ตามต่อจากตอนที่แล้วค่ะ เรื่องมะเร็งปอดของคุณแม่อัพเดทอาการ
สวัสดีค่ะ หลังจากหายไปนานมากๆ วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง หลังคุณแม่เริ่มทานยามุ่งเป้าตัว " Tagrisso 80mg."
เล่าย้อนกลับไปนิดนะจากเดิมที่เคยโพสว่าค่ามะเร็งคุณแม่ลดลงเที่ยบเท่าคนปกติจนเราเองคิดว่าหายแล้ว เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาหลังตรวจผลว่าค่ามะเร็งกลับขึ้นมาอีกครั้งหลังให้คีโมเสร็จ ( ไว้ว่างๆจะมาลงรายละเอียดช่วงคีโมอีกครั้งให้นะค่ะ)
หลังรู้ว่าเชื้อมะเร็งเริ่มกลับมาตื่นตัวอีกครั้งจนค่ามะเร็งขึ้นมาจากเดิมตรวจวันที่ 13/7/64 ค่ามะเร็งอยู่ที่ 4.89 ขึ้นมาเป็น 24.93 ช่วงวันที่ตรวจคือ 2/11/64 ( 4 เดือนที่ผ่านมาไม่มีการรักษาใดๆ เพราะเป็นช่วงพักตัวหลังจบชุดคีโม ) ค่ามะเร็งนี้ก็ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆตามลำดับวันในภาพที่แนบไว้ค่ะ ตอนแรกบอกตรงๆว่าหลังตรวจเชื้อคีโมก็ดีใจมากคืดว่าแม่หายแล้ว แต่พอมาเริ่มเห็นว่า ''" คุณแม่เริ่มกลับมาเหนื่อยและเริ่มแน่น พูดติดขัดอีกครั้ง "" จึงแจ้งคุณหมอและกลับมาตรวจติดตามอาการตามที่มีนัดไว้ พบว่าเชื้อมะเร็งเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ช่วงนั้นเป็นช่วงจะสิ้นปีพอดี ทราบว่าต้องเริ่มรักษาใหม่อีกครั้งด้วยตัวยาที่แรงขึ้น ก็ยอมรับว่าเครียดมากค่ะ กลัวร่างกายเค้าจะไม่ไหวและกลัวเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย เพราะจากที่คุยกับคุณหมอคือ มี 2 ทางเลือก คือทานยา"มุ่งเป้าตัวTagrisso" หรือ "ให้คีโมตัวที่แรงขึ้น"
ตัวเลือก 2 ตัวนี้ค่อนข้างยากมากในการตัดสินใจเพราะว่าตัวยามุ้งเป้าTagrisso 80mg ราคาอยู่ที่แสนนิดๆต่อเดือน (เป็นราคายาในปี64ก่อนมีการปรับราคาลงมา) ซึ่งตอนนั้นคือหพอรู้ราคายาตกใจมากพูดออกไปอย่างดังต่อหน้าหมอ "แสนกว่าบาท" หมอบอกเสียงนิดๆใช่ค่ะแต่มีโปรโมชั่นจ่ายประมาณ 10 เดือนที่เหลือกินฟรีตลอดจนกว่าจะดื้นยา ถ้าไม่ได้มีเงินเก็บร่ำรวยอยู่แล้วเจอพิษเศษรฐกิจบวกโควิทแบบนี้อีกยากมากๆที่จะหาได้ค่ะเงินแสนทุกๆเดือน และก็ถามหมอตรงๆแล้วถ้ากินจะหายไหมค่ะ หมอก็บอกตรงๆค่ะไม่มีทางหายปกติแค่ประคองให้ร่างกายแข็งแรงและอยู่ได้นานที่สุดให้คนไข้ใช้ชีวิตให้ได้สุขที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ เลยถามหมอต่อว่าและคีโมหล่ะค่ะ คีโมใช้สิทธิได้ฟรีค่ะ มี 2 สูตร