ม็อบแดง รับไม่ได้ ตร.รุนแรงกับม็อบ "สิรวิชญ์" อัด APEC ไทยไม่ได้อะไร
https://www.thairath.co.th/news/politic/2558086
ม็อบแดงรุ่นใหญ่ รับไม่ได้ ตร.ใช้ความรุนแรง กับม็อบ "สิรวิชญ์" สมาชิกพรรคเพื่อไทย ปราศรัย บอก APEC ประเทศไม่ได้อะไร บอกเลือกตั้งหน้า อยากให้สงบ อย่าเลือก พรรคหนุน "บิ๊กตู่" ก่อนยุติชุมนุม
วันที่ 20 พ.ย. ที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการจัดชุมนุมของกลุ่มรวมพลคนเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการไม่เอารัฐบาลโจร ที่มีนาย
ภัทรพล ธนเดชพรเลิศ หรือ
ไก่ บิ๊กแมน เป็นแกนนำ บรรยากาศคึกคักไปด้วยมวลชนเสื้อแดงรุ่นใหญ่วัยเกินหลักสี่ มีกิจกรรมร้องรำทำเพลงสลับปราศรัย เนื้อหาประณามรัฐบาลที่สลายการชุมนุมประชาชนที่ออกมาเรียกร้องในช่วงประชุมเอเปก จนถึงกับใช้กระสุนยางยิงถือว่ามีเจตนาใช้ความรุนเเรงจนทำให้มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บ
รศ.
สุดสงวน สุธีสร อายุ 66 ปี อดีตอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า พวกเราแม้เป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็จะยืนหยัดสู้ต่อเพื่อจุดประกายให้สังคม แต่ขอให้สู้แบบรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เพราะเราเป็นกลุ่มที่ไม่ต้องการเข้าคุก เจอมาเยอะแล้วฝากไว้ว่า ถ้ามีใครพูดว่าเด็กๆ ทำเสียภาพลักษณ์ประเทศ ให้ตอบกลับไปเลยว่า คนทำเสีย คือ กลุ่มไหนกันแน่ รัฐบาลควรจัดพื้นที่ให้พวกเขาได้พูด ทำไมไม่ทำ ไปสกัดกั้นเขาคงเพราะตัวเองมีแผล สมัยนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ปัญหาแบบนี้เคยแก้ด้วยการเคยเชิญนักศึกษาที่ประท้วงมาพูดคุยกันที่ทำเนียบรัฐบาล ทำไมไม่ทำแบบนี้บ้าง
นาง
วรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า อายุ 68 ปี หนึ่งในผู้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. กล่าวว่า ตนนอนอยู่กับม็อบหยุดเอเปก ที่ลานคนเมืองทุกคืน ได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เดินทางมา จนคิดว่า อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อประจานรัฐบาลโจร จึงตัดสินใจเสียสละเป็นคนแรก ด้วยการคลานไปหาตำรวจเพื่อให้มันจับ แต่ปรากฏว่ามันบอก "
ป้าๆ กลับไปเถอะผมไม่จับป้า" ตนไม่ยอมบอกเต็มใจให้จับ เพราะอยากมีเรื่อง จึงถูกตำรวจควบคุมตัวไป ยอมรับส่วนตัวอยู่อีกไม่นานก็ตาย ออกมาเสียสละเพื่อลูกหลานประเทศชาติน่าจะดีกว่า
เวลา 17.35 น. ไฮไลต์ของการชุมนุม เป็นการโฟนอินข้ามทวีปของนาง
ดารุณี กฤตบุญญาลัย วัย 73 ปี หรือ เจ๊ดา นักธุรกิจหญิงชื่อดังอดีตแกนนำนปช. ปัจจุบันหลบหนีคดีความมั่นคงไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ
โดยนาง
ดารุณี กล่าวขอบคุณมวลชนเสื้อแดง และชื่นชมที่ยังคงต่อสู้ต่อ ยืนยันยังคงสู้ร่วมกับคนที่เมืองไทยทุกวัน
ขณะที่ 19.05 น. นาย
สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำ นศ.ธรรมศาสตร์ เดินทางมาร่วมปราศรัย โจมตีการจัดประชุมเอเปก ว่า ไม่เห็นประชาชนได้ประโยชน์อะไร พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากยิ้มอย่างเดียว การที่ตำรวจที่มาใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม เพียงเพราะต้องการปกป้อง พล.อ.
