สวัสดีครับผมน้องใหม่หัดรีวิว
วันนี้จะขอแชร์ประสบการณ์ต่างแดนที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาในหน้าหนาว
ความจริงทริปนี้ไปตั้งแต่กลางเดือนมกราคมแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้เอาลง
เผื่อจุดประกายคนชอบเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ได้จองตั๋วไปปลายปีนี้ครับ
เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปประหยัด กินอยู่อย่างประหยัด จขกท ออกจากงานพอดี
ถ้าขาดเหลืออะไร ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ
แต่จะพยายามสานฝันให้คนงบน้อยสามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ตามใจฝันครับ
ทริปนี้ โนมาม่า โนข้าวกล่อง ไม่มีดราม่า ไม่นอนบนรถ ก็ยังประหยัดได้ครับ
ขอฝากแฟนเพจเที่ยวสบายๆ เที่ยวง่ายตามสไตล์ฉัน Icytraveller ด้วยค้าบ
https://www.facebook.com/icytraveller/
ขอฝากตอนที่2 ด้วยครับ พาเที่ยว Yamagata หิมะหนามาก สะใจจริงๆ
https://ppantip.com/topic/38675659
ขอฝากตอนที่3 จากอ่าวมัตซึชิม่า ไปอ่าวอาโอโมริครับ
https://ppantip.com/topic/38697893
ขอฝากตอนที่ 4 เที่ยวเมือง Odate ต้นกำเนิดสุนัขพันธุ์ Akita
https://ppantip.com/topic/38717368
ขอฝากตอนที่ 5 เที่ยวชมหมู่บ้านออนเซ็นท่ามกลางหิมะหนา Owani Onsen
https://ppantip.com/topic/38735384
ก็ไปหน้าหนาวอ่ะนะ ก็ต้องเตรียมคอสตูม เตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม
เริ่มตั้งแต่หมวกไหมพรม ถุงมือ ผ้าพันคอวูล เสื้อกันหนาวชนิดบุขนเป็ดหรือใยสังเคราะห์
(อยากให้เลือกขนเป็ดเพราะมันอุ่นกว่าเยอะครับ)
เสื้อตัวในและกางเกงลองจอนแบบ Heat tech ย้ำว่าสำคัญมาก ความร้อนในร่างกายของเรา
จะไม่ไหลออกจากตัวเรา ชุดพวกนี้จะทำให้เราเดินลุยหิมะได้นานครับ
สำคัญที่สุดอีกอย่างคือรองเท้า พื้นต้องมีดอกยางหนานิดนึง และถ้าลมไม่แรงนัก ติดร่มไปกางกันหิมะสักคันก็ดี
การจองโรงแรม ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1เดือน สำหรับหน้าหนาว บางเมืองที่เป็นเมืองเล่นสกีอาจต้องจองนานกว่านี้ ที่พักมักจะเต็ม
การซื้อบัตร PASS ต่างๆ เช่น JR Pass , JR East Pass ควรซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายในไทย ราคาจะถูกกว่าซื้อที่ญี่ปุ่น
เมื่อซื้อได้แล้วก็นำใบ Exchange Order มาแลกที่เคาน์เตอร์สนามบิน เพื่อออกใบจริงไปใช้งาน
จากนั้นก็วางแผนการเดินทางต่อได้เลย ว่าเราจะไปไหนบ้าง
สำหรับทริป Tohoku นี้ เราเดินทางตั้งแต่ 17-24 ม.ค. 2562 กินเวลาทั้งหมด 8 วัน
โดยอยู่ใน Tohoku 5 วัน แล้วกลับมา Tokyo 3 วัน
อ้อ แล้วอย่าลืมเช่ากล่อง Wifi หรือซื้อซิมมาใช้บริการด้วย เดี๋ยวจะขาดการติดต่อกับคนอื่นๆ จ้า
ตั๋วเครื่องบินเราซื้อกระชั้นมาก ซื้อปลายเดือน พ.ย. 61 เลือกใช้สายการของ นกสกู๊ต ชั้น Scootbiz ได้มาในราคา 8900 บาท ฟังไม่ผิดหรอกจ้ะ
หน้าหนาวคนเดินทางไม่เต็มลำ ราคาก็จะถูกกว่าหน้าอื่นๆหน่อย
ข้อดีของ Scootbiz คือ เวลาCheck in ได้เข้าช่องพิเศษของ Scootbiz ไม่ต้องไปต่อแถวยาว
