เราอายุจะ 29 แล้ว เราเกิดมาเราอยู่กับย่ากับป้ามาโดยตลอด พ่อไม่เคยส่งเสียให้เรียน แต่เมื่อตอนเด็กอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งเค้ามีครอบครัวใหม่ แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน มีลูก2คนแล้วก็เลิกรากันไป ไม่ได้ส่งเสีย ส่วนย่าเคี่ยวเข็นเราจนกระทั่งจบ ป.ตรี ทำงานมาได้ 4 ปีแล้ว เราก็ให้เงินย่ามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้มีเคยติดต่อกันบ้างเพราะพ่อทำเรื่องที่บ้านไว้แล้วหนีไปอยู่ภูเก็ต ก็แค่รู้ว่าอยู่ที่ภูเก็ตแล้วก็ไม่ได้ติดต่ออะไร เราได้เจอแม่เมื่อ 2 - 3 ปีก่อน ที่แยกไปมีครอบครัวตอนเด็กๆ ก็เคลียร์ใจกันจนได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมถึงแยกไป ย่าสร้างบ้านด้วยเงินก้อนสุดท้ายให้ป้ากับเราอยู่ จนกระทั่งเมื่อปี่ที่แล้วยุคโควิดพ่อตกงานมาจากภูเก็ตก็กลับมาอยู่บ้าน โดยที่เราหางานให้พ่อทำเช่นงานประจำ แต่เนื่องด้วยอายุเยอะแล้ว ประมาณ 50 และประสบการณ์น้อย ก็ยากที่จะได้งานประจำ เลยกะว่าให้วิ่งส่งอาอาหารเล็กๆน้อยๆ ก็ยังพอที่จะได้เงิน ก็ไม่ทำ ได้รายได้เล็กน้อยจากการช่วยย่าเฝ้าร้านขายของ (ร้านค้าเล็กๆ ย่าทำเพื่อจะได้ไม่เหงา) ก็วันละไม่กี่บาท รายได้จากที่ป้ากับเราให้คนละต่อเดือนละ 1,500 แต่หลังๆเราไม่ได้ให้เพราะรายได้เราก็ไม่ได้สูงมาก และเป็นค่าใช้จ่ายที่เราคาดไม่ถึง เราเลี้ยงหมาและแมว 2 รวม 3 ตัว ชูการ์ไกรเดอร์อีก 2 ตัว เราเป็นคนให้อาหารตลอด ค่าอาหารเราเป็นคนออกเองในส่วนของเรา ค่าน้ำค่าไฟและค่าใช้จ่ายภายในบ้านหารกับป้าคนละครึ่ง เราเป็นโรคซึมโรคซึมเศร้าระยะต้นๆ เราจึงชอบอยู่ในห้องคนเดียวและเป็นเซฟโซนของเราจึงไม่ชอบให้ใครมายุ่งในห้อง แต่เมื่อก่อนอยู่กับป้า2คน จึงไม่ค่อยล็อกห้อง แต่พอเรารู้ว่าพ่อเราเข้ามาให้ห้องเลยล็อกประตู และหลังๆเรารู้สึกว่าพ่อไม่ค่อยพอใจเราที่ล็อก และก็เรื่องเล็กๆน้อยๆอื่นๆในบ้านที่เราทำแล้วเค้าไม่พอใจ ก็เลยพาลไม่พูดกันเป็นเดือน แต่เราก็ยังให้พ่อมาทำงานรับส่งเอกสารให้เราเพราะอย่างน้อยก็คิดว่าพอจะช่วยได้ เรากำลังเก็บเงินซื้อรถสักคันไว้พาย่าไปไหนมาไหน เพราะย่าคงขับรถไม่ไหวและเราก็ไม่อยากให้ขับแล้ว จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์เราได้ออกรถมา ก็ปกติดีอะไรดี จนกระทั่งเราจะต้มน้ำชงนมให้ชูการ์เราถือหม้อแล้วไม่มีมือปิดประตู ก็เลยใช้เท้าปิดแล้วเสียงมันดังพ่อก็เปิดประตูมาว่า มีปัญหาอะไร