16 มีนาคม 2565 จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เปิดแคมเปญทวงคืนพัทยา พร้อมเปิดตัวนายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา ที่ลานจอดรถเอกชนข้างแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา พบว่าในงานแถลงข่าวแคมเปญทวงคืนพัทยา มีนางจิดาภา ธนหัตถชัย หรือซ้อโอ่ง อดีตแกนนำคนเสื้อแดงพัทยา ได้ปราศรัยผ่านโทรโข่งโจมตีการทำงานของคณะก้าวหน้า พร้อมเรียกร้องให้คณะก้าวหน้าต้องไม่ส่งว่าที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกเมืองพัทยา
นางจิดาภาระบุว่า ตนต้องการคุยกับนายธนาธร คนอื่นไม่ต้องมายุ่ง ไม่ได้มาป่วนแต่ให้มาฟังความรู้สึกของคนพัทยา ถ้าทำเพื่อคนพัทยาจริงก็ต้องมาคุยกับตนก่อน ไม่ใช่มาเปิดเวทีแบบนี้ ทุกคนรักประชาธิปไตยหมด แต่ถ้าฟังตนตั้งแต่เข้ารัฐสภาปัญหาจะไม่เกิดแบบนี้ แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาคือการถือป้ายของนางวรวรรณ แซ่อั๊ง หรือป้าเป้า ผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ราษฎร 2563 หรือม็อบสามนิ้ว ที่มาเป็นเพื่อนซ้อโอ่ง แต่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พบว่าป้ายที่นางจิดาภาเตรียมเอาไว้ให้ป้าเป้าและเพื่อนผู้ชุมนุมถือเขียนด้วยลายมือ ระบุว่า "ไปให้พ้นคนชังชาติ" "ขายชาติ" "หนักแผ่นดิน" ป้ายดังกล่าวกลายเป็นที่วิจารณ์จำนวนมาก
ล่าสุด นางวรวรรณ แซ่อั๊ง หรือป้าเป้า เปิดเผยต่อสำนักข่าวประชาไท ว่า หลังจากที่ตนไปขึ้นศาลในคดีการชุมนุมที่ท่าน้ำนนทบุรีในช่วงบ่ายวานนี้ (14 มี.ค.) ตนและกลุ่มเพื่อนได้เดินทางต่อไปที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตามคำชวนของเพื่อนและคนรู้จัก โดยกลุ่มคนที่ชวนอ้างว่าจะให้มาร่วมเดินขบวนเรียกร้องยุติสงครามในยูเครนที่พัทยา และเมื่อมาถึงก็ได้พบกับจิดาภา หรือซ้อโอ่ง ซึ่งรู้จักกับตนมาตั้งแต่สมัยการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน หลังจากนั้น ตนและกลุ่มคนรู้จักรวมถึงจิดาภาได้เดินทางมายังพื้นที่ชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องยุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าเป็นพื้นที่ปราศรัยเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาของคณะก้าวหน้า
ส่วนการแจกป้ายที่เขียนข้อความลักษณะดังกล่าวนั้น ป้าเป้าชี้แจงว่าตนไม่เห็นข้อความที่เขียนบนป้าย เพียงรับป้ายมาแจกตามที่กลุ่มคนรู้จักยื่นมาให้ และเมื่อตนได้ยินคำพูดปราศรัยที่กล่าวโจมตีคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลจึงพยายามเดินเลี่ยงออกไปตามที่เห็นในวิดีโอ โดยป้าเป้าบอกกับผู้สื่อข่าวประชาไทว่าตนทราบทีหลังเมื่อกลับถึงที่พักว่าป้ายเหล่านั้นเขียนข้อความว่าอะไร
“ยายคิดว่าก็ไม่ได้ผิด เพราะยายก็ไม่ได้รับจ้าง และยายก็ไม่ได้ไปเดินด่าอะไร มีแต่คนเขาเตือนยาย ยายก็ไม่ได้เถียงเขา แต่ยายก็ห้ามเขา (จิดาภา) ไม่ได้ เพราะเขาแรง ยายจะไปห้ามเขาทำไม ไม่ใช่เรื่องของยาย แต่ยายไม่พูด มันก็จบ แต่ไอ้ถือป้ายน่ะ ดูในคลิปสิ ยายไม่ได้มอง ยายก็แจกๆ แล้วยายก็ถือแผ่นนึง ยายไปโดนแผ่นไหนยายก็ไม่รู้” ป้าเป้ากล่าว