ประยุทธ์ จนข้ามหลักการปฏิบัติแบบสากล ดังนั้นเลือกตั้งครั้งหน้า หากอยากให้ประเทศสงบ อย่าเลือกพรรคที่สนับสนุน พล.อ.
ประยุทธ์ จากนั้นเวทียุติลงในเวลาประมาณ 20.00 น
"เพื่อไทย" ฝันดึง "นักลงทุนคุณภาพ" เมื่อได้เป็นรัฐบาล
https://siamrath.co.th/n/401182
วันที่ 21 พ.ย.65 นาย
กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟสบุ๊กเล่าถึงการได้ทำหน้าที่ผู้แทนของพรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารค่ำ กับ
H.E. Dr. Morris Chang ผู้แทนพิเศษ ของเขตเศรษฐกิจไต้หวัน ในการประชุม APEC 2022 และภริยา พร้อมกับแขกคนสำคัญของท่านทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อค่ำวานนี้ว่า ได้แลกเปลี่ยนทัศนะซึ่งจะยังประโยชน์กับการทำงานของประเทศในอนาคต
ทั้งนี้นาย
กิตติรัตน์ ยังได้กล่าวอีกว่า โชคดีที่ได้นั่งใกล้กับนักธุรกิจสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ผู้แทนนักธุรกิจของหนึ่งในสมาชิก APEC และเป็นประธานกรรมการของบริษัทธุรกิจสิ่งทอที่มีพนักงานหลายหมื่นคนในหลายประเทศ โดยมีโรงงานใหญ่ที่สุดอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสตรีนักธุรกิจท่านนี้ได้กล่าวอย่างประทับใจถึงความเป็นระบบและความสะดวกที่ได้รับจากทางการของประเทศเหล่านั้น จึงมุ่งมั่นตอบแทนด้วยการทำธุรกิจอย่าง
"ใส่ใจที่สุด" เพื่อเป็นการตอบแทนโดยมอบสิ่งที่ดีแก่ชุมชนและทรัพยากรบุคคล ด้วยงานสถาปัตยกรรม และวิศวกรรมของโรงงานที่สวยงามและเป็นระบบ เป็นมิตรต่อสายตา ปราศจากมลพิษ เป็นสภาพการทำงานที่ให้ความสุขแก่พนักงาน ควบคู่ไปกับการจ่ายค่าตอบเเทนที่สูงให้พนักงานและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การกระทำดังกล่าวยิ่งทำให้กิจการมี
"ผลิตภาพ" ที่ดีและมีกำไรที่มั่นคง
“ผมรู้สึกมีกำลังใจว่าโลกสามารถสวยงามและมีความสุขได้จากการที่ทุกฝ่ายตระหนักรู้ในหน้าที่ของการเป็นผู้ให้ของตน หากทางการไทยปรับปรุงทัศนคติและมาตรฐานการปฏิบัติให้สามารถดึงดูดนักลงทุนที่มีคุณภาพเช่นนี้ได้ก็คงจะดีกับประเทศไม่น้อย” นาย
กิตติรัตน์ กล่าว
ชูวิทย์ ร้องยธ. สอบเส้นทางเงิน ทุนจีนสีเทา จ่อเอาผิด ‘สันธนะ’ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท
https://www.matichon.co.th/local/news_3686316
“ชูวิทย์” ร้องยธ.ตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มนายทุนจีนทำธุรกิจสีเทา ขอดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมเอาผิด “สันธนะ ประยูรรัตน์”
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำหลักฐานมายื่นให้ ว่าที่ ร.ต.
ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม พร้อม พ.ต.ต.
ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.ต.
วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบกลุ่มนายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย
ว่าที่ ร.ต.
ธนกฤต เผยว่า นาย
ชูวิทย์นำเอกสารมายื่นให้ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุนจีนเกี่ยวข้องขบวนการฟอกเงินและค้ายาเสพติดเพื่อดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ตามขั้นตอน โดยมอบหมายดีเอสไอตั้งเลขสืบสวน คาดใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะรวบรวมข้อมูลว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ รวมทั้ง จะให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ มาดูแลเรื่องของการคุ้มครองพยาน นาย
ชูวิทย์ เนื่องจากเป็นคดีใหญ่สังคมให้ความสนใจและกังวลเรื่องความปลอดภัยจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี
ด้าน พ.ต.ต.
ยุทธนา เผยว่า ดีเอสไอจะพิจารณาตามเงื่อนไขข้อร้องเรียน ทั้ง การฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติด , การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว และ การประมูลงานของรัฐกับกลุ่มนายทุนจีน ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในการแสวงหาหลักฐาน
ส่วนทาง นาย
ชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะพลเมืองที่อยากจะช่วยเหลือสังคม เพราะตนเองเห็นความผิดความชั่วร้ายของธุรกิจทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะ นาย
ตู้ ห่าว ที่เป็นนายทุนจีนตัวการใหญ่ ทั้งที่ผ่านมาตนเองนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไปแล้วแต่จนตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ ออกหมายเรียก หรือ การไปตรวจสอบ นาย
ตู้ ห่าว เลยแต่อย่างใด ซึ่งตนเองนำข้อมูลที่เป็นเอกสาร ทั้ง เส้นทางการเงิน ข้อมูลกลุ่มนอมินี และข้อมูลทรัพย์สินของ นาย
ตู้ ห่าว ที่มีมูลค่ากว่าพันล้านบาท มายื่นให้ตรวจสอบ และตั้งข้อสังเกตว่านาย
ตู้ ห่าว นั้นเป็นแหล่งฟอกเงินของใครหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะต้องการให้กระทรวงยุติธรรมคุ้มครองพยานหรือไม่ นาย
ชูวิทย์ บอกว่า ตนเองไม่ต้องการที่จะให้คุ้มครองพยาน เพราะตนเองไม่กลัว และเคยผ่านความเป็นความตายมาก่อนหน้านี้
ส่วนช่วงบ่ายวันนี้ นาย
สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ที่จะมายื่นหนังสือให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบการเสียภาษีธุรกิจอาบอบนวดของนาย
ชูวิทย์ นั้น โดยทาง นาย
ชูวิทย์ ได้บอกว่า ไม่กลัวและยินดีที่จะให้ตรวจสอบ เพราะธุรกิจอาบอบนวดของตนเองนั้นได้ขายไปหมดแล้ว และไม่รู้ว่าจะอยากตรวจสอบไปทำไม
นาย
ชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า พรุ่งนี้ (22 พฤศจิกายน) ที่จะไปศาลอาญายื่นฟ้อง นาย
สันธนะ ในกรณีที่ นาย
สันธนะกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และจะฟ้องแพ่งในวันเดียวกัน ซึ่งจะเรียกค่าเสียหาย จำนวน 100 ล้านบาท และบอกว่าถือเป็นครั้งแรก ที่ตนเองเป็นโจทก์ในการฟ้องคดี และในวันที่ 23 พฤศจิกายน ตนเองจะไปรัฐสภาฯ เพื่อยื่นเรื่องให้กับ ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบและจะเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับนาย
สันธนะ ที่ตนเองมองว่า เป็นแค่จิ๊กโก๋ปากซอย และยังถูกไล่ออกจากราชการ ถูกถอดยศ แต่กลับไปฟ้องร้องตรวจสอบผู้อื่นไปทั่ว
JJNY : ม็อบแดงรับไม่ได้ | "เพื่อไทย"ฝันดึง"นักลงทุนคุณภาพ"| ชูวิทย์ ร้องยธ.| จีนพบผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มอีก 2 ราย
https://www.thairath.co.th/news/politic/2558086
ม็อบแดงรุ่นใหญ่ รับไม่ได้ ตร.ใช้ความรุนแรง กับม็อบ "สิรวิชญ์" สมาชิกพรรคเพื่อไทย ปราศรัย บอก APEC ประเทศไม่ได้อะไร บอกเลือกตั้งหน้า อยากให้สงบ อย่าเลือก พรรคหนุน "บิ๊กตู่" ก่อนยุติชุมนุม
วันที่ 20 พ.ย. ที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ ใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการจัดชุมนุมของกลุ่มรวมพลคนเสื้อแดงต่อต้านเผด็จการไม่เอารัฐบาลโจร ที่มีนายภัทรพล ธนเดชพรเลิศ หรือ ไก่ บิ๊กแมน เป็นแกนนำ บรรยากาศคึกคักไปด้วยมวลชนเสื้อแดงรุ่นใหญ่วัยเกินหลักสี่ มีกิจกรรมร้องรำทำเพลงสลับปราศรัย เนื้อหาประณามรัฐบาลที่สลายการชุมนุมประชาชนที่ออกมาเรียกร้องในช่วงประชุมเอเปก จนถึงกับใช้กระสุนยางยิงถือว่ามีเจตนาใช้ความรุนเเรงจนทำให้มีผู้ชุมนุมบาดเจ็บ
รศ.สุดสงวน สุธีสร อายุ 66 ปี อดีตอาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า พวกเราแม้เป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็จะยืนหยัดสู้ต่อเพื่อจุดประกายให้สังคม แต่ขอให้สู้แบบรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เพราะเราเป็นกลุ่มที่ไม่ต้องการเข้าคุก เจอมาเยอะแล้วฝากไว้ว่า ถ้ามีใครพูดว่าเด็กๆ ทำเสียภาพลักษณ์ประเทศ ให้ตอบกลับไปเลยว่า คนทำเสีย คือ กลุ่มไหนกันแน่ รัฐบาลควรจัดพื้นที่ให้พวกเขาได้พูด ทำไมไม่ทำ ไปสกัดกั้นเขาคงเพราะตัวเองมีแผล สมัยนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ปัญหาแบบนี้เคยแก้ด้วยการเคยเชิญนักศึกษาที่ประท้วงมาพูดคุยกันที่ทำเนียบรัฐบาล ทำไมไม่ทำแบบนี้บ้าง
นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า อายุ 68 ปี หนึ่งในผู้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. กล่าวว่า ตนนอนอยู่กับม็อบหยุดเอเปก ที่ลานคนเมืองทุกคืน ได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เดินทางมา จนคิดว่า อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อประจานรัฐบาลโจร จึงตัดสินใจเสียสละเป็นคนแรก ด้วยการคลานไปหาตำรวจเพื่อให้มันจับ แต่ปรากฏว่ามันบอก "ป้าๆ กลับไปเถอะผมไม่จับป้า" ตนไม่ยอมบอกเต็มใจให้จับ เพราะอยากมีเรื่อง จึงถูกตำรวจควบคุมตัวไป ยอมรับส่วนตัวอยู่อีกไม่นานก็ตาย ออกมาเสียสละเพื่อลูกหลานประเทศชาติน่าจะดีกว่า
เวลา 17.35 น. ไฮไลต์ของการชุมนุม เป็นการโฟนอินข้ามทวีปของนางดารุณี กฤตบุญญาลัย วัย 73 ปี หรือ เจ๊ดา นักธุรกิจหญิงชื่อดังอดีตแกนนำนปช. ปัจจุบันหลบหนีคดีความมั่นคงไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ
โดยนางดารุณี กล่าวขอบคุณมวลชนเสื้อแดง และชื่นชมที่ยังคงต่อสู้ต่อ ยืนยันยังคงสู้ร่วมกับคนที่เมืองไทยทุกวัน
