เรื่องอาจจะยาวนิดนึงนะครับแต่ต้องการความช่วยเหลือจากผุ้รู้จริงๆครับ
ผมได้ยื่นกู้รีไฟแนนซ์หลักทรัพย์ กับ ธนาคาร UOB เป็นหลักทรัพย์ 2 ที่ ๆ 1 เป็นเป็นบ้านเดี๋ยว อยู่ที่ รังสิต หลักทรัพย์นี้ติดอยู่ที่ SCB อีกที่เป็นอาคารพาณิชย์ หลักทรัพย์อยู่ที่ ราษฎร์บูรณะ หลักทรัพย์ติดอยู่ที่ ธนาคารออมสิน
เรื่องกู้กับ UOB ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ให้ดอกเบี้ยพิเศษผมไว้ เป็นดอกเบี้ย SME ที่ 3 ปีแรกร้อยละ 4 บาท หลังจากนั้น 4.6 บาท เวลา 15 ปี แต่ต้องจ่ายก่อนร้อยละ 3 เพื่อที่จะประกันดอกเบี้ยไว้ โดยเป็นเงิน 280,800 บาท (สองแสนแปดหมื่นแปดร้อยบาท)
โดยจ่ายวันที่ 30/9/2564 แล้วทางธนาคารจึงส่งคนมาประเมินหลักทรัพย์ทั้ง 2 ที่ของผม บ้านเดี่ยวที่รังสิตได้ประมาณ 4.4 ล้าน (ผมค้างธนาคารประมาณ 2.8 ล้านบาท) อาคารพาณิชย์ได้ 8 ล้านกว่าบาท ( ผมค้างธนาคารประมาณ 2.7 ล้านบาท )
หลักทรัพย์ทั้ง 2 ได้ประมาณ 12 ล้านกว่าบาท ผมค้างธนาคารประมาณ 5.5 ล้านบาท ผมขอส่วนต่างอีก 3.5 ล้านบาท
โดยทาง UOB ได้แจ้งผม ผมได้แจ้งไปที่ธนาคาร SCB และ ออมสิน โอนวันที่ 15/10/2564 พอใกล้ถึงเวลาโอน ทาง UOB ก็แจ้งเลื่อนวันโอนเลื่อนมา 2 ครั้ง จนผมถามสาเหตุ ทาง UOB แจ้งว่า บริษัทประเมินลงไปในประเมินว่า
ผมต้องเสียค่าเช่าทางออก ซึ่งทำให้ทาง UOB ยังไม่อนุมัติ ผมจึงโทรไปยังบริษัทประเมินเขาก็บอกว่าผมต้องเสียค่าเช่าทางออก ซึ่งอาคารพาณิชย์ผม ติดกับทางการพิเศษ ผมก็แจ้งไปว่าฝั่งผมไม่ต้องเสียค่าเช่า เพราะฝั่งผมมีถนนที่ทางการพิเศษทำไว้เกือบ 40 ปีแล้ว แต่ถ้าอีกฝั่งต้องเสีย เพราะก่อนหน้าที่จะปลูกผมก็โทรไปถามแล้ว และผมก็โทรไปถามอีกรอบ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าฝั่งผมไม่ต้องเสียค่าเช่า
เจ้าหน้าที่ประเมินโทรถามรอบที่ 2 สรุปไม่ต้องเสียค่าเช่า(มีหลักฐานที่คุยทางไลน์) แทนที่เจ้าหน้าที่ประเมินจะแก้ไขความผิดพลาด แต่กลับยังเล่นกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินยังบอกอีกว่า
ถ้าไม่ต้องเสียค่าเช่าก็ต้องไปขอหนังสือรับรองจากการทางพิเศษมา โดยแจ้งว่าถ้ามีค่าเช่าไม่รองรับการประเมิน ถ้ามีหนังสือรับรองถึงรองรับการประเมิน
