จั่วหัวมาแบบนี้ก็ต้องไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังอยู่แล้ว เพราะเรากำลังอาสาแปลงร่างเป็นไกด์หน้าตาดีพาทุกคนไปเที่ยวญี่ปุ่น  โดยครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกันที่ ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู (Honshu) ประกอบด้วยไปด้วย 6 จังหวัด ได้แก่จังหวัด อะโอโมริ (Aomori), จังหวัดอะคิตะ (Akita), จังหวัดอิวะเตะ (Iwate), จังหวัดมิยางิ (Miyagi) จังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) และจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima)

คิดว่าหลายคนน่าจะได้ยินชื่อเสียงภูมิภาคนี้กันมาบ้าง ด้วยความที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ทำให้โทโฮคุพรั่งพร้อมไปด้วยทัศนียภาพธรรมชาติสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นแมกไม้เขียวขจีของช่องเขาโออิราเสะ (Oirase Gorge) ในจังหวัดอาโอโมริ (Aomori) ในช่วงฤดูร้อน สีสันสุดอลังการของช่องเขาไรไรเคียว (Rairai-kyo Gorge) และน้ำตกอากิอุโอทาคิ (Akiu Otaki Falls) ในจังหวัดมิยะงิ (Miyagi) ในฤดูใบไม้ร่วง

บอกเลยว่าที่เกริ่นมา เป็นแค่ออเดิร์ฟเบา ๆ และนี่คือสถานที่ที่เราฟันธงเลยว่าไม่ควรพลาดและคุ้มค่าเมื่อมาเยือนภูมิภาค Tohoku โดยทั้งหมดตั้งอยู่ในจังหวัดมิยางิ (Miyagi) อิวาเตะ (Iwate) และอาโอโมริ (Aomori)


การเดินทางท่องเที่ยวไปยังภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku Region) มีด้วยกันหลายวิธี เครื่องบิน รถบัส หรือรถไฟชินคันเชนสุดสะดวก (Shinkansen) โดยถ้าตั้งต้นจากโตเกียวไปยังเซ็นได (Sendai) จังหวัดมิยางิ (Miyagi) จะใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง แต่ถ้าต้องการความคล่องตัวในการท่องเที่ยวสถานที่นอกเมืองต่าง ๆ การเช่ารถยนต์ขับก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งวิธีการเดินทางก็ไม่ยาก เริ่มต้นทริปจากโตเกียว (Tokyo) มุ่งตรงไปยังจังหวัดมิยางิ (Miyagi) จากนั้นตามด้วยจังหวัดข้างเคียงอย่างอิวาเตะ (Iwate) ก่อนจะปิดท้ายการเดินทางที่จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)


เรารู้ ทกุคนรู้ว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ตั้งที่มีภูเขาไฟจำนวนมากซ่อนอยู่ ทำให้ญี่ปุ่นเป็นดินแดนที่มีบ่อน้ำพุร้อน (ออนเซ็น) เป็นจำนวนมากตามไปด้วย สามารถเข้าใช้บริการได้ง่ายในเกือบทุกจังหวัด สำหรับที่ภูมิภาคโทโฮคุก็เช่นกัน มีบ่อน้ำพุร้อนพร้อมให้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับใครที่กำลังมองหาบ่อน้ำพุร้อนที่ห่างไกลผู้คนและใกล้ชิดธรรมชาติขึ้นไปอีก ฮิโต (Hitou) ที่ภาษาญี่ปุ่นหมายถึง บ่อน้ำพุร้อนลับ ก็ถือเป็นจุดหมายที่คุ้มค่ากับการดั้นด้นเดินทางไป

สำหรับ ฮิโต (Hitou) ในภูมิภาคโทโฮคุ มักจะอยู่ตั้งในพื้นที่ที่ห่างไกล บางสถานที่อาจจะอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา และเข้าถึงได้โดยรถส่วนตัวได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยที่พักแบบเรียบง่ายหลายแห่ง มีส่วนหรือพื้นที่ที่ให้บริการแช่น้ำพุร้อนเพื่อการบำบัดรักษาหรือที่เรียกว่า โทจิ (Toji) ด้วย โดยลงแช่ในน้ำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุในเป็นประจำทุกวัน เป็นเวลาหลายวันหรือหลายเดือน


นี่คือบ่อน้ำพุร้อนที่ลึกแต่ไม่ลับ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จัก ที่ล้วนคุ้มค่าแก่การไปเยือน ไม่ว่าจะหนึ่งวันหรือหลายวัน