ขณะที่ 19.05 น. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำ นศ.ธรรมศาสตร์ เดินทางมาร่วมปราศรัย โจมตีการจัดประชุมเอเปก ว่า ไม่เห็นประชาชนได้ประโยชน์อะไร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากยิ้มอย่างเดียว การที่ตำรวจที่มาใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม เพียงเพราะต้องการปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จนข้ามหลักการปฏิบัติแบบสากล ดังนั้นเลือกตั้งครั้งหน้า หากอยากให้ประเทศสงบ อย่าเลือกพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จากนั้นเวทียุติลงในเวลาประมาณ 20.00 น
"เพื่อไทย" ฝันดึง "นักลงทุนคุณภาพ" เมื่อได้เป็นรัฐบาล
https://siamrath.co.th/n/401182
วันที่ 21 พ.ย.65 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟสบุ๊กเล่าถึงการได้ทำหน้าที่ผู้แทนของพรรคเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารค่ำ กับ H.E. Dr. Morris Chang ผู้แทนพิเศษ ของเขตเศรษฐกิจไต้หวัน ในการประชุม APEC 2022 และภริยา พร้อมกับแขกคนสำคัญของท่านทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อค่ำวานนี้ว่า ได้แลกเปลี่ยนทัศนะซึ่งจะยังประโยชน์กับการทำงานของประเทศในอนาคต
ทั้งนี้นายกิตติรัตน์ ยังได้กล่าวอีกว่า โชคดีที่ได้นั่งใกล้กับนักธุรกิจสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ผู้แทนนักธุรกิจของหนึ่งในสมาชิก APEC และเป็นประธานกรรมการของบริษัทธุรกิจสิ่งทอที่มีพนักงานหลายหมื่นคนในหลายประเทศ โดยมีโรงงานใหญ่ที่สุดอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสตรีนักธุรกิจท่านนี้ได้กล่าวอย่างประทับใจถึงความเป็นระบบและความสะดวกที่ได้รับจากทางการของประเทศเหล่านั้น จึงมุ่งมั่นตอบแทนด้วยการทำธุรกิจอย่าง "ใส่ใจที่สุด" เพื่อเป็นการตอบแทนโดยมอบสิ่งที่ดีแก่ชุมชนและทรัพยากรบุคคล ด้วยงานสถาปัตยกรรม และวิศวกรรมของโรงงานที่สวยงามและเป็นระบบ เป็นมิตรต่อสายตา ปราศจากมลพิษ เป็นสภาพการทำงานที่ให้ความสุขแก่พนักงาน ควบคู่ไปกับการจ่ายค่าตอบเเทนที่สูงให้พนักงานและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ การกระทำดังกล่าวยิ่งทำให้กิจการมี "ผลิตภาพ" ที่ดีและมีกำไรที่มั่นคง
“ผมรู้สึกมีกำลังใจว่าโลกสามารถสวยงามและมีความสุขได้จากการที่ทุกฝ่ายตระหนักรู้ในหน้าที่ของการเป็นผู้ให้ของตน หากทางการไทยปรับปรุงทัศนคติและมาตรฐานการปฏิบัติให้สามารถดึงดูดนักลงทุนที่มีคุณภาพเช่นนี้ได้ก็คงจะดีกับประเทศไม่น้อย” นายกิตติรัตน์ กล่าว
ชูวิทย์ ร้องยธ. สอบเส้นทางเงิน ทุนจีนสีเทา จ่อเอาผิด ‘สันธนะ’ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท
https://www.matichon.co.th/local/news_3686316
“ชูวิทย์” ร้องยธ.ตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มนายทุนจีนทำธุรกิจสีเทา ขอดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พร้อมเอาผิด “สันธนะ ประยูรรัตน์”