ป้าเป้าบอกว่าแม้ตนจะรู้จักกับซ้อโอ่งเป็นการส่วนตัว แต่ตนไม่เห็นด้วยกับการปราศรัยเมื่อวานนี้ เพราะตนไม่ได้มีอคติกับคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกทั้งตนยังรู้จัก ส.ส. และคณะทำงานของพรรคก้าวไกล รวมถึงทีมทำงานของคณะก้าวหน้าหลายคน และมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลายเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องการเลือกตั้งก็เคยพูดคุย ป้าเป้าบอกว่าตนเคยพูดกับอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ว่า “ตนรักพรรคก้าวไกล แต่ก็ทิ้งเพื่อไทยไม่ได้” พร้อมบอกว่ารู้สึกขอบคุณ ส.ส.พรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ที่มาช่วยเหลือนักกิจกรรมและประชาชนที่โดนจับกุมเพราะร่วมชุมนุม
ไม่เพียงแต่การพูดคุยกับคนจากฝั่งพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ป้าเป้าบอกว่ามีโอกาสได้พูดคุยกับ ส.ส. พรรคเพื่อไทย รวมถึงคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งป้าเป้าบอกว่าตนไม่เคยมีปัญหากับคณะทำงานของคนจากทั้งสองพรรค พร้อมยืนยันว่าไม่เคยรับเงินจากพรรคการเมืองให้ไปร่วมกิจกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น
“คนจากพรรคก้าวไกลเขาไม่ได้ว่าอะไรยาย เขายังพายายไปถ่ายรูปกับคนที่มารับสมัคร แต่เขาก็มาเตือนยาย เขามาบอกยายว่าอย่าไปยุ่ง ไม่อยากให้ยายเสียชื่อเสียง แต่ทางนี้ก็เพื่อน” ป้าเป้ากล่าว พร้อมบอกว่าจากที่เห็นในคลิปจะพบว่าตนพยายามเดินเลี่ยงออกจากแนวปราศรัยของซ้อโอ่งตลอด และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมตรงนั้นแล้ว ป้าเป้าบอกว่าตนได้กล่าวกับผู้ปราศรัยตรง ๆ ว่าตนไม่ชอบเนื้อหาการปราศรัยดังกล่าว ซึ่งเขาก็รับฟัง
เมื่อถามถึงแนวคิดเรื่องการ ‘ตัดคะแนนเลือกตั้ง’ ตามที่ซ้อโอ่งปราศรัย รวมถึงที่สังคมมีการพูดถึง ป้าเป้าบอกว่าตนไม่ได้คิดเช่นนั้น จากการพูดคุยกับ ส.ส.หลายคน ตนเห็นด้วยว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย และใครจะลงสมัครก็ได้ สิ่งที่จะมาตัดสินคือเสียงของประชาชน
“นักการเมืองพื้นที่เขาก็บอกว่าทุกคนมีสิทธิที่จะลงเลือกตั้ง ประชาธิปไตยใครจะลงก็ได้ แต่ซ้อโอ่งเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขาคิดว่าเขากลัวจะมาแย่งคะแนนกัน ถ้าเป็นยาย ยายจะไม่พูดแบบนั้น มันเสียศักดิ์ศรี ยายจะลงแข่งกัน ถึงเราจะไม่ได้นายกฯ เราก็ทำดี ทำดีที่สุด เราต้องไปช่วยการกุศลให้คนเขารู้จัก ให้เขารัก” ป้าเป้ากล่าว
ทั้งนี้ ป้าเป้าบอกว่าตนไม่ถือโทษคนที่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของตน เพราะเข้าใจว่าเสียงวิจารณ์ต่างๆ จากทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักตนเป็นการส่วนตัว ล้วนเกิดจากการที่ทุกคนไม่ทราบเหตุผลของกันและกัน
