🇹🇭มาลาริน💗1มี.ค.ไทยไม่ติดTop10โลก/ป่วย20,420คน หายป่วย18,297คน ตาย43คน/สธ.คาดมี.ค.โควิดขาลงเริ่มรักษาแบบผู้ป่วยนอก

เพี้ยนปักหมุดยอด โควิด-19 วันนี้ ติดเชื้อใหม่ 20,420 ราย ตายเพิ่ม 43 ราย



https://www.bangkokbiznews.com/news/990981



https://www.bangkokbiznews.com/social/991022

เพี้ยนแคปเจอร์สธ. คาดเดือน มี.ค. 'โควิดขาลง' เริ่มปรับรักษาผู้ติดเชื้ออาการน้อย เป็นผู้ป่วยนอก
28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 17:48 น.



สธ.คาดเดือนหน้าสถานการณ์​โควิดจะเริ่มลดลง​ ส่วนผู้ป่วยใส่ท่อหายใจจะลด​ 400-500 คน​ ยันยารักษามีเพียงพอ​ เผย​ 1 มี.ค.ปรับการรักษาผู้ป่วยไม่แสดงอาการ-อาการน้อย​ เป็นรูปแบบผู้ป่วยนอก​ OPD
28 ก.พ.2565​ - ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการ​ณ์การ​แพร่ระบาด​ของ​โรค​โค​วิด​-19 ว่า​อัตราการติดเชื้อของประเทศไทย สอดคล้องกับอัตราการติดเชื้อในต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจำนวนจะเพิ่มสูงขึ้นแต่อัตราการเสียชีวิตยังคงต่ำอยู่​ โดยสถานการณ์ในไทย ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทุกภูมิภาค ทำให้พบผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจผู้ป่วยเสียชีวิตและแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป กลุ่มที่มีโรคเรื้อรัง โรคอ้วน และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งยังคงต้องเน้นการสื่อสารให้ประชาชนรับวัคซีนทุกเข็มโดยเฉพาะวัคซีนเข็มกระตุ้น​ โดยขณะนี้เน้นการตรวจจับการระบาดในคลัสเตอร์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง และสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในวงกว้าง เช่น ร้านอาหารกึ่งผับบาร์ สถานที่ที่มีการรวมกลุ่มคนหมู่มาก
 
นพ.เกียรติ​ภูมิ​ กล่าวว่า​ ด้านสถานการณ์เตียงโควิด-19 ของทั้งประเทศไทย​ ปัจจุบันอัตราครองเตียงอยู่ที่ ร้อยละ 59 โดยกรมควบคุมโรคได้มีการจัดทำฉากทัศน์ หรือ รูปแบบจำลอง การคาดการณ์สถานการณ์โควิด-19 ในเดือนมี.ค. ซึ่งกราฟการติดเชื้อจะเข้าสู่ระดับทรงตัวและจะค่อยๆ ลดลง ส่วนกลุ่มที่ติดเชื้อแล้วต้องใส่ท่อช่วยหายใจ คาดการณ์จะลดลงถึง 400-500 ราย​ ขณะที่ผู้เสียชีวิตของไทยวันนี้ 42 ราย ยังคงเป็นผู้ป่วยอายุ 60 ปีขึ้นไป 29 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 69 ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี แต่มีโรคเรื้อรัง 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 26 รวมทั้ง ปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรคไต และผู้ป่วยติดเตียง​ นอกจากนี้ ยังพบผู้ป่วยรุนแรง ภาวะปอดอักเสบสะสม 980 ราย เพิ่ม 25 ราย ส่วนใส่ท่อช่วยหายใจสะสม 280 ราย เพิ่มขึ้น 12 ราย

นพ.เกียรติ​ภูมิ​ ยังกล่าว​อีกว่า​ สำหรับข้อมูลสถานการณ์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย เข็มแรก​ฉีดไปแล้วร้อยละ 77 เข็มที่สอง​ฉีดไปแล้วร้อยละ 71.5 เข็ม 3 ขึ้นไป ฉีดไปแล้วร้อยละ 29.2 ขณะที่ การสำรองยาวฟาวิพิราเวียร์ ปลัดกระทรวงสาธารณสสุข ยืนยัน ยามีเพียงพอ โดยองค์การเภสัชกรรมมีอยู่ 65,200 เม็ด กระจายไปยังเขตสุขภาพที่ 1-12 จำนวน 13,343,882 เม็ด เขตสุขภาพที่ 13 คือกรุงเทพฯกระจายไปแล้ว 3,495,636 เม็ด รวมทั้งหมด 16,904,718 เม็ด​ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมมีแผนจัดหาและผลิตยาฟาวิพาราเวียร์ รวม 87.6 ล้านเม็ด ซึ่งได้มีการเตรียมไว้จนถึงเม.ย.นี้​
 