เจ้าหน้าที่ธนาคารที่เดินเรื่องให้ผมก็ดีมาก ไปเดินเรื่องขอเอกสารกับทางการพิเศษให้ผม แต่กฎหมายของทางการพิเศษมีอยู่ว่า ถ้าทางการพิเศษตัดถนนแล้วไปทำให้ที่ดินที่เคยมีทางออกอยู่แล้วไม่มีทางออกเขาจะออกใบเปิดทางให้ แต่ถ้าไมใช่ แต่เป็นทางที่ทางการพิเศษมีถนนตัดผ่านอยู่แล้ว กี่ปีขึ้นไป จะออกใบเปิดทางให้ แต่ได้ครั้งละ 5 ปี
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ธนาคารไปขอใบอนุญาติให้ผม ส่วนผมก็ไปดำเนินเรื่องร้องเรียนบริษัทประเมินที่ กลต. พอเรื่องถึงที่ผมร้องเรียนประเมินที่ กลต. ทาง ธนาคารได้ให้เจ้าหน้าที่ๆเดินสินเชื่อให้ผม ขอให้ยุติการดำเนินได้ไหม ซึ่งทางผมบอกว่าไม่ได้ เนื่อจากผมเคยบอกแล้วว่าถ้าเจ้าหน้าที่ประเมินตรวจสอบแล้ว ก็ไม้ควรที่ต้องให้เดือดร้อนไปขอหนังสือ เพราะไม่เคยมีธนาคารไหนทำแบบนี้ ส่วน กลต. ก็ส่งเรื่องไปให้สำนักงานประเมินอิสระไทย ซึ่งที่แรกทางสำนักงานประเมินอิสระไทยให้ผมเอกสารที่จากเจ้าหน้าที่ประเมินมา ส่วนผมขอบริษัทประเมินก็ไม่ให้ผม ( ดูเท่านี้ก็รู้แล้วว่าช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ) ที่แรกผมจะร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจากการไม่ได้รังความเป็นธรรม แต่แฟนผมบอกให้ปล่อยไป ผมก็เลยเฉย
หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือนทางการก็ออกหนังสือมาให้ในวันที่ 17/12/2564 แต่ต้องไปต่อหนังสือทุกๆ 5 ปี แต่เนื่องจากเวลานานจึงต้องยื่นเอกสารใหม่บางส่วน หลังจากเอกสารที่ยื่นใหม่ผ่าน ปรากฎว่ามีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก
โดยเจ้าหน้าที่ประเมินของธนาคารได้คอมเม้นในเอกสารว่าให้ผมผ่อนแค่ 5 ปี จาก 15 เหลือ 5 ปี โดยไม่ได้ดูหลักทรัพย์ และความเป็นไปได้ คือตั้งใจว่าจะกลั่นแกล้งที่ผมไม่ยอมที่จะไม่ร้องเรียน ถนนเส้นนั้นเปิดให้ประชาชนสัญจร แต่จะมาปืดทางเพื่อไม่ให้ผมที่มีบ้านที่ติดถนนออก ดูความคิดน่าจะใจแคบไปหน่อยมั้ยครับ ( มีบ้านอีกเป็นร้อยหลังติดถนนเส้นนี้ )
โดยผมอยากจะสอบถามความคิดเห็นจากผู้รู้ทางกฏหมายว่า เรื่องแบบนี้ผมจะร้องเรียนไปได้ที่ไหนบ้าง ทำยังไงถึงจะเอาผิดเจ้าหน้าที่แบบนี้ได้ ถ้าธนาคารปกป้องคนผิด ผมสามารถฟ้องธนาคารได้ที่ใดบ้าง ตอนนี้เงินประกันดอกเบี้ย 280,800 บาท ผมยังอยู่กับธนาคาร รวมกับค่าประเมินเกือบหมื่น เงินเกือบสามแสนผมต้องไปดองไว้กับธนาคาร
(ผมเข้าใจกับคำว่า ธนาคารจะให้เรายืมร่มในวันที่อากาศแจ่มใส และจะขอร่มคืนในวันที่ฝนตกได้ดีครับ แต่ผมเพิ่งเคยเจอธนาคารจะปล้นร่มของ
เราในวันที่ฝนตก )