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้เหตุผลซึ่งกันและกัน ยายก็ไม่โทษไม่โกรธใคร” ป้าเป้ากล่าวทิ้งท้าย
ในขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Manee Olive Olive ของนางมานี (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้ชุมนุมที่เดินทางไปกับป้าเป้า ได้พูดคุยกับเฟซบุ๊ก สำนักข่าวราษฎร พร้อมกับนายดิว (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ว่า หลังเสร็จจากศาลจังหวัดนนทบุรี ป้าเป้ากับแม่เงาะชักชวนไปพัทยา อ้างว่าหลวงพ่อรายหนึ่งชักชวนไปเดินขบวนต่อต้านสงครามในยูเครน มีผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทยไปด้วย นางมานีกล่าวว่า ถ้าจะให้ไปให้ช่วยออกค่าเติมแก๊สเพราะตนไม่มีเงิน ป้าเป้าจึงให้ค่าเติมแก๊สไป 500 บาท จึงได้ชักชวนเพื่อนไปอีก 2 คน
เมื่อไปถึงแหลมบาลีฮายนั่งเล่นอยู่สักพักก็มีรถขยายเสียงมา ป้าเป้าเรียกนางมานีให้ไปหา ตนถามว่าไปไหน ป้าเป้ากล่าวว่า "ซ้อโอ่งมาแล้ว" เมื่อมาถึงแม่เงาะกับซ้อโอ่งก็กอดกันและแจกแผ่นป้าย เมื่อเห็นป้ายคำว่าล้มเจ้าก็สอดกลับแล้วเลี่ยงหนีไป และเห็นว่าซ้อโอ่งด่านายธนาธรชัดเจน จากนั้นได้เห็น น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ตนได้ทักทายและยกมือไหว้ขอโทษ ขณะที่นายธนาธรลงจากเวที ก็เดินเข้าไปหาและกล่าวขอโทษ ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายธนาธรกล่าวว่า ไม่เป็นไร ก่อนที่นางมานีจะขอถ่ายรูป ยืนยันว่าแม้จะมีแนวคิดอย่างไรก็ตามก็ไม่มีสิทธิที่จะทำแบบนั้นกับใคร
ขณะนั้นตนกังวลเป็นห่วงป้าเป้าจึงเรียกคนที่ถือป้าย 2 คนออกมา คนที่ถือป้ายดังกล่าวก็งงเหมือนกันเพราะไม่รู้เรื่อง บอกว่า สงสารป้าเป้าโดนหลอกหรือเปล่า เห็นป้าเป้ายืนทำหน้างง เลยให้ไปดึงป้าเป้าออกมา จากนั้นป้าเป้าเดินมากับแม่จอย บอกว่า "กูจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง กูรู้เรื่อง เขาให้มาด่าธนาธร กูเสื้อแดง กูเอาเพื่อไทย กูรักเพื่อไทย กูทำเพื่อทักษิณ เพื่อไทยให้อะไรได้มากกว่า เพื่อไทยส่งเด็กให้เรียนปีหนึ่งไม่ใช่น้อย" ส่วนรถของซ้อโอ่งก็เงียบไปในช่วงปราศรัยเพราะเจ้าหน้าที่ขอร้อง หลังจากจบเหตุการณ์นั่งอยู่บนรถ ป้าเป้ากลับมาขึ้นรถ กล่าวว่า เนี่ย เขาจะค้างคืนกัน แต่เป็นห่วงพระที่มาด้วย เขาจะไปบวชให้ใครก็ไม่รู้ ตนจึงให้ป้าเป้ากลับไปคุยเพราะรถเต็มแล้ว สักพักก็ขับรถออกไป
ระหว่างนั้นได้โทร.คุยกับป้าเป้าอีกครั้งว่า รู้ไหมว่าข้อความที่ให้ถือมีอะไรบ้าง ป้าเป้ากล่าวว่า "พวกไม่รู้เรื่อง ทำไมกูจะไม่รู้ ไม่มีหรอกป้ายชังชาติ ป้ายล้มเจ้า" ก็เลยกล่าวว่า ทำไมจะไม่มี กลับไปดูไลฟ์ กลับไปดูเฟซบุ๊ก เขาแชร์กันสนั่นแล้ว ป้าเป้าก็เลยกล่าวว่า "เออ ไม่ต้องมาคบกู เลิกคบกูไปเลย กูไม่มายด์ กูไม่แคร์"