ก็บอกว่าไม่ได้มีมือปิดก็เลยดัง แล้วก็ด่าทอสารพัดเรื่องหมาแมวที่ไปอ้อนขออาหารเค้า หาว่าเราเลี้ยงอดอยาก ทั้งๆที่เราให้อาหารตลอดแต่แค่เค้าไม่เห็น เราก็คุยกับเพื่อนก็หาว่ามีผัวหลายคน ก็อธิบายว่าเรื่องส่วนตัวเราไม่ต้องมายุ่ง พ่อก็ทำร้ายเราเป็นครั้งที่2 ทั้งต่อยทั้งบีบคอในห้องนอนเรา เราเลยวิ่งหนีไปหาย่าที่อยู่ปากซอย พ่อก็ตามมาทำร้ายหาว่าฟ้องย่า ก็บอกตามที่เราอธิบายพ่อก็โมโหมาถีบหน้าเราอีก ย่าช่วยก็สู้แรงไม่ได้ เราจึงหนีไปบ้านย่าอีกหลัง ก็เลยไม่ตามมา จนบอกย่าไปบอกป้าเลยรีบกลับมาจากที่ทำงาน เราจึงกลับไปเอาของเพื่อไปโรงพยาบาล พ่อก็มาทวงบุญคุณว่า ให้เกิดมา เอานอน กูอยู่มาก่อน (ทั้งๆที่เรารู้ว่าจริงๆไม่ได้เป็นแบบนั้น แม่เล่าให้ฟัง หาว่าเรากับแม่ทำชีวิตเค้าพัง ตอนเราเด็กๆก็เอาแต่เที่ยวกับเพื่อน) แต่ย่าห้ามเราไว้ไม่ให้พูด ก็เลยเงียบๆ และวันนั้นก็บอกกับย่ากับป้าจะออกมาอยู่ข้างนอก ทั้งๆที่เราไม่อยากเพราะเราอยากจะคอยดูแลย่า เผื่อจะช่วยอะไรเค้าได้บ้าง ก็ต้องจำใจออกมาตอนนี้เจ้านายใจดีให้นอนออฟฟิศ เพราะไม่มีปัญญาไปเช่าห้องตอนนี้ แต่ย่ามีบ้านอีกหลังที่เราย้ายมาบอกให้ไปอยู่บ้านนั้น เราบอกยังไม่พร้อมกลัวพ่อตามไปทำร้ายอีก นี่เป็นครั้งที่2ที่เราทำร้ายหนักๆ ครั้งแรกตอนเราวัยรุ่น โดนตบจนปากแตก เส้นเลือดฝอยในตาแตกหมด แต่ตอนนี้เราไม่ใช่เด็กๆแล้ว เรานอนไม่ได้เลย หลับก็เห็นแต่ตอนที่โดนทำร้าย ก็ต้องกลับไปหาหมอจิตเวชอีก จนดีขึ้นมาหน่อย ตอนนี้เราเทียวไปเทียวมาหาย่าอาทิตย์นึงครั้งนึง เราไม่ได้โกรธหรือเกลียดพ่อ แต่ก็ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว แต่เมื่อวานเราจะไปหาย่า ย่าบอกจะไม่อยู่เลยถามว่าไปไหน ย่าบอกจะไปซื้อของที่บิ๊กซี และเดินไป ซึ่งเราคิดว่าคนแก่อายุ จะ80แล้ว ต้องเดินไปซื้อของ2ป้ายรถเมล์ แล้วต้องข้ามสะพานลอย2รอบ ถามว่าทำไมให้พ่อไป ก็บอกใช้เค้าเยอะๆไม่ได้ มีปฎิกิริยาไม่พอใจ ต้องไปเองไม่งั้นไม่มีใครซื้อให้ เราก็เลยอาสาแวะซื้อให้ ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าเราจะไม่เกลียดพ่อ แต่ตอนนี้เรารับไม่ได้กับสิ่งที่เค้าทำกับย่า เราว่าเราเริ่มเกลีดพ่อแล้ว คิดว่าอนาคตถ้าย่ากับปู่เสียแล้ว เราจะออกไปจากชีวิตเค้า ไม่ติดต่อเค้า ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยเลย จะถือว่าเราเป็นคนอกตัญญูไหมคะ (ขอบคุณพื้นที่ให้เราระบายนะคะ โพสแรกของเรา อึดอัดมากค่ะ)
เกลียดพ่อตัวเองบาปไหมคะ