แบบนี้เราสามารถฟ้องร้องธนาคารในข้อหาฉ้อโกงได้ไหมครับ
ผมได้ยื่นกู้รีไฟแนนซ์หลักทรัพย์ กับ ธนาคาร UOB เป็นหลักทรัพย์ 2 ที่ ๆ 1 เป็นเป็นบ้านเดี๋ยว อยู่ที่ รังสิต หลักทรัพย์นี้ติดอยู่ที่ SCB อีกที่เป็นอาคารพาณิชย์ หลักทรัพย์อยู่ที่ ราษฎร์บูรณะ หลักทรัพย์ติดอยู่ที่ ธนาคารออมสิน
เรื่องกู้กับ UOB ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ให้ดอกเบี้ยพิเศษผมไว้ เป็นดอกเบี้ย SME ที่ 3 ปีแรกร้อยละ 4 บาท หลังจากนั้น 4.6 บาท เวลา 15 ปี แต่ต้องจ่ายก่อนร้อยละ 3 เพื่อที่จะประกันดอกเบี้ยไว้ โดยเป็นเงิน 280,800 บาท (สองแสนแปดหมื่นแปดร้อยบาท)
โดยจ่ายวันที่ 30/9/2564 แล้วทางธนาคารจึงส่งคนมาประเมินหลักทรัพย์ทั้ง 2 ที่ของผม บ้านเดี่ยวที่รังสิตได้ประมาณ 4.4 ล้าน (ผมค้างธนาคารประมาณ 2.8 ล้านบาท) อาคารพาณิชย์ได้ 8 ล้านกว่าบาท ( ผมค้างธนาคารประมาณ 2.7 ล้านบาท )
หลักทรัพย์ทั้ง 2 ได้ประมาณ 12 ล้านกว่าบาท ผมค้างธนาคารประมาณ 5.5 ล้านบาท ผมขอส่วนต่างอีก 3.5 ล้านบาท
โดยทาง UOB ได้แจ้งผม ผมได้แจ้งไปที่ธนาคาร SCB และ ออมสิน โอนวันที่ 15/10/2564 พอใกล้ถึงเวลาโอน ทาง UOB ก็แจ้งเลื่อนวันโอนเลื่อนมา 2 ครั้ง จนผมถามสาเหตุ ทาง UOB แจ้งว่า บริษัทประเมินลงไปในประเมินว่า
ผมต้องเสียค่าเช่าทางออก ซึ่งทำให้ทาง UOB ยังไม่อนุมัติ ผมจึงโทรไปยังบริษัทประเมินเขาก็บอกว่าผมต้องเสียค่าเช่าทางออก ซึ่งอาคารพาณิชย์ผม ติดกับทางการพิเศษ ผมก็แจ้งไปว่าฝั่งผมไม่ต้องเสียค่าเช่า เพราะฝั่งผมมีถนนที่ทางการพิเศษทำไว้เกือบ 40 ปีแล้ว แต่ถ้าอีกฝั่งต้องเสีย เพราะก่อนหน้าที่จะปลูกผมก็โทรไปถามแล้ว และผมก็โทรไปถามอีกรอบ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าฝั่งผมไม่ต้องเสียค่าเช่า
เจ้าหน้าที่ประเมินโทรถามรอบที่ 2 สรุปไม่ต้องเสียค่าเช่า(มีหลักฐานที่คุยทางไลน์) แทนที่เจ้าหน้าที่ประเมินจะแก้ไขความผิดพลาด แต่กลับยังเล่นกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินยังบอกอีกว่า
ถ้าไม่ต้องเสียค่าเช่าก็ต้องไปขอหนังสือรับรองจากการทางพิเศษมา โดยแจ้งว่าถ้ามีค่าเช่าไม่รองรับการประเมิน ถ้ามีหนังสือรับรองถึงรองรับการประเมิน
