านนะคะ พร้อมรับฟังทุกคำชี้แนะค่ะ