มาเริ่มกันที่ออนเซ็นแรก สุกะยุออนเซ็น (Sukayu Onsen) ตามตำนานเล่าว่า บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ถูกค้นพบมามากกว่า 300 ปีแล้ว ซึ่งเกิดจากความบังเอิญที่กลุ่มพรานป่าได้เห็นจากการที่กวางตัวหนึ่งที่บาดเจ็บ มารักษาบาดแผลที่บ่อน้ำพุร้อนที่นี่จนอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยชื่อเดิมของที่นี่คือ ชิกะยุ (Shikayu) หรือภาษาญี่ปุ่นว่า “น้ำร้อนของกวาง” ซึ่งก็มีที่มาจากตำนานดังกล่าวด้วยเช่นกัน ภายหลังถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น สุกะยุ (Sukayu) หมายถึง “น้ำร้อนที่เป็นกรด” เนื่องจากน้ำของที่นี่มีความเป็นกรดสูง

สุกะยุออนเซ็น (Sukayu Onsen) รองรับการให้บริการทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว เพื่อรับประโยชน์จากการบำบัดรักษาด้วยการอาบน้ำ รวมถึงยังมีพื้นที่ครัวส่วนกลางให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารด้วยตนเองด้วย


ที่สุกะยุออนเซ็น (Sukayu Onsen) มีบ่ออาบน้ำหลายบ่อ แต่มาแล้วห้ามพลาด ได้แก่ ฮิบะเซ็นนินบุโระ (Hiba Sennin-buro) หรือ “อ่างอาบน้ำสำหรับพันคน” ไม่เหมือนกับที่ไหน ภายในพื้นที่ 260 ตารางเมตรของที่แห่งนี้ มีบ่ออาบน้ำหลายจุดที่ทำจาก ฮิบะ (Hiba) ซึ่งเป็นไม้สนชนิดหนึ่งของอาโอโมริ (Aomori) ทำให้บรรยากาศดูราวกับว่าสามารถรองรับคนได้ถึง 1,000 คน แม้ว่าจริงแล้วจะมีจำนวนน้อยกว่านั้น

นอกจากจะมีบ่อที่ผู้ชายและผู้หญิงสามารถอาบน้ำร่วมกันได้โดยมีรั้วกั้นแล้ว ที่นี่ยังมีพื้นที่สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะด้วย การผ่อนคลายด้วยการแช่ออนเซ็นน้ำสีขาวขุ่นราวกับนมในโรงอาบน้ำที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์นี้ แค่คิดก็รู้สึกดีแล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม : สุกะยุออนเซ็น (Sukayu Onsen)
http://www.sukayu.jp/


ฟุเกะโนะยุออนเซ็น (Fukenoyu Onsen) บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ในฮะจิมันไต (Hachimantai) ล้อมรอบไปด้วยภูเขาในจังหวัดอาคิตะ (Akita) ยืนหนึ่งความเป็นบ่อน้ำพุร้อนลับที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณนี้ เรียกว่า ถ้าไม่ตั้งใจมาก็คงจะมองผ่านไปเลยเชียวล่ะ เพราะบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ ซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางภูเขาที่แวดล้อมด้วยป่าไม้บีชจนถึงระดับความสูง 1,100 เมตรเหนือน้ำทะเลก่อนที่จะไปถึง


ฟุเกะโนะยุออนเซ็น (Fukenoyu Onsen) แตกต่างจากสุกะยุออนเซ็น (Sukayu Onsen) ตรงที่มีขนาดย่อมกว่าและราคาที่พักก็อยู่ในระดับสมเหตุสมผล สำหรับทั้งผู้มาใช้บริการแบบโทจิ (Toji) และลูกค้าทั่วไป ที่นี่มีบ่อาบน้ำหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น บ่ออาบน้ำในที่ร่มซึ่งทำจากไม้ฮิบะ (Hiba) ที่ให้ความผ่อนคลายน่าประทับใจ แต่ขุมทรัพย์ที่แท้จริงของฟุเกะโนะยุ (Fukenoyu Onsen) อยู่ที่บ่ออาบน้ำกลางแจ้งแบบต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งแบบแยกเพศ และแบบหญิงชายรวมกัน

นอกจากนี้อีกหนึ่งบรรยากาศที่จะได้เมื่อมาเช็กอินที่นี่ก็คือ แค่เดินออกจากบริเวณแผนกต้อนรับ ผู้เข้าพักก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มไอน้ำพวยพุ่งขึ้นจากที่เปิดโล่งกลางป่า และความเงียบสงบในการผ่อนคลายภายใต้ท้องฟ้าเปิดโล่ง พร้อมกับมองไปยังป่าดงพงไพรที่รายล้อมอยู่นั้นก็เป็นความงามที่ยากจะหาสิ่งใดมาเทียบได้

ข้อมูลเพิ่มเติม : ฟุเกะโนะยุออนเซ็น (Fukenoyu Onsen)
https://www.fukenoyu.jp/ENG/index.html