ขณะที่นายดิวกล่าวว่า เมื่อตนไปเช็กข่าวกับพรรคเพื่อไทย พบว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เมื่อถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ คนที่ไปด้วยก็ได้ยินกับหูว่าเป็นอย่างนั้น นางมานีกล่าวกับป้าเป้าว่า ยายรู้ไหมว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้องนะ ป้ายที่ถือมามีคำว่าล้มเจ้า ชังชาติ และป้ายด่าธนาธร นางวรวรรณกล่าวว่า "รู้ เป็นอะไรมากหรือเปล่า เลิกคบกันไปเลย"
เมื่อถามความรู้สึกหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางมานี กล่าวว่า เป็นวิธีการที่สกปรกมาก ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรที่จะโดนแบบนี้ บางคนถามว่าจะกัดกันทำไมให้สลิ่มมันด่า ก็อยากจะบอกว่า ถ้าคุณไม่โดนอย่างที่เราโดน เราเสียใจ เราศรัทธา เรารักเขา แล้วมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ให้เราพูดอะไรเลยก็ดูเหมือนเราสมรู้ร่วมคิด เพราะสกปรกจริง ๆ อีกอย่างหนึ่ง การทำอย่างนั้น พรรคที่โดนคือพรรคที่คนชื่นชอบ อยู่เคียงข้างเยาวชน และช่วยประกันตัวเวลาถูกจับกุม แล้วเราจะไปทำร้ายเขาเพื่ออะไร เราไม่ใช่ติ่งใคร แต่เป็นวิธีการที่ทุเรศ สกปรก
"อยากบอกป้าเป้าว่า ปัญหาตรงนี้ทุกคนอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ป้าเป้าไม่รู้จริงหรือใครสั่งให้ป้าเป้าทำ ถ้าป้าเป้าอยากพูดความจริงก็เจอกันได้ ยินดีเสมอ ไม่ได้เกลียดเพียงแค่โกรธและเสียใจเท่านั้น ส่วนที่อ้างว่าไม่อยากให้ตัดคะแนน ถ้าไปใช้วิธีการสกปรก มีผลดีกับใครบ้าง ผลเสียก็ตกกับพวกเรา ทุกวันนี้เราทำเพื่อใคร ทำไมต้องเอาประเด็นมาถกเถียง มาครอบงำในสิ่งที่เราว่ามันไม่ใช่" นางมานี กล่าว.
#roundtablethailand
roundtablethailand.com
ที่มา
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000025687
https://prachatai.com/journal/2022/03/97693
@@@ เฮฮา ป้าเป้า @@@@
นางจิดาภาระบุว่า ตนต้องการคุยกับนายธนาธร คนอื่นไม่ต้องมายุ่ง ไม่ได้มาป่วนแต่ให้มาฟังความรู้สึกของคนพัทยา ถ้าทำเพื่อคนพัทยาจริงก็ต้องมาคุยกับตนก่อน ไม่ใช่มาเปิดเวทีแบบนี้ ทุกคนรักประชาธิปไตยหมด แต่ถ้าฟังตนตั้งแต่เข้ารัฐสภาปัญหาจะไม่เกิดแบบนี้ แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาคือการถือป้ายของนางวรวรรณ แซ่อั๊ง หรือป้าเป้า ผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ราษฎร 2563 หรือม็อบสามนิ้ว ที่มาเป็นเพื่อนซ้อโอ่ง แต่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พบว่าป้ายที่นางจิดาภาเตรียมเอาไว้ให้ป้าเป้าและเพื่อนผู้ชุมนุมถือเขียนด้วยลายมือ ระบุว่า "ไปให้พ้นคนชังชาติ" "ขายชาติ" "หนักแผ่นดิน" ป้ายดังกล่าวกลายเป็นที่วิจารณ์จำนวนมาก
