ขอนำเสนอวิธีเร่งเครื่องแบบนุ่มนวล
จากหยุดนิ่งเข้าการจราจรที่วิ่งกัน 100 กม./ชม.
ที่ PHEV หลายรุ่นน่าก็จะทำได้
PHEV *ในโหมดไฮบริด* ถ้าไม่คิกดาวน์ มันจะวิ่งด้วยมอเตอร์ไปเรื่อย จนสุดกำลังมอเตอร์เครื่องยนต์จึงติด
ดังรถคันนี้ ที่
ขับเคลื่อนล้อหน้า (400 นิวตันเมตร 320 ม้า) /
ขับเคลื่อนล้อหลัง (240 นิวตันเมตร 87 ม้า) /
ขับเคลื่อนสี่ล้อ (รวมตรง ๆ ไม่มี Loss 640 นิวตัวเมตร 407 ม้า*)
ก็ได้
โดยล้อหน้าขับด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในทำในสวีเดน ล้อหลังขับด้วยมอเตอร์ทำในเยอรมนีนี้ มีข้อดีครับ
เร่งแซงปกติ เครื่องยนต์ 2,000 รอบ ก็แซงได้แล้ว เพราะเครื่องยนต์มี Supercharge ทำงานตั้งแต่รอบต่ำ และยังเสริมด้วยมอเตอร์ล้อหลังอีก

แต่ผมประสบปัญหาคิกดาวน์ในโหมดไฮบริด เวลายูเทิร์นเข้าเลนขวาถนนสายหลัก เมื่อเลนซ้าย / กลางคับคั่ง
(ถ้าค่อย ๆ กดคันเร่งไม่มีปัญหา แต่กว่าเครื่องยนต์จะติด มันรอมอเตอร์วิ่งจนสุดกำลังพักนึงเลย
ส่วนถ้าเร่งในโหมดพาวเวอร์ หรือ โหมดวิ่งทุกล้อ ก็ไม่มีปัญหา เพราะเครื่องยนต์ติดอยู่แล้ว)
เครื่องยนต์สันดาปภายในเร่งไปถึงโซนเทอร์โบทันที หัวแทบโขกพนักพิง
รถเข้าการจราจรเลนขวาสุดได้ก็จริง แต่มันหุนหันไป
ทั้งที่มี Supercharge รับผิดชอบตั้งแต่รอบต้น ๆ เช่นเดียวกับ Porsche ใน
https://ppantip.com/topic/41322183?fbclid=IwAR1H74upSdz9WKJyPn6aFw6D9SZImvLF34WZL24z8_UC2bfWsbSOL3fyvJI
แล้วจะมีการถ่ายโอนให้ Turbocharge ทำงานแทนตอนรอบกลาง
แต่รถดันคิดว่าเรารีบ ตบไปเทอร์โบแต่แรกเลย
ผมเสียดายความสึกหรอจาก Jerk ทั้งที่มีซุปเปอร์ อยู่
ทั้งที่ Volvo ปกติเป็นรถที่ใช้ได้นาน
(สถิติต่างประเทศเฉลี่ย 20 ปี ถือว่านานมากนะครับ คุ้มระยะเวลาต่อหน่วยราคาที่จ่ายไป
คุณลองกูเกิล 'Life span of Volvo')
แต่ถ้าผมกดเครื่องบล็อกนี้ให้มีพฤติกรรมนี้บ่อย ๆ ย่อมสึกหรอ / เสียตังค์ค่าซ่อม น่าเสียดาย
ก็เลยค้นพบวิธี โดยอ้างอิงภาพนี้
(ในรูปมีตุ๊กตากวาง เราเหมือนซานตาคลอส สาวชอบ)

1. ผลักคันเกียร์ลง เพื่อเตรียมเข้าเกียร์ให้สันดาปภายในทำงานร่วมกับมอเตอร์ตอนเร่ง
(ซึ่งการผลักคันเกียร์เข้าหาตัวนี้ นี้ถ้าปล่อยคันเร่ง จะเป็น Motor เบรกเก็บไฟมากกว่าปกติ ด้วย)