มาถึงอีกหนึ่งบ่อน้ำพุร้อนที่เสิร์ฟบรรยากาศแบบธรรมชาติซูม ๆ กับสุคาวะโคเก็นออนเซ็น (Sukawa Kogen Onsen) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือจากภูเขาคุริโคมะ (Mt. Kurikoma) ที่ระดับความสูง 1,126 เมตร ในจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ใกล้กับบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัดอาคิตะ (Akita) และจังหวัดมิยางิ (Miyagi) ถึงจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ห่างไกล แต่ต้องบอกว่าที่นี่ ไม่เคยเงียบเหงาเพราะมีผู้เดินทางหมุนเวียนมาสัมผัสกับน้ำแร่ที่มีฤทธิ์เป็นกรดของที่นี่เป็นเวลาตลอด 300 ปีกว่ามาแล้ว โดยผู้ใช้บริการในปัจจุบันมีทั้งผู้มาเยือนแบบวันเดียว และนักปีนเขาที่แวะมาอาบน้ำหลังปีนเขาเสร็จ รวมถึงผู้ที่ต้องการโทจิ (Toji) ที่มาพักแบบระยะยาว

ไฮไลต์สุดของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้อยู่ตรงที่ ลีลาการแสดงของน้ำ 6,000 ลิตรที่พวยพุ่งออกจากแหล่งต้นน้ำในทุกนาที ทำให้น้ำของบ่ออาบน้ำของที่นี่หมุนเวียนอย่างอิสระ และถึงแม้ที่นี่จะมีบ่ออาบน้ำในที่ร่มสุดกว้างขวาง แต่ที่อยากแนะนำมากก็คือ การแช่บ่อในร่มชั้นบนซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 45 องศา เพราะสิ่งที่ได้กลับมาคือความรู้สึกซาบซ่านไปทั้งตัวและความกระปรี้กระเปร่าสุดแอคทีฟ


ถ้ามีเวลาหรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศที่นี่ก็มีบ่อกลางแจ้งขนาดใหญ่ให้สัมผัส แช่น้ำร้อนให้ร่างกายผ่อนคลาย ในขณะที่สายตาก็ได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศสีเขียวของต้นไม้ และถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็มีลมเย็น ๆ หอบเอาความสดชื่นไปทั่วผืนน้ำ ยังช่วยขจัดละอองไอน้ำที่พวงพุ่งขึ้นมาเป็นครั้งคราว จนทำให้ได้เพลิดเพลินกับหินก้อนใหญ่ที่รายล้อมบ่ออาบน้ำอยู่

ข้อมูลเพิ่มเติม : สุคาวะโคเก็นออนเซ็น (Sukawa Kogen Onsen)
https://komachi-shuttle.com/english/sukawa-kurikoma-en/


นามาริออนเซ็น (Namari Onsen) ตั้งอยู่ที่จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) เป็นออนเซ็นที่ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งอยู่บนที่สูงเหมือนบ่อน้ำพุร้อนอื่น ๆ ที่กล่าวมา แต่ก็ยังคงได้ฟีลส่วนตัวเงียบสงบ การเดินทางมานามาริออนเซ็น (Namari Onsen) เริ่มต้นจากการขับรถจากเมืองฮานามากิ (Hanamaki) เข้าไปในเนินเขาเป็นช่วงสั้น ๆ ก็จะได้พบกลุ่มโรงแรม โดยหนึ่งในนั้นได้แก่ ฟูจิซังเรียวกัง (Fujisan Ryokan) โรงแรมโครงสร้างไม้เซลโควาแบบดั้งเดิมอันเงียบสงบซึ่งมีประวัติศาสตร์กว่า 600 ปี และเป็นสถานที่โปรดของนักเขียนชาวญี่ปุ่นอย่างเคนจิ มิยาซาวะ (1896–1933) และอีกหลายคน


ที่ฟูจิซังเรียวกัง (Fujisan Ryokan) มีบ่อแบบ คาเคะนางาชิ (Kake-nagashi) เป็นบ่อที่มีน้ำพุร้อนไหลอย่างอิสระอยู่หลายบ่อ โดยบางบ่ออยู่ติดกันแม่น้ำสายเล็ก ๆ ด้วย และที่พักแห่งนี้ยังมีบ่อที่อยู่ลึกในธรรมชาติซึ่งรู้จักกันในชื่อ ชิราซารุโนะยุ (Shirasaru no Yu) หรือ “น้ำร้อนของลิงขาว” ซึ่งดูเหมือนสระว่ายน้ำแบบขอบสูง 1.25 เมตรมากกว่า ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้สัมผัสได้ถึงความกว้างขวางอันน่ารื่นรมย์ได้แก่เพดานสูงกว่าตึกสองชั้นของโรงอาบน้ำของที่นี่

ข้อมูลเพิ่มเติม : นามาริออนเซ็น ฟูจิซังเรียวกัง (Namari Onsen Fujisan Ryokan)
https://namari-onsen-ryokan.com

บอกเลยนี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีบ่อน้ำพุร้อนอีกเพียบให้ตามไปสัมผัส หนึ่งในนั้นคือ โรงแรมเซนไดอากิอุฮ็อตสปริง ซาคัน (Sendai Akiu Hot Spring Hotel Sakan) ในอากิอุออนเซ็น (Akiu Onsen) ซึ่งผสมผสานประเพณีนับพันปีเข้ากับสัมผัสแบบโมเดิร์นได้อย่างกลมกลืน