ผมปวดท้องรุนแรง เนื่องจากไส้ติ่งแตก เมื่อเดือน กรกฎาคม ปี 64

ก่อนผ่าตัดหรือก่อนปวดท้องไม่เคยมืออาการมือชา เท้าชา(ตลอดเวลา) นอกจากการเกร็งหรือนั่งทับนอนทับเป็นเวลานาน จะเป็นอาการชาแบบคนทั่วไป แค่ช่วงเวลาสั้นๆ

แต่หลังจากผ่าตัดเสร็จ ฟื้นลืมตาขึ้นมา ปรากฎว่า มือชาตั้งแต่ข้อศอกจนถึงปลายนิ้ว ทั้งสองข้าง(ข้างซ้ายเป็นหนักมาก) ส่วนเท้าก็จะชาตั้งแต่หัวเข่าถึงปลายนิ้วเท้า ทั้งสองข้าง คุณหมอแจ้งว่าเป็นเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง 230+ (สูง 172 ซม. หนัก 75 กิโลกรัม) พยาบาลแจ้งว่า คุณหมอใช้วิธีบล็อคหลัง (ซึ่งตอนนั้นไม่มีความรู้ความเข้าใจว่าการบล็อคหลังกับฉีดยาสลบแตกต่างกันอย่างไร ก็ปล่อยผ่านไป) ช่วงหลังผ่าตัดเริ่มมาพบหมอตามเวลานัดตัดไหมและดูอาการ หลายๆครั้งผมก็พยายามสอบถามคุณหมอทุกท่านว่าเป็นไปได้ไหมจะเป็น Side Effect จากการบล็อคหลัง ซึ่งคุณหมอแต่ละท่านจะบอกว่า น่าจะเป็นการฉีดยาสลบมากกว่า ไม่ใช่การบล็อคหลัง
(ตัวคุณหมอที่ผ่าตัดให้ ได้เจอครั้งเดียว เขาก็ตอบแบบไม่แน่ใจ ให้ผมลองงดทานน้ำตาลดู น่าจะเกิดจากที่ผมเป็นเบาหวาน)

จนถึงเวลาปัจจุบัน (16 ก.พ. 65)
- มือซ้ายยังคงชาอยู่ หนักมาก หยิบจับอะไรก็ไม่มั่น เช่น ที่ตัดเล็บเวลาออกแรงตัดก็จะหลุดมือไปเลย หรือเวลาหยิบเหรียญในกระเป๋าสตางค์ก็ไม่ถนัด หยิบลำบาก
- เท้าซ้าย มีบางทีรู้สึกอะไรมาไต่ขาบางจุด ซึ่งจริงๆไม่มี เป็นอาการของการชา

- มือขวาทุเลาลงไปเยอะ มีแค่บางครั้งรู้สึกตามปลายนิ้วนางกับนิ้วก้อย(เป็นครึ่งฝ่ามือ)

- เท้าขวาก็คล้ายๆมือขวา หายดี 98%

เมื่อต้นเดือน ม.ค. 65 ที่พบตามใบนัด ตรวจค่าน้ำตาล อยู่ 130

ขอสอบถามคุณหมอหรือสมาชิกที่พอมีความรู้ เรื่องแนวทางการรักษา และหากถึงขั้นต้องผ่าตัดสามารถใช้สิทธิบัตรทองโรงพยาบาลรัฐ ได้ไหมครับ