2. ผลักคันเกียร์ขวา เพื่อเปิดการทำงานเครื่องยนต์ที่สอดคล้องกับความเร็วปัจจุบัน
(ถ้าผลักไปซ้าย จะเข้าเกียร์ที่ต่ำกว่า ไม่จำเป็นสำหรับการเร่งด้วยเครื่อง 640 นิวตันเมตร ตั้งแต่โซนซุปเปอร์นี้เลย)
ผลที่ได้คือ เร่งเข้าจากหยุดนิ่ง เช่น เลี้ยวกลับในการจราจร ที่เขาวิ่งกันอยู่เกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อย่างเรียบลื่นสบายใจ
รอบเครื่อง สุดที่ 3000 รอบต้น ๆ ได้ใช้ทั้งซุปเปอร์และเทอร์โบ หรือหลายครั้งก็เร่งถึงแค่ 2000 ต้น ๆ ใช้แค่ซุปเปอร์ก็พอ
ถ้าใครขี้เกียจทำอย่างผม เปิดโหมดพาวเวอร์ หรือ โหมดวิ่งทุกล้อ ตลอด ก็ได้ แต่ก็เสียค่าเชื้อเพลิงมากขึ้นตามลำดับ
ผมเปิดโหมดทั้งสองประจำเพื่อความสนุก และขับออกต่างจังหวัดทุกเดือน กินน้ำมันเฉลี่ยในและนอกเมืองดังรูปด้านบน 32.25 กิโลลิตร
ทั้งนี้ อย่าลืมนะครับ ว่า นอกจากค่าน้ำมันแล้ว ยังมีค่าไฟฟ้าด้วย
ผมตีกลม ๆ เป็น ขับหนึ่งกิโล เซฟสองบาท เทียบกับรถน้ำมันล้วน
(ถ้าขับไฟฟ้าล้วน เช่นคนขับในเมืองชาร์จประจำ ขับหนึ่งกิโล เซฟสามบาท)
ถ้าราคาน้ำมันเป็นประมาณรอบปีนี้ไปเรื่อย ๆ ผมจะเปลี่ยนแบตสี่แสนโดยไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยตอนวิ่งไป 200,000 โล เพราะเซฟค่าเชื้อเพลิงได้จำนวนเท่ากันแล้ว
(ตอน 100,000 โลแรก ผมกะใช้ประกันแบตเปลี่ยนฟรี ตอนปีที่แปด)
ยิ่งถ้าน้ำมันแพง จะยิ่งคุ้ม
แน่นอนว่า เครื่องสวีเดนเกียร์ญี่ปุ่นนี้ ไม่รู้สึกถึงการถ่ายโอนระหว่างซุปเปอร์และเทอร์โบแต่อย่างใด
ไม่มี Turbo lag ด้วย มาทันที
(คืออย่างที่บอก หัวแทบโขกถ้าคิกดาวน์จากโหมดไฮบริด ส่วนโหมดพาวเวอร์หรือโหมดวิ่งทุกล้อไม่มีปัญหา)
ปล. เจ้าตลาดก็เช่นกันนะครับ ไม่ได้ทำทุกอย่างในประเทศแน่นอน พาร์ตมาจากหลายประเทศ
ส่วนช่วงล่างรุ่นที่ผมขับ มาจากยุโรปส่วนใหญ่
ดัง
https://ppantip.com/topic/41319348
* แม้จะแรงเท่าซุปเปอร์คาร์รุ่นเริ่มต้นแล้ว ยังจูนให้แรงขึ้นกว่านี้ได้อีก
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ระวังสุขภาพ --> วันหลังจะมารีวิวการวิ่งหน้าฝนทุกล้อให้อ่านครับ ว่าจิกโค้งจริงไหม
รถที่ไม่ต้องคิกดาวน์ หนึ่งในนั้นคือ Volvo PHEV บล็อกเครื่อง T8 (ผมใช้ทรง Estate รุ่น V60)
จากหยุดนิ่งเข้าการจราจรที่วิ่งกัน 100 กม./ชม.