โหลดน้ำหนักกระเป๋าใต้ท้องเครื่องบินได้ถึง30 กิโลกรัม
เอาสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ น้ำหนักรวมกัน 15 กิโลกรัม
เวลา Boarding ได้ขึ้นเครื่องก่อนคลาสอื่นๆ
ฟรีอาหาร 1มื้อ บนเครื่อง
เก้าอี้ใหญ่นั่งสบายขึ้น ปรับเอนได้มากขึ้น
แต่ช้าก่อน ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อเสียเลยนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
อย่างแรกคือเก้าอี้ใหญ่ก็จริง แต่เอนได้ไม่สุดนะครับ เป็นเบาะหนังสีดำ
แถวนั่งริมหน้าต่างจะสบายกว่าครับ เพราะมีเก้าอี้ให้นั่งแค่สองตัว
เราได้นั่งริมหน้าต่างครับ พร้อมเอาหนังสือ Tohoku มาอ่านเล่นพลางๆ มีปุ่มปรับระดับการเอนทางซ้าย และปุ่มเรียกแอร์สาวสวยครับ
พอเครื่องออกตอนเกือบตีสาม แอร์สาวสวยมานั่งกับพื้นถามเราว่า จะรับอาหารเลยมั้ยคะ เราตอบว่าขอนอนก่อนครับ เดี๋ยวไว้รับตอนเช้า
ก่อนที่เครื่องจะลงครับ ซึ่งชั้น Economy ที่เราเคยนั่งมาก่อน นางจะไม่นั่งกับพื้น แต่อาหารนี่สิ ทำไมถึงเลือกไม่ได้ มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง
สักพักนางก็หยิบใบตรวจคนเข้าเมืองมาให้เรากรอก กรอกตามความเป็นจริงทุกอย่าง แล้วยื่นให้ตม. ญี่ปุ่นตอนเข้าไป
หลับไปได้ 4 ชั่วโมง นางก็เอาข้าวหมกแกงผักอินเดียมาเสริฟ ยังดีที่เราเคยไปเที่ยวเมืองภารตะเลยกินเป็น แต่รสชาติโดยรวมไม่อร่อยฮะ
ชั้น Scootbiz จะอยู่ส่วนหน้าสุดของเครื่อง มีม่านกั้นเป็นสัดส่วน เงียบสบายเป็นส่วนตัวมาก มีทั้งหมด 24 ที่นั่ง แต่ขาไป มีคนนั่งแค่ 8ที่เองครับ
ส่วนเก้าอี้หลังสีเหลืองนั่น เป็นโซนเงียบ และสำหรับคนที่จองแบบนอนพาดเก้าอี้ หรือตั๋วที่จองไว้แล้วระบุว่า ขอที่นั่งว่างๆ ด้านข้าง
ก็จะสามารถนอนได้ แบบที่เห็นขาคนโผล่มาแหละครับ แต่แน่นอน เวลาจองคุณก็จะต้องจ่ายเพิ่มเช่นกัน โซนเหลืองคนน้อยกว่า Scootbiz อีก
อุ๊ย ตื่นเต้น เราได้เห็นแผ่นดินญี่ปุ่นแล้ว หลังจากนั่งเครื่องมานานกว่า 6ชั่วโมง หลับไป4ชั่วโมงเต็ม
เรามาถึงเขตจังหวัดชิบะแล้ว สนามบินที่เราจะไปลงคือนาริตะ (Narita International Airport)
Narita International Airport สนามบินกว้างใหญ่มาก เรามาถึงตอนสิบโมงกว่าๆ ตามเวลาท้องถิ่น
อีกสักพักเครื่องของเราจะไปเทียบงวงแล้ว
เราเดินออกจากงวงที่1 ที่เขากันเอาไว้เฉพาะ Scootbiz และโซนพิเศษ
ไว้เที่ยวหน้าเราจะลองบินสายการบินแห่งชาติบ้างนะ
เที่ยวบินนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนไทย มากับทัวร์สองกลุ่มใหญ่ๆ อัดกันมาช่วงท้ายลำ
แล้วเราก็ออกมารับกระเป๋าที่สายพานกัน เครื่องลำใหญ่รอนานนิดนึง
ลากกระเป๋ามา ถ้าใครคิดว่ายังแลกเงินมาไม่พอ มาแลกเพิ่มที่นี่ได้ เดี๋ยวเราจะไปต่อรถไฟกันแล้ว
รถไฟเข้าเมืองจะอยู่ด้านล่างครับ
มีเอกสารให้หยิบด้วย เผื่อเป็นไอเดียในการท่องเที่ยว ให้เลือกหยิบเฉพาะที่ที่เราอยากจะไป บางเล่มมีภาษาอังกฤษด้วย
เราเอาใบ Exchange Order ที่ซื้อกับ HIS มาแลกเป็นตั๋ว JR East Pass ที่นี่ ข้างในคนเยอะพอสมควรเลย
