.
‘’…ข้ามิได้พ่ายรัก เพราะข้ามิเคยมีรัก เพราะไม่เคยมีรักจึงไร้รัก หากมีรักจะไม่เคยไร้รัก หากพ่ายรักแปลว่ามีรัก หากมีรักจะไม่ได้ไร้รัก ถ้าอยากไร้รักจึงไม่ควรพ่ายรัก เพราะการพ่ายรักจะทำให้รู้ว่ามีรัก ข้าคือกระบี่ไร้รัก….’’
จากนั้นมันก็เงียบปากไปแบบไร้เหตุผล เพราะหากมันพร่ำไปมากกว่านี้ มันอาจจะตายเพราะสับสนในความไร้รักของมัน
มันเดินทางมาไกลแสนไกลเพื่อไม่ให้มันไร้รัก มันไม่อยากเป็นกระบี่ไร้รัก แม้รู้ว่าหากมันไม่ไร้รัก นานไปมันอาจจะกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก มันไม่สนใจ มันรู้เพียงว่ามันไม่อยากไร้รักอีกต่อไป
โดยที่มันลืมไปว่า มันอาจมิพ่ายรัก มันอาจมิไร้รัก แต่มันอาจจะเป็นกระบี่พ่ายเมียก็ได้
ณ หุบเขาไม่ใช่หุบเรา
กระบี่ไร้รักเดินทางเพียงลำพังหลายพันลี้ จนมาถึงหุบเขาไม่ใช่หุบเรา มันเดินทางมาเพียงลำพัง มีเพียงกระบี่หนึ่งเล่มคู่กาย กระบี่ยังไม่ไร้ฝักไยมันถึงได้ไร้รัก
มันยืนมองภูเขาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า กระตุกยิ้มขึ้นข้างเดียว มันมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เฒ่าคานเงินอาจารย์ของมันเห็นมันไร้รัก มันไม่อยากไร้รัก อาจารย์ของมันจึงแนะนำให้มาที่นี่ ‘หุบเขาไม่ใช่หุบเรา’ ในที่สุดมันก็มาถึง
ทันทีที่กระบี่ไร้รักจะก้าวเท้าขวาเดินไปข้างหน้า ดีที่เป็นเท้าขวา ถ้าเป็นเท้าซ้ายมันอาจไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า มันอาจจะก้าวไปข้างหลังแทน
อาจารย์ของมันยังไม่ได้สอนวิทยายุทธ์กระบวนท่าการก้าวเท้า เพราะฉะนั้นมันต้องก้าวเท้าอย่างระมัดระวังที่สุด ก้าวผิดหนึ่งก้าวถอยหลังไปสิบก้าว ก้าวถูกหนึ่งก้าวเดินหน้าไปสิบก้าวเช่นกัน
ทันทีที่มันจะก้าวเท้าไปข้างหน้า มันพลันได้ยินเสียงร้องเพลง ของอิสตรีนางหนึ่งเข้าเต็มสองรูหู สตรีผู้ใดกันมาส่งเสียงร้องอยู่แถวนี้ กระบี่ไร้รักอย่างมันไม่เคยได้สัมผัสเสียงอันไพเราะของสตรีมานานแล้ว
มันเงี่ยหูฟังให้ชัด ๆ ค่อย ๆ เดินไปตามเสียงร้องนั้น ชัดเจนแล้วว่าเป็นเสียงของสตรี ไม่ใช่เสียงของบุรุษ มองไปเห็นเป็นดรุณีน้อยแรกแย้มนางหนึ่ง มันซุ่มฟังเสียงของดรุณีน้อยที่พุ่มไม้เงียบ ๆ ซุ่มฟังมิใช่ซุ่มดู เพราะหากซุ่มดูมันคงไม่ได้ยินเสียงเพลง เพราะมันได้ยินเสียงเพลงมันจึงซุ่มฟัง
…โกโกวามีดโกนกูอยู่ไสวะ โกโกวามีดโกนกูอยู่ไสวะ โกโกวา โกโกวา… โกโกวามีดโกนกูอยู่ไสวะ…
ดรุณีน้อยแรกแย้มยืนร้องเพลงอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางดอกไม้ที่ปลิดปลิวไปตามกระแสลม ดอกหญ้าที่พัดไหวผสมกับเสียงร้องที่ไพเราะ และ ท่าทางที่แสดงถึงความสุข มันช่างกลมกลืนน่ามองยิ่งนัก กระบี่ไร้รักไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน
ดรุณีน้อยนางนี้ไม่รู้เลยว่ามีบุรุษแอบซุ่มยืนมองอยู่ นางเป็นผู้ใดกันถึงได้มายืนร้องเพลงคนเดียวเช่นนี้ ชื่อแซ่นางว่าอย่างไร หรือ นางจะเป็นคนในหมู่บ้านหุบเขาไม่ใช่หุบเรา
กระบี่ไร้รักแอบยืนมองดรุณีน้อยร้องเพลงเงียบ ๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม ใบหน้าทรวดทรงองเอวของสตรีแรกแย้ม มันช่างน่ามองจนละสายตาไปไม่ได้
ทว่าเพลงที่นางร้องมันดูหวาดเสียวสันหลังยิ่งนัก เสียวสันหลังไม่พอ ยังเสียวสันหน้า เสียวสันข้างอีกด้วย กระบี่ไร้รักไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงรู้สึกเสียวเช่นนั้น พร้อมมือที่กุมเป้าแบบไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้า! เจ้าเป็นใคร มาแอบดูข้าร้องเพลงทำไม” ดรุณีน้อยถาม ชักมีดไปยังพุ่มไม้ที่กระบี่ไร้รักซุ่มอยู่ แม้จะเป็นเพียงดรุณีน้อยแรกแย้ม แต่ฝีมือของนางไม่ได้แรกแย้มไปด้วย
นับว่านางเป็นผู้ปราดเปรื่องเรื่องชักมีดเป็นอย่างยิ่ง หากมีดาบ นางก็คงจะเป็นผู้ปราดเปรื่องเรื่องชักดาบด้วยเป็นแน่แท้
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือดรุณียังมีจอมยุทธ์ นางเร็วกว่าสิบ กระบี่ไร้รักเร็วกว่ายี่สิบ นางช้าไปยี่สิบกระบี่ไร้รักช้าเพียงสิบ
มันคว้ามีดของสตรีผู้นี้เอาไว้ได้ เหลือแค่คืบ มีดของอิสตรีผู้ที่มันแอบซุ่มฟัง ก็จะปักกลางอกของมัน เกือบทำให้มันได้ไปเป็นกระบี่ไร้รักในยมโลก มันยอมเดินออกมาจากพุ่มไม้ที่ซ่อนตัวอยู่
“แม่นางข้ามิได้แอบดูเจ้า แต่ข้าแค่แอบฟังเจ้าร้องเพลง แอบฟังมิใช่แอบดู แอบดูมิใช่แอบฟัง เพราะฉะนั้นข้าไม่ผิดที่แอบฟังเจ้าร้องเพลง เพราะข้ามิได้แอบดู”
กระบี่ไร้รักตอบ หัวใจของมันเต้นรัวระส่ำไม่เป็นจังหวะ มันไม่รู้เพราะสาเหตุอันใด ร่างกายถึงเป็นเช่นนี้ มันรู้สึกว่าตนเองรู้สึกร้อนที่ใบหน้า และ ตัวกำลังสั่นเทา ร่างกายเริ่มไม่ปกติ
จอมยุทธ์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จอมยุทธ์ไม่เคยตัวสั่น จอมยุทธ์ไม่เคยกลัวผู้ใด เหตุใดมันถึงได้เป็นเช่นนี้
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่หุบเขาไม่ใช่หุบเราแห่งนี้” ดรุณีน้อยถาม แววตาดุดัน ในมือของนางมีมีดเล็กปลายแหลม พร้อมที่จะทะยานมาสู่หน้าอกของบุรุษที่อยู่ตรงหน้าได้ทุกเวลา
“ข้าคือจอมยุทธ์ไร้รัก ข้ามิอยากไร้รัก ท่านอาจารย์ของข้า จึงแนะนำให้ข้ามาที่หุบเขาไม่ใช่หุบเราแห่งนี้” กระบี่ไร้รักตอบไปตามตรง ไม่มีเหตุอันใดต้องโกหกดรุณีน้อยผู้นี้
“แล้วอาจารย์ของท่านคือผู้ใดกัน?!”