สำหรับภาพรวมนโยบายการดำเนินงานและความพร้อมของระบบสาธารณสุขตอนนี้โควิด เป็นช่วงขาขึ้น จะเน้นการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ ผู้ป่วยเสียชีวิต โดยตอนนี้จะเน้นระบบ ATK First OPD- HI First ปรับการรักษาผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการและผู้ป่วยอาการน้อย เป็นรูปแบบผู้ป่วยนอก OPD โดยเน้นรักษาตัวเองที่บ้านและแยกกักที่บ้าน รับยา ลงทะเบียนผ่านระบบ 1330 สปสช. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มี.ค.นี้
ด้านนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวกรณีการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รูปแบบผู้ป่วยนอก ว่า ข้อมูลถึงวันที่ 25​ ก.พ. พบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในระบบรักษาตัวที่บ้านกว่าร้อยละ 56.36 และทำการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ในเตียงระดับหนึ่ง คือ เตียงผู้ป่วยสีเขียวร้อยละ 36.10 ทำให้เห็นว่าการระบาดรอบนี้ผู้ป่วยโควิด-19 เกินครึ่งเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวไม่มีอาการเหลือการน้อยมาก ซึ่งสามารถรับยา ทำการรักษาตัวที่บ้านได้ ซึ่งสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่คลินิก​ทางเดินหายใจของแต่ละโรงพยาบาลได้​ ซึ่งการรักษาโควิด-19 รูปแบบผู้ป่วยนอก OPD จะเป็นการรักษาเสริม กับระบบการรักษาตัวที่บ้าน HI และในศูนย์พักคอย CI หรือในฮอลพิเทล หรือในโรงพยาบาลสนาม

ทั้งนี้ หากประชาชนที่ติดเชื้อ เข้ารับการรักษาแบบ OPD ยังคงต้องแยกกักตัวที่บ้าน จ่ายยาตามอาการ โทรติดตามอาการ ครั้งเดียว คือ ภายใน 48 ชั่วโมง จะไม่มีอุปกรณ์ตรวจประเมิน แต่จะมีระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง​ ส่วนการเข้ารักษาตัวที่บ้านหรือ ยังคงแยกกักตัวที่บ้าน จ่ายยาตามอาการ จะมีการโทรติดตามอาการทุกวัน มีอุปกรณ์ตรวจประเมิน และมีระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง และจะมีบริการอื่นๆเช่นนำส่งอาหาร
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การระบาดของไทย ที่ผ่านมาเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งข้อมูลในต่างประเทศ จะพบการระบาดสูงสุด 1-2 เดือน และจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งสอดคล้องกับประเทศไทยที่พบการติดเชื้อโควิคที่เพิ่มขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาการเด่นที่พบในผู้ป่วยโควิดในช่วงนี้ คือ พบผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอมากขึ้น​ สำหรับแนวทางสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสียงสูงของผู้ติดเชื้อโควิด-19 แนะนำให้กับตัวที่บ้าน 7 วัน และให้สังเกตอาการตนเองเพิ่มอีก 3 วัน โดยตรวจ ATK ครั้งที่ 1 วันที่ 5-6 หลังสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อครั้งสุดท้าย และตรวจครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 หลังสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อครั้งสุดท้าย.

https://www.thaipost.net/covid-19-news/94582/

ปูเสื่อ ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

....เพี้ยนแข็งแรง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17

ดีเดย์  1 มี.ค. 65 “เจอ แจก จบ” ผู้ติดโควิด เปิดบริการรักษาผู้ป่วยนอก (OPD) เปลี่ยนผ่านเข้าสู่โรคประจำถิ่น

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมแผนการบริหารจัดการให้โรคโควิดออกจากการเป็นโรคระบาดไปสู่การเป็นโรคติดต่อทั่วไปหรือโรคประจำถิ่น คือ การที่โรคลดความรุนแรงลง ไม่มีภาวะอันตรายมาก มีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันประชาชนมีภูมิต้านทานมากเพียงพอ จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน จากนี้ โดยได้จัดระบบบริการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เพิ่มการดูแลในระบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล “เจอ แจก จบ” โดยทำการตรวจผู้ที่สงสัยป่วยโควิด 19 ด้วยชุดตรวจ ATK หากพบผลเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาจ่ายยารักษาตามอาการ 3 สูตร ได้แก่ 1.ยาฟาวิพิราเวียร์ 2.ยาฟ้าทะลายโจร 3.ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดเชื้อในการเข้าถึงบริการ และเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่การเป็นโรคที่ดูแลได้ด้วยตนเอง เริ่มดำเนินการในวันที่ 1 มี.ค. 65

ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/513235213628141


รับผิดชอบต่อสังคม
กักตัวอย่างไรให้ปลอดภัยกับคนในบ้าน 14 วัน  
                            
ที่มา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/513243990293930


ความแตกต่างรักษาแบบ  “ผู้ป่วยนอก” กับ "HI”