ฝั่งขวาคือตั๋วที่เรานำจากเมืองไทยมาแลก ต้องprint มาเท่านั้น ฝั่งขวาคือบัตรพาสของจริง มีอายุ5 วัน สามารถเลือกใช้งานวันไหนก็ได้
ไม่จำเป็นว่าต้องใช้ทุกวัน โดย JR EAST PASS จะครอบคลุมภูมิภาค Tohoku ทั้งหมด สนนราคา 17000 เยน
https://www.histours.co.th/jr-pass
บัตรพาสใบนี้ครอบคลุมพื้นที่ไหนบ้าง ดูเอาตามแผนที่เลยจ้า
ขยายให้ดูใกล้ๆ อีกครั้งว่าบัตรนี้ครอบคลุมโตเกียว เมืองสกีหิมะกาลายูซาว่า และภาคเหนือของเกาะฮอนชูทั้งหมด
เราเดินไปไหนก็ไม่หลง มีแผนที่บอกทางทุกจุดในสนามบินนาริตะ
พอเราได้บัตร JR EAST PASS มาแล้ว เราก็จองตั๋ว Narita Express สำหรับเข้าเมืองโตเกียวต่อเลย และนี่คือรอบรถที่เราขึ้น
เอาล่ะได้เวลาไปเบ่งบัตรพาสกันแล้ว ลากกระเป๋าต่อไม่รอนะจ๊ะ
ภายในรถ Narita Express กระเป๋าลากใบใหญ่แนะนำให้ล็อคไว้ตรงท้ายขบวน แล้วสะพายเป้เข้ามานั่งจะสบายกว่าเยอะ
บ้านเรือนคนญี่ปุ่นสองข้างทางในเขตจังหวัดชิบะ
ฮร่า มี Wifi ให้เล่นในรถด้วยสิ ระยะห่างจากเก้าอี้ไม่อึดอัดนั่งสบาย รถใช้เวลา 45 นาที ถึงสถานีโตเกียว อากาศที่โตเกียววันนั้น 6องศา
แล้วเราก็ไปต่อรถที่สถานีโตเกียว Tokyo Station เพื่อต่อรถ Shinkansen ไปเมืองเซนได
ตรงจุดต่อรถนี้ เจ้าหน้าที่จองตั๋วให้เราเวลากระชั้นชิดมาก ทำให้เวลาในการย้ายชานชาลาเหลือแค่10 นาที
เราก็มือใหม่หัดเที่ยว มองหาชานชาลาจนงง รีบก็รีบเดิน เดินเร็วสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้
วิ่งลากกระเป๋ามาขึ้นชินคันเซนได้ทันเวลาพอดี
อ้อ รถไฟที่ญี่ปุ่นตรงเวลาเป๊ะเว่อร์ พลาดแค่ไปนาทีเดียว คุณก็ต้องรอขึ้นขบวนถัดไป
บ้านเรือนในจังหวัดฟุคุชิม่า (Fukushima) จากโตเกียวไปเซนได ใช้เวลาเดินทาง 2ชั่วโมงเป๊ะ
พื้นที่ส่วนใหญ่ทางภาคเหนือของญี่ปุ่นจะทำการเกษตรครับ เราจะเห็นทุ่งนาแบบนี้เยอะมากตลอดทาง
ขบวนที่เรานั่งเป็นขบวนรถสีชมพู วิ่งไปจังหวัดอะคิตะ (Akita)
เพิ่งสังเกตว่ารถที่เรานั่งไปมีสองขบวนใหญ่ ขบวนสีชมพูไป Akita ขบวนสีเขียวขึ้นไปเมือง Hakodate
ดังนั้นจะนั่งไปลงไหน เลือกตู้ให้ถูกนะ เพราะสองขบวนนี้จะต้องแยกทางกัน ณ สถานีหนึ่ง
แล้วถ้านั่งไปไหนไกลๆ แนะนำให้เจ้าหน้าที่จองตั๋วแบบ Reserved-seat ให้ด้วย เราจะได้ไม่ต้องยืนไปตลอดทาง
เผื่อว่าไปเที่ยวตรงกับช่สงเทศกาล จองได้จองไปก่อนเลย
รถไฟสองขบวนต่อกันง่ายๆ แบบนี้เลย ขอไปส่องหน่อยนะ
แล้วเราก็มาถึงสถานีปลายทาง สถานีเซนได (Sendai Station) จนได้
สถานีนี้เป็นสถานีชุมทางต่อรถไปเมืองต่างๆ เยอะมาก เราเลือกพักที่นี่สองคืน เพื่อไปเที่ยวยังเมืองต่างๆ ในภูมิภาค Tohoku
Tohoku โทโฮคุ แปลตรงตัวเลยคือ ตะวันออกเฉียงเหนือ
โซนนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่ได้ popular เหมือนโซน Kanto Kansai ทางใต้
หรือโซนบนอย่างฮอกไกโด ที่คนนิยมไปเที่ยวมากกว่า มีสายการบินบินตรง
ส่วนโซนโทโฮคุ ยังมีคนไทยไปเที่ยวน้อยมากครับ
[CR] Review Tohoku winter Japan โทโฮคุ ไปเองได้ถ้าใจถึง
วันนี้จะขอแชร์ประสบการณ์ต่างแดนที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาในหน้าหนาว