“ท่านอาจารย์ของข้า คือ เฒ่าคานเงิน! เฒ่าคานเงินคืออาจารย์ของข้า แม่นางรู้จักหรือไม่” กระบี่ไร้รักตอบ
ดรุณีน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันนิดหน่อย อ้าปากเล็กน้อย อ้าปากไม่มาก หากอ้าปากมากก็จะพูดว่าอ้าปากเล็กน้อยไม่ได้ ไม่ทันที่กระบี่ไร้รักจะมองเห็น แท้จริงแล้ว เฒ่าคานเงินเป็นเสี่ยวกับบิดาของนาง นางเคยพบเจออยู่บ่อยครั้ง ยกเว้นบุรุษผู้นี้!
“แล้วแม่นางชื่ออะไรกันเล่า พอจะบอกแก่ข้าได้หรือไม่?!”
“ข้าชื่อแม่นางลำซิ่ง เด้อนางเดอ เด้อนางเดอ เด้อ เด้อ นางเดอ ตึ้ง ๆ” แม่นางลำซิ่งแนะนำตัวแก่บุรุษไร้รัก
“โอ้ว! แม่ดุรณีน้อย ชื่อของเจ้าคือแม่นางลำซิ่งงั้นหรือ ข้าฟังแล้วมันช่างอยากเซิ้งเหลือเกิน เด้อนางเดอ เด้อ เด้อ นางเด้อ ไม่ตึ้ง” กระบี่ไร้รักชอบในชื่อของแม่นางผู้นี้มาก ฟังแล้วไม่หดหู่ ฟังแล้วไม่เศร้า ฟังแล้วมีแต่ม่วนกับมันส์
“ใช่! ข้าชื่อลำซิ่ง พี่ของข้าชื่อลำเต้ย น้องของข้าชื่อลำเดิน บิดาของข้าชื่อลำเพลิน ส่วนมารดาของข้าตายแล้ว” ดรุณีน้อยแนะนำ
กระบี่ไร้รักอ้าปากค้าง เป็นวาสนาของมันยิ่งนักที่มาเจอแม่นางลำซิ่ง ท่านอาจารย์ของมันแนะนำให้มาที่หุบเขาไม่ใช่หุบเรา เพื่อมาหาคนที่ชื่อลำเพลิน แล้วมันจะไม่ไร้รักอีกต่อไป
มันดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ที่มันจะไม่ไร้รัก แม้ภายภาคหน้ามันอาจจะกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก มันก็เต็มใจ
“แม่นางเจ้าช่วยพาข้าไปพบบิดาของเจ้าที ท่านอาจารย์ของข้าแนะนำให้มาหาอาจารย์ชื่อลำเพลิน บิดาของเจ้าชื่อลำเพลิน ช่วยพาข้าไปพบที” มันขอร้องแกมอ้อนวอน พร้อมนั่งคุกเข่าคาระวะดรุณีน้อยนางนี้อย่างเต็มใจ
จอมยุทธ์อย่างมันไม่เคยคุกเข่าให้อิสตรีใดมาก่อน แม้แต่มารดาของมันก็ไม่เคยต้องคุกเข่า เพราะมารดาของมันตายก่อนที่มันจะรู้ความ สตรีนางนี้เป็นคนแรก มันยอมคุกเข่า เพื่อที่มันจะไม่ไร้รัก
“เจ้าจะไปพบบิดาของข้าเพื่อ?!” ดรุณีน้อยลำซิ่งถาม
“เพื่อที่ข้าจะไม่ไร้รัก”
“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากไร้รัก เมื่อฉายาของเจ้าคือกระบี่ไร้รัก วิทยายุทธ์ที่เจ้าฝึกฝนมาก็ไร้รัก แล้วเจ้าจะมีวิทยายุทธ์มีรักได้อย่างไร หากเจ้ามิไร้รักแล้วเจ้าอาจจะกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก” ดรุณีน้อยลำซิ่งถามเพื่อความแน่ใจและแน่นอน
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ความแน่ใจก็คือความไม่แน่ใจได้เช่นกัน