ล่าสุด นางวรวรรณ แซ่อั๊ง หรือป้าเป้า เปิดเผยต่อสำนักข่าวประชาไท ว่า หลังจากที่ตนไปขึ้นศาลในคดีการชุมนุมที่ท่าน้ำนนทบุรีในช่วงบ่ายวานนี้ (14 มี.ค.) ตนและกลุ่มเพื่อนได้เดินทางต่อไปที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตามคำชวนของเพื่อนและคนรู้จัก โดยกลุ่มคนที่ชวนอ้างว่าจะให้มาร่วมเดินขบวนเรียกร้องยุติสงครามในยูเครนที่พัทยา และเมื่อมาถึงก็ได้พบกับจิดาภา หรือซ้อโอ่ง ซึ่งรู้จักกับตนมาตั้งแต่สมัยการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน หลังจากนั้น ตนและกลุ่มคนรู้จักรวมถึงจิดาภาได้เดินทางมายังพื้นที่ชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องยุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าเป็นพื้นที่ปราศรัยเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาของคณะก้าวหน้า
ส่วนการแจกป้ายที่เขียนข้อความลักษณะดังกล่าวนั้น ป้าเป้าชี้แจงว่าตนไม่เห็นข้อความที่เขียนบนป้าย เพียงรับป้ายมาแจกตามที่กลุ่มคนรู้จักยื่นมาให้ และเมื่อตนได้ยินคำพูดปราศรัยที่กล่าวโจมตีคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลจึงพยายามเดินเลี่ยงออกไปตามที่เห็นในวิดีโอ โดยป้าเป้าบอกกับผู้สื่อข่าวประชาไทว่าตนทราบทีหลังเมื่อกลับถึงที่พักว่าป้ายเหล่านั้นเขียนข้อความว่าอะไร
“ยายคิดว่าก็ไม่ได้ผิด เพราะยายก็ไม่ได้รับจ้าง และยายก็ไม่ได้ไปเดินด่าอะไร มีแต่คนเขาเตือนยาย ยายก็ไม่ได้เถียงเขา แต่ยายก็ห้ามเขา (จิดาภา) ไม่ได้ เพราะเขาแรง ยายจะไปห้ามเขาทำไม ไม่ใช่เรื่องของยาย แต่ยายไม่พูด มันก็จบ แต่ไอ้ถือป้ายน่ะ ดูในคลิปสิ ยายไม่ได้มอง ยายก็แจกๆ แล้วยายก็ถือแผ่นนึง ยายไปโดนแผ่นไหนยายก็ไม่รู้” ป้าเป้ากล่าว
ป้าเป้าบอกว่าแม้ตนจะรู้จักกับซ้อโอ่งเป็นการส่วนตัว แต่ตนไม่เห็นด้วยกับการปราศรัยเมื่อวานนี้ เพราะตนไม่ได้มีอคติกับคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกทั้งตนยังรู้จัก ส.ส. และคณะทำงานของพรรคก้าวไกล รวมถึงทีมทำงานของคณะก้าวหน้าหลายคน และมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลายเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องการเลือกตั้งก็เคยพูดคุย ป้าเป้าบอกว่าตนเคยพูดกับอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ว่า “ตนรักพรรคก้าวไกล แต่ก็ทิ้งเพื่อไทยไม่ได้” พร้อมบอกว่ารู้สึกขอบคุณ ส.ส.พรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ที่มาช่วยเหลือนักกิจกรรมและประชาชนที่โดนจับกุมเพราะร่วมชุมนุม
ไม่เพียงแต่การพูดคุยกับคนจากฝั่งพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ป้าเป้าบอกว่ามีโอกาสได้พูดคุยกับ ส.ส. พรรคเพื่อไทย รวมถึงคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งป้าเป้าบอกว่าตนไม่เคยมีปัญหากับคณะทำงานของคนจากทั้งสองพรรค พร้อมยืนยันว่าไม่เคยรับเงินจากพรรคการเมืองให้ไปร่วมกิจกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น
“คนจากพรรคก้าวไกลเขาไม่ได้ว่าอะไรยาย เขายังพายายไปถ่ายรูปกับคนที่มารับสมัคร แต่เขาก็มาเตือนยาย เขามาบอกยายว่าอย่าไปยุ่ง ไม่อยากให้ยายเสียชื่อเสียง แต่ทางนี้ก็เพื่อน” ป้าเป้ากล่าว พร้อมบอกว่าจากที่เห็นในคลิปจะพบว่าตนพยายามเดินเลี่ยงออกจากแนวปราศรัยของซ้อโอ่งตลอด และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมตรงนั้นแล้ว ป้าเป้าบอกว่าตนได้กล่าวกับผู้ปราศรัยตรง ๆ ว่าตนไม่ชอบเนื้อหาการปราศรัยดังกล่าว ซึ่งเขาก็รับฟัง