เจ้าหน้าที่ธนาคารที่เดินเรื่องให้ผมก็ดีมาก ไปเดินเรื่องขอเอกสารกับทางการพิเศษให้ผม แต่กฎหมายของทางการพิเศษมีอยู่ว่า ถ้าทางการพิเศษตัดถนนแล้วไปทำให้ที่ดินที่เคยมีทางออกอยู่แล้วไม่มีทางออกเขาจะออกใบเปิดทางให้ แต่ถ้าไมใช่ แต่เป็นทางที่ทางการพิเศษมีถนนตัดผ่านอยู่แล้ว กี่ปีขึ้นไป จะออกใบเปิดทางให้ แต่ได้ครั้งละ 5 ปี
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ธนาคารไปขอใบอนุญาติให้ผม ส่วนผมก็ไปดำเนินเรื่องร้องเรียนบริษัทประเมินที่ กลต. พอเรื่องถึงที่ผมร้องเรียนประเมินที่ กลต. ทาง ธนาคารได้ให้เจ้าหน้าที่ๆเดินสินเชื่อให้ผม ขอให้ยุติการดำเนินได้ไหม ซึ่งทางผมบอกว่าไม่ได้ เนื่อจากผมเคยบอกแล้วว่าถ้าเจ้าหน้าที่ประเมินตรวจสอบแล้ว ก็ไม้ควรที่ต้องให้เดือดร้อนไปขอหนังสือ เพราะไม่เคยมีธนาคารไหนทำแบบนี้ ส่วน กลต. ก็ส่งเรื่องไปให้สำนักงานประเมินอิสระไทย ซึ่งที่แรกทางสำนักงานประเมินอิสระไทยให้ผมเอกสารที่จากเจ้าหน้าที่ประเมินมา ส่วนผมขอบริษัทประเมินก็ไม่ให้ผม ( ดูเท่านี้ก็รู้แล้วว่าช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ) ที่แรกผมจะร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจากการไม่ได้รังความเป็นธรรม แต่แฟนผมบอกให้ปล่อยไป ผมก็เลยเฉย
หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือนทางการก็ออกหนังสือมาให้ในวันที่ 17/12/2564 แต่ต้องไปต่อหนังสือทุกๆ 5 ปี แต่เนื่องจากเวลานานจึงต้องยื่นเอกสารใหม่บางส่วน หลังจากเอกสารที่ยื่นใหม่ผ่าน ปรากฎว่ามีเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก
โดยเจ้าหน้าที่ประเมินของธนาคารได้คอมเม้นในเอกสารว่าให้ผมผ่อนแค่ 5 ปี จาก 15 เหลือ 5 ปี โดยไม่ได้ดูหลักทรัพย์ และความเป็นไปได้ คือตั้งใจว่าจะกลั่นแกล้งที่ผมไม่ยอมที่จะไม่ร้องเรียน ถนนเส้นนั้นเปิดให้ประชาชนสัญจร แต่จะมาปืดทางเพื่อไม่ให้ผมที่มีบ้านที่ติดถนนออก ดูความคิดน่าจะใจแคบไปหน่อยมั้ยครับ ( มีบ้านอีกเป็นร้อยหลังติดถนนเส้นนี้ )
โดยผมอยากจะสอบถามความคิดเห็นจากผู้รู้ทางกฏหมายว่า เรื่องแบบนี้ผมจะร้องเรียนไปได้ที่ไหนบ้าง ทำยังไงถึงจะเอาผิดเจ้าหน้าที่แบบนี้ได้ ถ้าธนาคารปกป้องคนผิด ผมสามารถฟ้องธนาคารได้ที่ใดบ้าง ตอนนี้เงินประกันดอกเบี้ย 280,800 บาท ผมยังอยู่กับธนาคาร รวมกับค่าประเมินเกือบหมื่น เงินเกือบสามแสนผมต้องไปดองไว้กับธนาคาร
(ผมเข้าใจกับคำว่า ธนาคารจะให้เรายืมร่มในวันที่อากาศแจ่มใส และจะขอร่มคืนในวันที่ฝนตกได้ดีครับ แต่ผมเพิ่งเคยเจอธนาคารจะปล้นร่มของ
เราในวันที่ฝนตก )