“ข้าคือกระบี่ไร้รัก ฝึกวิทยายุทธ์ไร้รักมานมนาน หากข้าไม่ไร้รักก็มิเป็นปัญหา ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าบิดาของเจ้าจะสอนวิชามีรักให้แก่ข้า หากข้ามิไร้รักอาจกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก ข้ามิเสียใจแม่นาง เพราะหากข้ากลายเป็นกระบี่มีรัก ข้าจะตั้งใจรักให้ถึงที่สุด”
กระบี่ไร้รักพูดอย่างหนักแหน่น แววตาของมันจริงจัง มุ่งมั่น หากมันไม่ไร้รักมันจะรักมิให้ไร้ หากมันจะพ่ายรักมันก็จะรักมิให้พ่าย เพราะมันจะตั้งใจรักตั้งใจรักให้ถึงที่สุด เฉกเช่นมันร่ำเรียนวิชาไร้รักจนบรรลุ บัดนี้มันจะมาเรียนวิชามีรักกับท่านอาจารย์ลำเพลิน บิดาของแม่นางลำซิ่งผู้นี้
เมื่อได้ฟังแม่นางลำซิ่งจึงพากระบี่ไร้รักเดินทางไปยังหมู่บ้านหุบเขาไม่ใช่หุบเรา เพื่อไปหาบิดาของนาง คนที่จะสั่งสอนวิชามิไร้รักให้กับจอมยุทธ์ผู้นี้คือนางเอง บิดาของนางได้บอกเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เพราะนางไม่อยากสอนวิชามิไร้รักให้กับบุรุษที่ไม่เคยพบเจอ นางจึงมาร้องเพลงเพื่อระบายอารมณ์ที่ชายเขา และ ทำให้นางได้เจอกระบี่ไร้รักเข้าโดยบังเอิญ
เมื่อนางถามจนแน่ชัดแล้วว่า บุรุษผู้นี้คือกระบี่ไร้รักตัวจริง ทราบถึงเหตุผลการมิอยากไร้รัก และ หากมิไร้รักแล้วกระบี่ผู้นี้จะทำเช่นไร นางได้ทราบคำตอบ บัดนี้นางเต็มใจที่จะสอนวิชามิไร้รักให้แก่บุรุษผู้นี้อย่างเต็มที่…
5 ปีผ่านไป
ข้ามิใช่กระบี่ไร้รัก ข้ามิใช่กระบี่พ่ายรัก แต่ข้าคือกระบี่พ่ายเมีย ข้ามิอาจมีวาจาต่อล้อต่อเถียงกับเมีย หากวันใดข้ามีวาจาต่อล้อต่อเถียงเมีย วันนั้นข้าจะกลายเป็นกระบี่นอนนอกบ้าน ข้ามิอาจเป็นกระบี่นอนนอกบ้าน เพราะข้าคือกระบี่นอนในบ้าน
ข้าอยากกลับไปเป็นกระบี่ไร้รัก แต่ข้ามิอาจกลับไป เพราะทารกทาริกาที่ข้าปั้นเสกมากับมือจะอยู่อย่างไร ข้ามิใช่กระบี่พ่ายรัก ข้ามิใช่กระบี่ไร้รัก แต่ข้าคือกระบี่….
เพล้ง!!! ไม้ตีพริกหรือสากไร้เงาลอยมาโดยไม่รู้ทิศทาง ดีที่ลอยมาโดนฝาหม้อ ถ้าลอยมาโดนหัวของมัน มีหวังกระบี่มิไร้รักได้กลับไปเป็นกระบี่ไร้รักในยมโลก
ดีเหมือนกัน! บางทีมันก็คิดอยากจะไปเป็นกระบี่ไร้รักในยมโลก แต่พอนึกถึงหน้าทารกทาริกาของมัน ก็ทำให้มันอยากเป็นกระบี่มิไร้รักต่อไป
“ท่านพี่ ท่านจะพร่ำเพ้ออีกนานไหม เมื่อไหร่ท่านจะไปซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้านให้ข้า ข้าอุตส่าห์พร่ำสอนวิชามิไร้รักให้กับท่านจนสำเร็จ ไยท่านถึงได้เฉยเมยต่อข้ากับลูก ๆ เช่นนี้” แม่นางลำซิ่งกล่าว
กระบี่มิไร้รักมิอาจรีรอ ถ้าหากมันรอรี มันอาจจะกลายเป็นกระบี่ผีก็ได้ มันจึงรีบไปทำตามที่แม่นางลำซิ่งกล่าวทันที ชีวิตที่มิไร้รักของมันเป็นเฉกเช่นนี้แล…
จบ…
จอมยุทธ์ไร้รัก
.