เมื่อถามถึงแนวคิดเรื่องการ ‘ตัดคะแนนเลือกตั้ง’ ตามที่ซ้อโอ่งปราศรัย รวมถึงที่สังคมมีการพูดถึง ป้าเป้าบอกว่าตนไม่ได้คิดเช่นนั้น จากการพูดคุยกับ ส.ส.หลายคน ตนเห็นด้วยว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย และใครจะลงสมัครก็ได้ สิ่งที่จะมาตัดสินคือเสียงของประชาชน
“นักการเมืองพื้นที่เขาก็บอกว่าทุกคนมีสิทธิที่จะลงเลือกตั้ง ประชาธิปไตยใครจะลงก็ได้ แต่ซ้อโอ่งเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขาคิดว่าเขากลัวจะมาแย่งคะแนนกัน ถ้าเป็นยาย ยายจะไม่พูดแบบนั้น มันเสียศักดิ์ศรี ยายจะลงแข่งกัน ถึงเราจะไม่ได้นายกฯ เราก็ทำดี ทำดีที่สุด เราต้องไปช่วยการกุศลให้คนเขารู้จัก ให้เขารัก” ป้าเป้ากล่าว
ทั้งนี้ ป้าเป้าบอกว่าตนไม่ถือโทษคนที่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของตน เพราะเข้าใจว่าเสียงวิจารณ์ต่างๆ จากทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักตนเป็นการส่วนตัว ล้วนเกิดจากการที่ทุกคนไม่ทราบเหตุผลของกันและกัน
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้เหตุผลซึ่งกันและกัน ยายก็ไม่โทษไม่โกรธใคร” ป้าเป้ากล่าวทิ้งท้าย
ในขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Manee Olive Olive ของนางมานี (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้ชุมนุมที่เดินทางไปกับป้าเป้า ได้พูดคุยกับเฟซบุ๊ก สำนักข่าวราษฎร พร้อมกับนายดิว (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ว่า หลังเสร็จจากศาลจังหวัดนนทบุรี ป้าเป้ากับแม่เงาะชักชวนไปพัทยา อ้างว่าหลวงพ่อรายหนึ่งชักชวนไปเดินขบวนต่อต้านสงครามในยูเครน มีผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทยไปด้วย นางมานีกล่าวว่า ถ้าจะให้ไปให้ช่วยออกค่าเติมแก๊สเพราะตนไม่มีเงิน ป้าเป้าจึงให้ค่าเติมแก๊สไป 500 บาท จึงได้ชักชวนเพื่อนไปอีก 2 คน
เมื่อไปถึงแหลมบาลีฮายนั่งเล่นอยู่สักพักก็มีรถขยายเสียงมา ป้าเป้าเรียกนางมานีให้ไปหา ตนถามว่าไปไหน ป้าเป้ากล่าวว่า "ซ้อโอ่งมาแล้ว" เมื่อมาถึงแม่เงาะกับซ้อโอ่งก็กอดกันและแจกแผ่นป้าย เมื่อเห็นป้ายคำว่าล้มเจ้าก็สอดกลับแล้วเลี่ยงหนีไป และเห็นว่าซ้อโอ่งด่านายธนาธรชัดเจน จากนั้นได้เห็น น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ตนได้ทักทายและยกมือไหว้ขอโทษ ขณะที่นายธนาธรลงจากเวที ก็เดินเข้าไปหาและกล่าวขอโทษ ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายธนาธรกล่าวว่า ไม่เป็นไร ก่อนที่นางมานีจะขอถ่ายรูป ยืนยันว่าแม้จะมีแนวคิดอย่างไรก็ตามก็ไม่มีสิทธิที่จะทำแบบนั้นกับใคร