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำหลักฐานมายื่นให้ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม พร้อม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบกลุ่มนายทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยว่า นายชูวิทย์นำเอกสารมายื่นให้ กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุนจีนเกี่ยวข้องขบวนการฟอกเงินและค้ายาเสพติดเพื่อดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ตามขั้นตอน โดยมอบหมายดีเอสไอตั้งเลขสืบสวน คาดใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะรวบรวมข้อมูลว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ รวมทั้ง จะให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ มาดูแลเรื่องของการคุ้มครองพยาน นายชูวิทย์ เนื่องจากเป็นคดีใหญ่สังคมให้ความสนใจและกังวลเรื่องความปลอดภัยจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ดีเอสไอจะพิจารณาตามเงื่อนไขข้อร้องเรียน ทั้ง การฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติด , การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว และ การประมูลงานของรัฐกับกลุ่มนายทุนจีน ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในการแสวงหาหลักฐาน
ส่วนทาง นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะพลเมืองที่อยากจะช่วยเหลือสังคม เพราะตนเองเห็นความผิดความชั่วร้ายของธุรกิจทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะ นายตู้ ห่าว ที่เป็นนายทุนจีนตัวการใหญ่ ทั้งที่ผ่านมาตนเองนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไปแล้วแต่จนตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ ออกหมายเรียก หรือ การไปตรวจสอบ นายตู้ ห่าว เลยแต่อย่างใด ซึ่งตนเองนำข้อมูลที่เป็นเอกสาร ทั้ง เส้นทางการเงิน ข้อมูลกลุ่มนอมินี และข้อมูลทรัพย์สินของ นายตู้ ห่าว ที่มีมูลค่ากว่าพันล้านบาท มายื่นให้ตรวจสอบ และตั้งข้อสังเกตว่านายตู้ ห่าว นั้นเป็นแหล่งฟอกเงินของใครหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะต้องการให้กระทรวงยุติธรรมคุ้มครองพยานหรือไม่ นายชูวิทย์ บอกว่า ตนเองไม่ต้องการที่จะให้คุ้มครองพยาน เพราะตนเองไม่กลัว และเคยผ่านความเป็นความตายมาก่อนหน้านี้
ส่วนช่วงบ่ายวันนี้ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ที่จะมายื่นหนังสือให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบการเสียภาษีธุรกิจอาบอบนวดของนายชูวิทย์ นั้น โดยทาง นายชูวิทย์ ได้บอกว่า ไม่กลัวและยินดีที่จะให้ตรวจสอบ เพราะธุรกิจอาบอบนวดของตนเองนั้นได้ขายไปหมดแล้ว และไม่รู้ว่าจะอยากตรวจสอบไปทำไม
นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า พรุ่งนี้ (22 พฤศจิกายน) ที่จะไปศาลอาญายื่นฟ้อง นายสันธนะ ในกรณีที่ นายสันธนะกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และจะฟ้องแพ่งในวันเดียวกัน ซึ่งจะเรียกค่าเสียหาย จำนวน 100 ล้านบาท และบอกว่าถือเป็นครั้งแรก ที่ตนเองเป็นโจทก์ในการฟ้องคดี และในวันที่ 23 พฤศจิกายน ตนเองจะไปรัฐสภาฯ เพื่อยื่นเรื่องให้กับ ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบและจะเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับนายสันธนะ ที่ตนเองมองว่า เป็นแค่จิ๊กโก๋ปากซอย และยังถูกไล่ออกจากราชการ ถูกถอดยศ แต่กลับไปฟ้องร้องตรวจสอบผู้อื่นไปทั่ว