‘’…ข้ามิได้พ่ายรัก เพราะข้ามิเคยมีรัก เพราะไม่เคยมีรักจึงไร้รัก หากมีรักจะไม่เคยไร้รัก หากพ่ายรักแปลว่ามีรัก หากมีรักจะไม่ได้ไร้รัก ถ้าอยากไร้รักจึงไม่ควรพ่ายรัก เพราะการพ่ายรักจะทำให้รู้ว่ามีรัก ข้าคือกระบี่ไร้รัก….’’
จากนั้นมันก็เงียบปากไปแบบไร้เหตุผล เพราะหากมันพร่ำไปมากกว่านี้ มันอาจจะตายเพราะสับสนในความไร้รักของมัน
มันเดินทางมาไกลแสนไกลเพื่อไม่ให้มันไร้รัก มันไม่อยากเป็นกระบี่ไร้รัก แม้รู้ว่าหากมันไม่ไร้รัก นานไปมันอาจจะกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก มันไม่สนใจ มันรู้เพียงว่ามันไม่อยากไร้รักอีกต่อไป
โดยที่มันลืมไปว่า มันอาจมิพ่ายรัก มันอาจมิไร้รัก แต่มันอาจจะเป็นกระบี่พ่ายเมียก็ได้
ณ หุบเขาไม่ใช่หุบเรา
กระบี่ไร้รักเดินทางเพียงลำพังหลายพันลี้ จนมาถึงหุบเขาไม่ใช่หุบเรา มันเดินทางมาเพียงลำพัง มีเพียงกระบี่หนึ่งเล่มคู่กาย กระบี่ยังไม่ไร้ฝักไยมันถึงได้ไร้รัก
มันยืนมองภูเขาตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า กระตุกยิ้มขึ้นข้างเดียว มันมาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เฒ่าคานเงินอาจารย์ของมันเห็นมันไร้รัก มันไม่อยากไร้รัก อาจารย์ของมันจึงแนะนำให้มาที่นี่ ‘หุบเขาไม่ใช่หุบเรา’ ในที่สุดมันก็มาถึง
ทันทีที่กระบี่ไร้รักจะก้าวเท้าขวาเดินไปข้างหน้า ดีที่เป็นเท้าขวา ถ้าเป็นเท้าซ้ายมันอาจไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า มันอาจจะก้าวไปข้างหลังแทน
อาจารย์ของมันยังไม่ได้สอนวิทยายุทธ์กระบวนท่าการก้าวเท้า เพราะฉะนั้นมันต้องก้าวเท้าอย่างระมัดระวังที่สุด ก้าวผิดหนึ่งก้าวถอยหลังไปสิบก้าว ก้าวถูกหนึ่งก้าวเดินหน้าไปสิบก้าวเช่นกัน
ทันทีที่มันจะก้าวเท้าไปข้างหน้า มันพลันได้ยินเสียงร้องเพลง ของอิสตรีนางหนึ่งเข้าเต็มสองรูหู สตรีผู้ใดกันมาส่งเสียงร้องอยู่แถวนี้ กระบี่ไร้รักอย่างมันไม่เคยได้สัมผัสเสียงอันไพเราะของสตรีมานานแล้ว
มันเงี่ยหูฟังให้ชัด ๆ ค่อย ๆ เดินไปตามเสียงร้องนั้น ชัดเจนแล้วว่าเป็นเสียงของสตรี ไม่ใช่เสียงของบุรุษ มองไปเห็นเป็นดรุณีน้อยแรกแย้มนางหนึ่ง มันซุ่มฟังเสียงของดรุณีน้อยที่พุ่มไม้เงียบ ๆ ซุ่มฟังมิใช่ซุ่มดู เพราะหากซุ่มดูมันคงไม่ได้ยินเสียงเพลง เพราะมันได้ยินเสียงเพลงมันจึงซุ่มฟัง
…โกโกวามีดโกนกูอยู่ไสวะ โกโกวามีดโกนกูอยู่ไสวะ โกโกวา โกโกวา… โกโกวามีดโกนกูอยู่ไสวะ…
ดรุณีน้อยแรกแย้มยืนร้องเพลงอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางดอกไม้ที่ปลิดปลิวไปตามกระแสลม ดอกหญ้าที่พัดไหวผสมกับเสียงร้องที่ไพเราะ และ ท่าทางที่แสดงถึงความสุข มันช่างกลมกลืนน่ามองยิ่งนัก กระบี่ไร้รักไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน
ดรุณีน้อยนางนี้ไม่รู้เลยว่ามีบุรุษแอบซุ่มยืนมองอยู่ นางเป็นผู้ใดกันถึงได้มายืนร้องเพลงคนเดียวเช่นนี้ ชื่อแซ่นางว่าอย่างไร หรือ นางจะเป็นคนในหมู่บ้านหุบเขาไม่ใช่หุบเรา
กระบี่ไร้รักแอบยืนมองดรุณีน้อยร้องเพลงเงียบ ๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม ใบหน้าทรวดทรงองเอวของสตรีแรกแย้ม มันช่างน่ามองจนละสายตาไปไม่ได้
ทว่าเพลงที่นางร้องมันดูหวาดเสียวสันหลังยิ่งนัก เสียวสันหลังไม่พอ ยังเสียวสันหน้า เสียวสันข้างอีกด้วย กระบี่ไร้รักไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงรู้สึกเสียวเช่นนั้น พร้อมมือที่กุมเป้าแบบไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้า! เจ้าเป็นใคร มาแอบดูข้าร้องเพลงทำไม” ดรุณีน้อยถาม ชักมีดไปยังพุ่มไม้ที่กระบี่ไร้รักซุ่มอยู่ แม้จะเป็นเพียงดรุณีน้อยแรกแย้ม แต่ฝีมือของนางไม่ได้แรกแย้มไปด้วย
นับว่านางเป็นผู้ปราดเปรื่องเรื่องชักมีดเป็นอย่างยิ่ง หากมีดาบ นางก็คงจะเป็นผู้ปราดเปรื่องเรื่องชักดาบด้วยเป็นแน่แท้
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือดรุณียังมีจอมยุทธ์ นางเร็วกว่าสิบ กระบี่ไร้รักเร็วกว่ายี่สิบ นางช้าไปยี่สิบกระบี่ไร้รักช้าเพียงสิบ
มันคว้ามีดของสตรีผู้นี้เอาไว้ได้ เหลือแค่คืบ มีดของอิสตรีผู้ที่มันแอบซุ่มฟัง ก็จะปักกลางอกของมัน เกือบทำให้มันได้ไปเป็นกระบี่ไร้รักในยมโลก มันยอมเดินออกมาจากพุ่มไม้ที่ซ่อนตัวอยู่
“แม่นางข้ามิได้แอบดูเจ้า แต่ข้าแค่แอบฟังเจ้าร้องเพลง แอบฟังมิใช่แอบดู แอบดูมิใช่แอบฟัง เพราะฉะนั้นข้าไม่ผิดที่แอบฟังเจ้าร้องเพลง เพราะข้ามิได้แอบดู”
กระบี่ไร้รักตอบ หัวใจของมันเต้นรัวระส่ำไม่เป็นจังหวะ มันไม่รู้เพราะสาเหตุอันใด ร่างกายถึงเป็นเช่นนี้ มันรู้สึกว่าตนเองรู้สึกร้อนที่ใบหน้า และ ตัวกำลังสั่นเทา ร่างกายเริ่มไม่ปกติ
จอมยุทธ์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน จอมยุทธ์ไม่เคยตัวสั่น จอมยุทธ์ไม่เคยกลัวผู้ใด เหตุใดมันถึงได้เป็นเช่นนี้
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร แล้วมาทำอะไรที่หุบเขาไม่ใช่หุบเราแห่งนี้” ดรุณีน้อยถาม แววตาดุดัน ในมือของนางมีมีดเล็กปลายแหลม พร้อมที่จะทะยานมาสู่หน้าอกของบุรุษที่อยู่ตรงหน้าได้ทุกเวลา
“ข้าคือจอมยุทธ์ไร้รัก ข้ามิอยากไร้รัก ท่านอาจารย์ของข้า จึงแนะนำให้ข้ามาที่หุบเขาไม่ใช่หุบเราแห่งนี้” กระบี่ไร้รักตอบไปตามตรง ไม่มีเหตุอันใดต้องโกหกดรุณีน้อยผู้นี้
“แล้วอาจารย์ของท่านคือผู้ใดกัน?!”