• ผู้ป่วยนอก
ประเภทการรักษา: OPD
กิจกรรมการรักษา: มี
แยกกักตัวที่บ้าน: มี
จ่ายยาตามอาการ: มี
โทรติดตามอาการ: มี  (เมื่อครบ 48 ชั่วโมง)
อุปกรณ์ตรวจประเมิน: ไม่มี
ระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง: มี
บริการอื่น ๆ (อาหาร): ไม่มี

• แบบ HI
ประเภทการรักษา: OPD
กิจกรรมการรักษา: มี
แยกกักตัวที่บ้าน: มี
จ่ายยาตามอาการ: มี
โทรติดตามอาการ: มี (ทุกวัน)
อุปกรณ์ตรวจประเมิน: มี
ระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง: มี
บริการอื่น ๆ (อาหาร): มี

ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/513303990287930


ดีเดย์ 1 มี.ค. 65 เปิด 3 ด่านชายแดน เข้าไทยได้ครบทาง บก น้ำ อากาศ

ศบค. มีมติเปิด 3 ด่านชายแดนเข้าไทย ครบจบทั้งบก น้ำ อากาศ โดยมีมาตรการต่างๆ ดังนี้

ทางบก
- นำร่อง 3 ด่านชายแดน คือ หนองคาย อุดรธานี และสงขลา เริ่มวันที่ 1 มี.ค.2565
- ลงทะเบียนเข้าประเทศผ่าน Thailand Pass
- ไม่มีการกักตัว แต่ต้องพักใน Sha Extra Plus /AQ คืนแรกเพื่อรอผล
- ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่สาธารณสุขกำหนด ไม่ต่ำกว่า 14 วันก่อนเดินทาง
- มีหลักฐานการจ่ายค่าที่พัก SHA++ 1 คืน
- มีประกันภัยในวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทาง (ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง)
- เมื่อเดินทางมาถึงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 1 ครั้ง ส่วนครั้งที่ 2 ใช้ตรวจแบบ ATK ด้วยตัวเองและแจ้งผลในวันที่ 5

ทางน้ำ
- ก่อนเข้าประเทศ ลงทะเบียนผ่านการขอ COE
- ไม่จำกัดประเทศเดินทางโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช)
- ไม่มีการกักตัว รอผลการตรวจบนเรือ
- มีประกันภัยในวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทาง (ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง)
- เมื่อเดินทางมาถึงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 1 ครั้ง บนเรือหรือจุดที่กำหนด ส่วนครั้งที่ 2 ใช้ตรวจแบบ ATK ด้วยตัวเองและแจ้งผลในวันที่ 5

ทางอากาศ
- ลงทะเบียนเข้าประเทศผ่าน Thailand Pass
- ไม่มีการกักตัว แต่ต้องพักใน Sha Extra Plus /AQ คืนแรกเพื่อรอผล
- ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ที่สาธารณสุขกำหนด ไม่ต่ำกว่า 14 วันก่อนเดินทาง
- มีหลักฐานการจ่ายค่าที่พัก AQ/SHA++ จำนวน 1 คืน
- มีประกันภัยในวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนเดินทาง (ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง)
- เมื่อเดินทางมาถึงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 1 ครั้ง ในวันที่ 1 ส่วนครั้งที่ 2 ใช้ตรวจแบบ ATK ด้วยตัวเองและแจ้งผลในวันที่ 5

ที่มา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/513292996955696


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศในระบบ Test and Go ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=267432045535793&id=100068069971811


เด็กติดโควิด ทำยังไง!? Home Isolation สำหรับเด็ก OK แค่ไหน?

เมื่อติดโควิด ติดต่อสปสช. โทร 1330 กด 14 ศูนย์เอราวัณ โทร 1669 กด 2
https://www.facebook.com/realnewsthailand/posts/1135389780627084


แนะนำทำ Home Isolation สำหรับเด็กที่ติดโควิด

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ความรุนแรงน้อยกว่าที่ผ่านมา การที่เด็กๆ ติดเชื้อมากขึ้นอาจมีสาเหตุหลักมาจาก เด็ก 5 – 11 ปี พึ่งได้รับวัคซีนป้องกันและมีการเปิดเรียนในบางโรงเรียน โดยตามปกติอาการของเด็กที่ติดเชื้อจะมีไข้อยู่ประมาณ  5 วัน แต่ต้องสังเกตอาการถึง 10 วันและติดตามอาการต่อจนครบ 14 วัน การรักษาในเด็กเหมือนการรักษาในผู้ใหญ่ จากการคุยกับผู้เชี่ยวชาญเด็กหลายรายพบว่าเชื้อโอมิครอนในเด็กส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อยเหมือนเป็นไข้หวัด อาจต้องย้ำให้ผู้ปกครองเข้าใจเพื่อลดความกังวลได้