ที่ PHEV หลายรุ่นน่าก็จะทำได้
PHEV *ในโหมดไฮบริด* ถ้าไม่คิกดาวน์ มันจะวิ่งด้วยมอเตอร์ไปเรื่อย จนสุดกำลังมอเตอร์เครื่องยนต์จึงติด
ดังรถคันนี้ ที่
ขับเคลื่อนล้อหน้า (400 นิวตันเมตร 320 ม้า) /
ขับเคลื่อนล้อหลัง (240 นิวตันเมตร 87 ม้า) /
ขับเคลื่อนสี่ล้อ (รวมตรง ๆ ไม่มี Loss 640 นิวตัวเมตร 407 ม้า*)
ก็ได้
โดยล้อหน้าขับด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในทำในสวีเดน ล้อหลังขับด้วยมอเตอร์ทำในเยอรมนีนี้ มีข้อดีครับ
เร่งแซงปกติ เครื่องยนต์ 2,000 รอบ ก็แซงได้แล้ว เพราะเครื่องยนต์มี Supercharge ทำงานตั้งแต่รอบต่ำ และยังเสริมด้วยมอเตอร์ล้อหลังอีก
แต่ผมประสบปัญหาคิกดาวน์ในโหมดไฮบริด เวลายูเทิร์นเข้าเลนขวาถนนสายหลัก เมื่อเลนซ้าย / กลางคับคั่ง
(ถ้าค่อย ๆ กดคันเร่งไม่มีปัญหา แต่กว่าเครื่องยนต์จะติด มันรอมอเตอร์วิ่งจนสุดกำลังพักนึงเลย
ส่วนถ้าเร่งในโหมดพาวเวอร์ หรือ โหมดวิ่งทุกล้อ ก็ไม่มีปัญหา เพราะเครื่องยนต์ติดอยู่แล้ว)
เครื่องยนต์สันดาปภายในเร่งไปถึงโซนเทอร์โบทันที หัวแทบโขกพนักพิง
รถเข้าการจราจรเลนขวาสุดได้ก็จริง แต่มันหุนหันไป
ทั้งที่มี Supercharge รับผิดชอบตั้งแต่รอบต้น ๆ เช่นเดียวกับ Porsche ใน
https://ppantip.com/topic/41322183?fbclid=IwAR1H74upSdz9WKJyPn6aFw6D9SZImvLF34WZL24z8_UC2bfWsbSOL3fyvJI
แล้วจะมีการถ่ายโอนให้ Turbocharge ทำงานแทนตอนรอบกลาง
แต่รถดันคิดว่าเรารีบ ตบไปเทอร์โบแต่แรกเลย
ผมเสียดายความสึกหรอจาก Jerk ทั้งที่มีซุปเปอร์ อยู่
ทั้งที่ Volvo ปกติเป็นรถที่ใช้ได้นาน
(สถิติต่างประเทศเฉลี่ย 20 ปี ถือว่านานมากนะครับ คุ้มระยะเวลาต่อหน่วยราคาที่จ่ายไป
คุณลองกูเกิล 'Life span of Volvo')
แต่ถ้าผมกดเครื่องบล็อกนี้ให้มีพฤติกรรมนี้บ่อย ๆ ย่อมสึกหรอ / เสียตังค์ค่าซ่อม น่าเสียดาย
ก็เลยค้นพบวิธี โดยอ้างอิงภาพนี้
(ในรูปมีตุ๊กตากวาง เราเหมือนซานตาคลอส สาวชอบ)
1. ผลักคันเกียร์ลง เพื่อเตรียมเข้าเกียร์ให้สันดาปภายในทำงานร่วมกับมอเตอร์ตอนเร่ง
(ซึ่งการผลักคันเกียร์เข้าหาตัวนี้ นี้ถ้าปล่อยคันเร่ง จะเป็น Motor เบรกเก็บไฟมากกว่าปกติ ด้วย)