“ท่านอาจารย์ของข้า คือ เฒ่าคานเงิน! เฒ่าคานเงินคืออาจารย์ของข้า แม่นางรู้จักหรือไม่” กระบี่ไร้รักตอบ
ดรุณีน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันนิดหน่อย อ้าปากเล็กน้อย อ้าปากไม่มาก หากอ้าปากมากก็จะพูดว่าอ้าปากเล็กน้อยไม่ได้ ไม่ทันที่กระบี่ไร้รักจะมองเห็น แท้จริงแล้ว เฒ่าคานเงินเป็นเสี่ยวกับบิดาของนาง นางเคยพบเจออยู่บ่อยครั้ง ยกเว้นบุรุษผู้นี้!
“แล้วแม่นางชื่ออะไรกันเล่า พอจะบอกแก่ข้าได้หรือไม่?!”
“ข้าชื่อแม่นางลำซิ่ง เด้อนางเดอ เด้อนางเดอ เด้อ เด้อ นางเดอ ตึ้ง ๆ” แม่นางลำซิ่งแนะนำตัวแก่บุรุษไร้รัก
“โอ้ว! แม่ดุรณีน้อย ชื่อของเจ้าคือแม่นางลำซิ่งงั้นหรือ ข้าฟังแล้วมันช่างอยากเซิ้งเหลือเกิน เด้อนางเดอ เด้อ เด้อ นางเด้อ ไม่ตึ้ง” กระบี่ไร้รักชอบในชื่อของแม่นางผู้นี้มาก ฟังแล้วไม่หดหู่ ฟังแล้วไม่เศร้า ฟังแล้วมีแต่ม่วนกับมันส์
“ใช่! ข้าชื่อลำซิ่ง พี่ของข้าชื่อลำเต้ย น้องของข้าชื่อลำเดิน บิดาของข้าชื่อลำเพลิน ส่วนมารดาของข้าตายแล้ว” ดรุณีน้อยแนะนำ
กระบี่ไร้รักอ้าปากค้าง เป็นวาสนาของมันยิ่งนักที่มาเจอแม่นางลำซิ่ง ท่านอาจารย์ของมันแนะนำให้มาที่หุบเขาไม่ใช่หุบเรา เพื่อมาหาคนที่ชื่อลำเพลิน แล้วมันจะไม่ไร้รักอีกต่อไป
มันดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ ที่มันจะไม่ไร้รัก แม้ภายภาคหน้ามันอาจจะกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก มันก็เต็มใจ
“แม่นางเจ้าช่วยพาข้าไปพบบิดาของเจ้าที ท่านอาจารย์ของข้าแนะนำให้มาหาอาจารย์ชื่อลำเพลิน บิดาของเจ้าชื่อลำเพลิน ช่วยพาข้าไปพบที” มันขอร้องแกมอ้อนวอน พร้อมนั่งคุกเข่าคาระวะดรุณีน้อยนางนี้อย่างเต็มใจ
จอมยุทธ์อย่างมันไม่เคยคุกเข่าให้อิสตรีใดมาก่อน แม้แต่มารดาของมันก็ไม่เคยต้องคุกเข่า เพราะมารดาของมันตายก่อนที่มันจะรู้ความ สตรีนางนี้เป็นคนแรก มันยอมคุกเข่า เพื่อที่มันจะไม่ไร้รัก
“เจ้าจะไปพบบิดาของข้าเพื่อ?!” ดรุณีน้อยลำซิ่งถาม
“เพื่อที่ข้าจะไม่ไร้รัก”
“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากไร้รัก เมื่อฉายาของเจ้าคือกระบี่ไร้รัก วิทยายุทธ์ที่เจ้าฝึกฝนมาก็ไร้รัก แล้วเจ้าจะมีวิทยายุทธ์มีรักได้อย่างไร หากเจ้ามิไร้รักแล้วเจ้าอาจจะกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก” ดรุณีน้อยลำซิ่งถามเพื่อความแน่ใจและแน่นอน
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ความแน่ใจก็คือความไม่แน่ใจได้เช่นกัน