แบบแรงกว่าตัวเก่าและอ่อนกว่าตัวเก่า แต่จากร่างกายคนไข้ตอนนี้หมอแนะนำถ้าว่าไม่ควรทำคีโมเพราะไม่หน้าไหว ( ช่วงนั้นอาการคุณแม่เริ่มผอมลงและเหนื่อยมากขึ้นทุกวันจนสังเกตุได้ชัดทรุดเร็วมากภายใน เดือนเอง แต่ไม่ค่อยมีอาการไอถ้ามีก็น้อยมากๆ ) หมอบอกถ้าไหวทานยาจะดีกว่าเพราะการทานยาจะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นได้พักฟื้นตัวซักนิดและถ้าดื้นยาอีกก็ต้องคีโม แต่ถ้าคีโมเลยคุณแม่ไม่ไหวจะกลับมาทานยาไม่ได้แล้วเพราะยาอาจจะไม่ตอบสนองเท่าที่ควรหรือระหว่างที่คนไข้ให้คีโมอาจจะสู้คีโมไม่ไหว ได้ฟังแบบนั้นยอมรับว่าทั้งแม่ทั้งลูกๆแอบใจเสียนะคะ แต่เรื่องจริงคือเรื่องจริงเราก็ต้องยอมรับได้ตั้งสติแล้วเลือกที่จะต้องเดินทางไหนดี
จึงบอกคุณหมอไปว่าขอเวลาตัดสินใจหน่อยได้ไหมเพระต้องกลับไปปรึกษาพ่อค่ะจะได้ช่วยกันคิด คุณหมอก็บอกว่าได้แต่ก็ต้องรีบตัดสินใจเพราะยิ่งช้าค่ามะเร็งก็จะค่อยๆขึ้นมาอีก ก่อนจากกันหมอบอกว่าปีหน้าคาดว่าราคายาจะลดลงแต่หมอก็ยังไม่รู้จะลดลงเหลือเท่าไหร่ ( วันที่หาหมอวันนี้คือวันที่ 21/12/64 ) และนัดครั้งต่อไปคือวันที่ 25/1/65
https://www.facebook.com/107129934204553/posts/482387463345463/?d=n
ตามต่อ > มะเร็งปอดของคุณแม่กับ “ยามุ่งเป้า Tagrisso “
สวัสดีค่ะ หลังจากหายไปนานมากๆ วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง หลังคุณแม่เริ่มทานยามุ่งเป้าตัว " Tagrisso 80mg."
เล่าย้อนกลับไปนิดนะจากเดิมที่เคยโพสว่าค่ามะเร็งคุณแม่ลดลงเที่ยบเท่าคนปกติจนเราเองคิดว่าหายแล้ว เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาหลังตรวจผลว่าค่ามะเร็งกลับขึ้นมาอีกครั้งหลังให้คีโมเสร็จ ( ไว้ว่างๆจะมาลงรายละเอียดช่วงคีโมอีกครั้งให้นะค่ะ)
หลังรู้ว่าเชื้อมะเร็งเริ่มกลับมาตื่นตัวอีกครั้งจนค่ามะเร็งขึ้นมาจากเดิมตรวจวันที่ 13/7/64 ค่ามะเร็งอยู่ที่ 4.89 ขึ้นมาเป็น 24.93 ช่วงวันที่ตรวจคือ 2/11/64 ( 4 เดือนที่ผ่านมาไม่มีการรักษาใดๆ เพราะเป็นช่วงพักตัวหลังจบชุดคีโม ) ค่ามะเร็งนี้ก็ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆตามลำดับวันในภาพที่แนบไว้ค่ะ ตอนแรกบอกตรงๆว่าหลังตรวจเชื้อคีโมก็ดีใจมากคืดว่าแม่หายแล้ว แต่พอมาเริ่มเห็นว่า ''" คุณแม่เริ่มกลับมาเหนื่อยและเริ่มแน่น พูดติดขัดอีกครั้ง "" จึงแจ้งคุณหมอและกลับมาตรวจติดตามอาการตามที่มีนัดไว้ พบว่าเชื้อมะเร็งเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ช่วงนั้นเป็นช่วงจะสิ้นปีพอดี ทราบว่าต้องเริ่มรักษาใหม่อีกครั้งด้วยตัวยาที่แรงขึ้น ก็ยอมรับว่าเครียดมากค่ะ กลัวร่างกายเค้าจะไม่ไหวและกลัวเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย เพราะจากที่คุยกับคุณหมอคือ มี 2 ทางเลือก คือทานยา"มุ่งเป้าตัวTagrisso" หรือ "ให้คีโมตัวที่แรงขึ้น"
ตัวเลือก 2 ตัวนี้ค่อนข้างยากมากในการตัดสินใจเพราะว่าตัวยามุ้งเป้าTagrisso 80mg ราคาอยู่ที่แสนนิดๆต่อเดือน (เป็นราคายาในปี64ก่อนมีการปรับราคาลงมา) ซึ่งตอนนั้นคือหพอรู้ราคายาตกใจมากพูดออกไปอย่างดังต่อหน้าหมอ "แสนกว่าบาท" หมอบอกเสียงนิดๆใช่ค่ะแต่มีโปรโมชั่นจ่ายประมาณ 10 เดือนที่เหลือกินฟรีตลอดจนกว่าจะดื้นยา ถ้าไม่ได้มีเงินเก็บร่ำรวยอยู่แล้วเจอพิษเศษรฐกิจบวกโควิทแบบนี้อีกยากมากๆที่จะหาได้ค่ะเงินแสนทุกๆเดือน และก็ถามหมอตรงๆแล้วถ้ากินจะหายไหมค่ะ หมอก็บอกตรงๆค่ะไม่มีทางหายปกติแค่ประคองให้ร่างกายแข็งแรงและอยู่ได้นานที่สุดให้คนไข้ใช้ชีวิตให้ได้สุขที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ เลยถามหมอต่อว่าและคีโมหล่ะค่ะ คีโมใช้สิทธิได้ฟรีค่ะ มี 2 สูตร แบบแรงกว่าตัวเก่าและอ่อนกว่าตัวเก่า แต่จากร่างกายคนไข้ตอนนี้หมอแนะนำถ้าว่าไม่ควรทำคีโมเพราะไม่หน้าไหว ( ช่วงนั้นอาการคุณแม่เริ่มผอมลงและเหนื่อยมากขึ้นทุกวันจนสังเกตุได้ชัดทรุดเร็วมากภายใน เดือนเอง แต่ไม่ค่อยมีอาการไอถ้ามีก็น้อยมากๆ ) หมอบอกถ้าไหวทานยาจะดีกว่าเพราะการทานยาจะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นได้พักฟื้นตัวซักนิดและถ้าดื้นยาอีกก็ต้องคีโม แต่ถ้าคีโมเลยคุณแม่ไม่ไหวจะกลับมาทานยาไม่ได้แล้วเพราะยาอาจจะไม่ตอบสนองเท่าที่ควรหรือระหว่างที่คนไข้ให้คีโมอาจจะสู้คีโมไม่ไหว ได้ฟังแบบนั้นยอมรับว่าทั้งแม่ทั้งลูกๆแอบใจเสียนะคะ แต่เรื่องจริงคือเรื่องจริงเราก็ต้องยอมรับได้ตั้งสติแล้วเลือกที่จะต้องเดินทางไหนดี
จึงบอกคุณหมอไปว่าขอเวลาตัดสินใจหน่อยได้ไหมเพระต้องกลับไปปรึกษาพ่อค่ะจะได้ช่วยกันคิด คุณหมอก็บอกว่าได้แต่ก็ต้องรีบตัดสินใจเพราะยิ่งช้าค่ามะเร็งก็จะค่อยๆขึ้นมาอีก ก่อนจากกันหมอบอกว่าปีหน้าคาดว่าราคายาจะลดลงแต่หมอก็ยังไม่รู้จะลดลงเหลือเท่าไหร่ ( วันที่หาหมอวันนี้คือวันที่ 21/12/64 ) และนัดครั้งต่อไปคือวันที่ 25/1/65
https://www.facebook.com/107129934204553/posts/482387463345463/?d=n