ด้านนายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง  ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  กล่าวว่า ช่วงอายุเด็กที่ติดโควิด-19 ที่พบบ่อยคือ ช่วงอายุ 3 -11 ปี สำหรับกลุ่มที่มีอาการรุนแรงมักจะเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคสมอง หัวใจ มะเร็ง หรือกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง  จากการสำรวจเตียงในเครือสำนักกรมการแพทย์ UhosNet กรุงเทพมหานคร พบว่ามีกว่า 500 เตียง และมีการครองเตียงแล้วกว่าร้อยละ 80 โดยเตียงเด็กจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ กลุ่มเด็กแรกเกิด กลุ่ม 2 คือกลุ่มที่เด็กอายุ 1-11 ปีและกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มอายุมากว่า 12 ปีขึ้นไป

สำหรับการเข้ารับการรักษาจะต้องผ่านการคัดกรอง ประเมินระดับความรุนแรงตามอาการของผู้ป่วย หากเด็กมีอาการไข้ไม่สูง ไม่มีโรคประจำตัวรุนแรง เด็ก ไม่ซึม รับประทานอาหารได้ มีผู้ดูแลและมีห้องน้ำแยกป้องกันการกระจายของเชื้อ จะสามารถเข้ารับการดูแลในรูปแบบของ Home Isolation (HI) หรือรักษาที่บ้าน โดยมีทีมพยาบาลติดตามอาการอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง มีการส่งเครื่องมือวัดไข้ เครื่องมือวัดออกซิเจน ยา ถุงขยะติดเชื้อ อาหาร รวมทั้งของเล่นให้เด็กด้วย สำหรับเด็กที่มีอาการเปลี่ยนแปลง เช่น ไข้สูงกว่า  39 องศาเซลเซียสขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง ซึม ไม่รับประทานอาหาร หายใจเร็ว มีระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วน้อยกว่า 96% ให้รีบไปพบแพทย์โรงพยาบาลใกล้บ้าน
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/318644153631262


อว.เคาะ!! ให้สิทธิ์นักเรียนติดโควิด-เสี่ยงสูง “เข้าสอบ GAT-PAT ได้”

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากการที่มีความกังวล นักเรียนหรือนักศึกษาที่ตรวจพบเชื้อโควิด-19 อาจหมดสิทธิ์สอบเข้ามหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา 2565 อว.ได้ทำงานร่วมกับ ทปอ. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบคัดเลือกระบบ TCAS ยืนยันว่า จะให้สิทธิสำหรับทุกคนที่ประสงค์จะเข้าสอบ และจะจัดการอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้เข้าสอบอย่างที่ตั้งใจ

ขณะนี้ ได้มีการทำงานร่วมกัน 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) เพื่อกำหนดแนวทางเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้นักเรียนที่ติดเชื้อ อยู่ระหว่างการรักษาอาการของโรคโควิด-19 มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ และกลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูงให้ได้เข้าสอบ

ตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด โดยจัดสนามสอบที่มีมาตรการดูแลความปลอดภัยขั้นสูงสุด และประสานหน่วยบริการสาธารณสุขตามระบบอนามัยโรงเรียนในการคัดกรองและให้คำแนะนำด้านสาธารณสุข จัดให้มีพื้นที่แยกสำหรับจัดการสอบเป็นสัดส่วน แยกกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กลุ่มผู้ติดเชื้อ เน้นการระบายอากาศที่ดี จัดที่นั่งสอบห่างกันไม่น้อยกว่า 2 เมตร รวมทั้งกำหนดให้ผู้เข้าสอบต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่เข้าสอบและลดการสัมผัสสิ่งต่างๆ

ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. กล่าวว่า การสอบคัดเลือกระบบ TCAS ในปีนี้มีจำนวนผู้สมัคร GAT/PAT และวิชาสามัญ รวม 183,228 คน เป็นการสอบ GAT-PAT 177,853 คน และสอบวิชาสามัญ 155,282 คน โดย ทปอ.ได้จัดให้มีสนามสอบทั้งหมด 213 สนามสอบทั่วประเทศ และจะจัดสนามสอบที่กำหนดเพิ่มขึ้นเป็นการเฉพาะสำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการ หรือมีความเสี่ยงสูง (ตามที่กำหนดในที่ประชุม ศบค. ครั้งที่ 4/2565 วันที่ 23 ก.พ.65)

ผู้ประสงค์จะเข้าสอบ ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว ให้ลงทะเบียนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมงก่อนการสอบ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การเดินทางมายังสนามสอบด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถยนต์ที่จัดให้เป็นการเฉพาะจากหน่วยบริการสาธารณสุข หรือจากสนามสอบจัดให้เท่านั้น
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/7392163084134671
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่