“ข้าคือกระบี่ไร้รัก ฝึกวิทยายุทธ์ไร้รักมานมนาน หากข้าไม่ไร้รักก็มิเป็นปัญหา ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าบิดาของเจ้าจะสอนวิชามีรักให้แก่ข้า หากข้ามิไร้รักอาจกลายเป็นกระบี่พ่ายรัก ข้ามิเสียใจแม่นาง เพราะหากข้ากลายเป็นกระบี่มีรัก ข้าจะตั้งใจรักให้ถึงที่สุด”
กระบี่ไร้รักพูดอย่างหนักแหน่น แววตาของมันจริงจัง มุ่งมั่น หากมันไม่ไร้รักมันจะรักมิให้ไร้ หากมันจะพ่ายรักมันก็จะรักมิให้พ่าย เพราะมันจะตั้งใจรักตั้งใจรักให้ถึงที่สุด เฉกเช่นมันร่ำเรียนวิชาไร้รักจนบรรลุ บัดนี้มันจะมาเรียนวิชามีรักกับท่านอาจารย์ลำเพลิน บิดาของแม่นางลำซิ่งผู้นี้
เมื่อได้ฟังแม่นางลำซิ่งจึงพากระบี่ไร้รักเดินทางไปยังหมู่บ้านหุบเขาไม่ใช่หุบเรา เพื่อไปหาบิดาของนาง คนที่จะสั่งสอนวิชามิไร้รักให้กับจอมยุทธ์ผู้นี้คือนางเอง บิดาของนางได้บอกเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เพราะนางไม่อยากสอนวิชามิไร้รักให้กับบุรุษที่ไม่เคยพบเจอ นางจึงมาร้องเพลงเพื่อระบายอารมณ์ที่ชายเขา และ ทำให้นางได้เจอกระบี่ไร้รักเข้าโดยบังเอิญ
เมื่อนางถามจนแน่ชัดแล้วว่า บุรุษผู้นี้คือกระบี่ไร้รักตัวจริง ทราบถึงเหตุผลการมิอยากไร้รัก และ หากมิไร้รักแล้วกระบี่ผู้นี้จะทำเช่นไร นางได้ทราบคำตอบ บัดนี้นางเต็มใจที่จะสอนวิชามิไร้รักให้แก่บุรุษผู้นี้อย่างเต็มที่…
5 ปีผ่านไป
ข้ามิใช่กระบี่ไร้รัก ข้ามิใช่กระบี่พ่ายรัก แต่ข้าคือกระบี่พ่ายเมีย ข้ามิอาจมีวาจาต่อล้อต่อเถียงกับเมีย หากวันใดข้ามีวาจาต่อล้อต่อเถียงเมีย วันนั้นข้าจะกลายเป็นกระบี่นอนนอกบ้าน ข้ามิอาจเป็นกระบี่นอนนอกบ้าน เพราะข้าคือกระบี่นอนในบ้าน
ข้าอยากกลับไปเป็นกระบี่ไร้รัก แต่ข้ามิอาจกลับไป เพราะทารกทาริกาที่ข้าปั้นเสกมากับมือจะอยู่อย่างไร ข้ามิใช่กระบี่พ่ายรัก ข้ามิใช่กระบี่ไร้รัก แต่ข้าคือกระบี่….
เพล้ง!!! ไม้ตีพริกหรือสากไร้เงาลอยมาโดยไม่รู้ทิศทาง ดีที่ลอยมาโดนฝาหม้อ ถ้าลอยมาโดนหัวของมัน มีหวังกระบี่มิไร้รักได้กลับไปเป็นกระบี่ไร้รักในยมโลก
ดีเหมือนกัน! บางทีมันก็คิดอยากจะไปเป็นกระบี่ไร้รักในยมโลก แต่พอนึกถึงหน้าทารกทาริกาของมัน ก็ทำให้มันอยากเป็นกระบี่มิไร้รักต่อไป
“ท่านพี่ ท่านจะพร่ำเพ้ออีกนานไหม เมื่อไหร่ท่านจะไปซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้านให้ข้า ข้าอุตส่าห์พร่ำสอนวิชามิไร้รักให้กับท่านจนสำเร็จ ไยท่านถึงได้เฉยเมยต่อข้ากับลูก ๆ เช่นนี้” แม่นางลำซิ่งกล่าว
กระบี่มิไร้รักมิอาจรีรอ ถ้าหากมันรอรี มันอาจจะกลายเป็นกระบี่ผีก็ได้ มันจึงรีบไปทำตามที่แม่นางลำซิ่งกล่าวทันที ชีวิตที่มิไร้รักของมันเป็นเฉกเช่นนี้แล…
จบ…