2. ผลักคันเกียร์ขวา เพื่อเปิดการทำงานเครื่องยนต์ที่สอดคล้องกับความเร็วปัจจุบัน
(ถ้าผลักไปซ้าย จะเข้าเกียร์ที่ต่ำกว่า ไม่จำเป็นสำหรับการเร่งด้วยเครื่อง 640 นิวตันเมตร ตั้งแต่โซนซุปเปอร์นี้เลย)
ผลที่ได้คือ เร่งเข้าจากหยุดนิ่ง เช่น เลี้ยวกลับในการจราจร ที่เขาวิ่งกันอยู่เกือบ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อย่างเรียบลื่นสบายใจ
รอบเครื่อง สุดที่ 3000 รอบต้น ๆ ได้ใช้ทั้งซุปเปอร์และเทอร์โบ หรือหลายครั้งก็เร่งถึงแค่ 2000 ต้น ๆ ใช้แค่ซุปเปอร์ก็พอ
ถ้าใครขี้เกียจทำอย่างผม เปิดโหมดพาวเวอร์ หรือ โหมดวิ่งทุกล้อ ตลอด ก็ได้ แต่ก็เสียค่าเชื้อเพลิงมากขึ้นตามลำดับ
ผมเปิดโหมดทั้งสองประจำเพื่อความสนุก และขับออกต่างจังหวัดทุกเดือน กินน้ำมันเฉลี่ยในและนอกเมืองดังรูปด้านบน 32.25 กิโลลิตร
ทั้งนี้ อย่าลืมนะครับ ว่า นอกจากค่าน้ำมันแล้ว ยังมีค่าไฟฟ้าด้วย
ผมตีกลม ๆ เป็น ขับหนึ่งกิโล เซฟสองบาท เทียบกับรถน้ำมันล้วน
(ถ้าขับไฟฟ้าล้วน เช่นคนขับในเมืองชาร์จประจำ ขับหนึ่งกิโล เซฟสามบาท)
ถ้าราคาน้ำมันเป็นประมาณรอบปีนี้ไปเรื่อย ๆ ผมจะเปลี่ยนแบตสี่แสนโดยไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยตอนวิ่งไป 200,000 โล เพราะเซฟค่าเชื้อเพลิงได้จำนวนเท่ากันแล้ว
(ตอน 100,000 โลแรก ผมกะใช้ประกันแบตเปลี่ยนฟรี ตอนปีที่แปด)
ยิ่งถ้าน้ำมันแพง จะยิ่งคุ้ม
แน่นอนว่า เครื่องสวีเดนเกียร์ญี่ปุ่นนี้ ไม่รู้สึกถึงการถ่ายโอนระหว่างซุปเปอร์และเทอร์โบแต่อย่างใด
ไม่มี Turbo lag ด้วย มาทันที
(คืออย่างที่บอก หัวแทบโขกถ้าคิกดาวน์จากโหมดไฮบริด ส่วนโหมดพาวเวอร์หรือโหมดวิ่งทุกล้อไม่มีปัญหา)
ปล. เจ้าตลาดก็เช่นกันนะครับ ไม่ได้ทำทุกอย่างในประเทศแน่นอน พาร์ตมาจากหลายประเทศ
ส่วนช่วงล่างรุ่นที่ผมขับ มาจากยุโรปส่วนใหญ่
ดัง https://ppantip.com/topic/41319348
* แม้จะแรงเท่าซุปเปอร์คาร์รุ่นเริ่มต้นแล้ว ยังจูนให้แรงขึ้นกว่านี้ได้อีก
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ระวังสุขภาพ --> วันหลังจะมารีวิวการวิ่งหน้าฝนทุกล้อให้อ่านครับ ว่าจิกโค้งจริงไหม