ขณะนั้นตนกังวลเป็นห่วงป้าเป้าจึงเรียกคนที่ถือป้าย 2 คนออกมา คนที่ถือป้ายดังกล่าวก็งงเหมือนกันเพราะไม่รู้เรื่อง บอกว่า สงสารป้าเป้าโดนหลอกหรือเปล่า เห็นป้าเป้ายืนทำหน้างง เลยให้ไปดึงป้าเป้าออกมา จากนั้นป้าเป้าเดินมากับแม่จอย บอกว่า "กูจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง กูรู้เรื่อง เขาให้มาด่าธนาธร กูเสื้อแดง กูเอาเพื่อไทย กูรักเพื่อไทย กูทำเพื่อทักษิณ เพื่อไทยให้อะไรได้มากกว่า เพื่อไทยส่งเด็กให้เรียนปีหนึ่งไม่ใช่น้อย" ส่วนรถของซ้อโอ่งก็เงียบไปในช่วงปราศรัยเพราะเจ้าหน้าที่ขอร้อง หลังจากจบเหตุการณ์นั่งอยู่บนรถ ป้าเป้ากลับมาขึ้นรถ กล่าวว่า เนี่ย เขาจะค้างคืนกัน แต่เป็นห่วงพระที่มาด้วย เขาจะไปบวชให้ใครก็ไม่รู้ ตนจึงให้ป้าเป้ากลับไปคุยเพราะรถเต็มแล้ว สักพักก็ขับรถออกไป
ระหว่างนั้นได้โทร.คุยกับป้าเป้าอีกครั้งว่า รู้ไหมว่าข้อความที่ให้ถือมีอะไรบ้าง ป้าเป้ากล่าวว่า "พวกไม่รู้เรื่อง ทำไมกูจะไม่รู้ ไม่มีหรอกป้ายชังชาติ ป้ายล้มเจ้า" ก็เลยกล่าวว่า ทำไมจะไม่มี กลับไปดูไลฟ์ กลับไปดูเฟซบุ๊ก เขาแชร์กันสนั่นแล้ว ป้าเป้าก็เลยกล่าวว่า "เออ ไม่ต้องมาคบกู เลิกคบกูไปเลย กูไม่มายด์ กูไม่แคร์"
ขณะที่นายดิวกล่าวว่า เมื่อตนไปเช็กข่าวกับพรรคเพื่อไทย พบว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เมื่อถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ คนที่ไปด้วยก็ได้ยินกับหูว่าเป็นอย่างนั้น นางมานีกล่าวกับป้าเป้าว่า ยายรู้ไหมว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้องนะ ป้ายที่ถือมามีคำว่าล้มเจ้า ชังชาติ และป้ายด่าธนาธร นางวรวรรณกล่าวว่า "รู้ เป็นอะไรมากหรือเปล่า เลิกคบกันไปเลย"
เมื่อถามความรู้สึกหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางมานี กล่าวว่า เป็นวิธีการที่สกปรกมาก ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรที่จะโดนแบบนี้ บางคนถามว่าจะกัดกันทำไมให้สลิ่มมันด่า ก็อยากจะบอกว่า ถ้าคุณไม่โดนอย่างที่เราโดน เราเสียใจ เราศรัทธา เรารักเขา แล้วมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าไม่ให้เราพูดอะไรเลยก็ดูเหมือนเราสมรู้ร่วมคิด เพราะสกปรกจริง ๆ อีกอย่างหนึ่ง การทำอย่างนั้น พรรคที่โดนคือพรรคที่คนชื่นชอบ อยู่เคียงข้างเยาวชน และช่วยประกันตัวเวลาถูกจับกุม แล้วเราจะไปทำร้ายเขาเพื่ออะไร เราไม่ใช่ติ่งใคร แต่เป็นวิธีการที่ทุเรศ สกปรก
"อยากบอกป้าเป้าว่า ปัญหาตรงนี้ทุกคนอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ป้าเป้าไม่รู้จริงหรือใครสั่งให้ป้าเป้าทำ ถ้าป้าเป้าอยากพูดความจริงก็เจอกันได้ ยินดีเสมอ ไม่ได้เกลียดเพียงแค่โกรธและเสียใจเท่านั้น ส่วนที่อ้างว่าไม่อยากให้ตัดคะแนน ถ้าไปใช้วิธีการสกปรก มีผลดีกับใครบ้าง ผลเสียก็ตกกับพวกเรา ทุกวันนี้เราทำเพื่อใคร ทำไมต้องเอาประเด็นมาถกเถียง มาครอบงำในสิ่งที่เราว่ามันไม่ใช่" นางมานี กล่าว.
#roundtablethailand
roundtablethailand.com
ที่มา https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000025687
https://prachatai.com/journal/2022/03/97693