ความจริงทริปนี้ไปตั้งแต่กลางเดือนมกราคมแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้เอาลง
เผื่อจุดประกายคนชอบเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ได้จองตั๋วไปปลายปีนี้ครับ
เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปประหยัด กินอยู่อย่างประหยัด จขกท ออกจากงานพอดี
ถ้าขาดเหลืออะไร ต้องขออภัยล่วงหน้าครับ
แต่จะพยายามสานฝันให้คนงบน้อยสามารถไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ตามใจฝันครับ
ทริปนี้ โนมาม่า โนข้าวกล่อง ไม่มีดราม่า ไม่นอนบนรถ ก็ยังประหยัดได้ครับ
ขอฝากแฟนเพจเที่ยวสบายๆ เที่ยวง่ายตามสไตล์ฉัน Icytraveller ด้วยค้าบ
https://www.facebook.com/icytraveller/
ขอฝากตอนที่2 ด้วยครับ พาเที่ยว Yamagata หิมะหนามาก สะใจจริงๆ
https://ppantip.com/topic/38675659
ขอฝากตอนที่3 จากอ่าวมัตซึชิม่า ไปอ่าวอาโอโมริครับ
https://ppantip.com/topic/38697893
ขอฝากตอนที่ 4 เที่ยวเมือง Odate ต้นกำเนิดสุนัขพันธุ์ Akita
https://ppantip.com/topic/38717368
ขอฝากตอนที่ 5 เที่ยวชมหมู่บ้านออนเซ็นท่ามกลางหิมะหนา Owani Onsen
https://ppantip.com/topic/38735384
ก็ไปหน้าหนาวอ่ะนะ ก็ต้องเตรียมคอสตูม เตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม
เริ่มตั้งแต่หมวกไหมพรม ถุงมือ ผ้าพันคอวูล เสื้อกันหนาวชนิดบุขนเป็ดหรือใยสังเคราะห์
(อยากให้เลือกขนเป็ดเพราะมันอุ่นกว่าเยอะครับ)
เสื้อตัวในและกางเกงลองจอนแบบ Heat tech ย้ำว่าสำคัญมาก ความร้อนในร่างกายของเรา
จะไม่ไหลออกจากตัวเรา ชุดพวกนี้จะทำให้เราเดินลุยหิมะได้นานครับ
สำคัญที่สุดอีกอย่างคือรองเท้า พื้นต้องมีดอกยางหนานิดนึง และถ้าลมไม่แรงนัก ติดร่มไปกางกันหิมะสักคันก็ดี
การจองโรงแรม ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1เดือน สำหรับหน้าหนาว บางเมืองที่เป็นเมืองเล่นสกีอาจต้องจองนานกว่านี้ ที่พักมักจะเต็ม
การซื้อบัตร PASS ต่างๆ เช่น JR Pass , JR East Pass ควรซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายในไทย ราคาจะถูกกว่าซื้อที่ญี่ปุ่น
เมื่อซื้อได้แล้วก็นำใบ Exchange Order มาแลกที่เคาน์เตอร์สนามบิน เพื่อออกใบจริงไปใช้งาน
จากนั้นก็วางแผนการเดินทางต่อได้เลย ว่าเราจะไปไหนบ้าง
สำหรับทริป Tohoku นี้ เราเดินทางตั้งแต่ 17-24 ม.ค. 2562 กินเวลาทั้งหมด 8 วัน
โดยอยู่ใน Tohoku 5 วัน แล้วกลับมา Tokyo 3 วัน
อ้อ แล้วอย่าลืมเช่ากล่อง Wifi หรือซื้อซิมมาใช้บริการด้วย เดี๋ยวจะขาดการติดต่อกับคนอื่นๆ จ้า
ตั๋วเครื่องบินเราซื้อกระชั้นมาก ซื้อปลายเดือน พ.ย. 61 เลือกใช้สายการของ นกสกู๊ต ชั้น Scootbiz ได้มาในราคา 8900 บาท ฟังไม่ผิดหรอกจ้ะ
หน้าหนาวคนเดินทางไม่เต็มลำ ราคาก็จะถูกกว่าหน้าอื่นๆหน่อย
ข้อดีของ Scootbiz คือ เวลาCheck in ได้เข้าช่องพิเศษของ Scootbiz ไม่ต้องไปต่อแถวยาว
โหลดน้ำหนักกระเป๋าใต้ท้องเครื่องบินได้ถึง30 กิโลกรัม
เอาสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 2 ใบ น้ำหนักรวมกัน 15 กิโลกรัม
เวลา Boarding ได้ขึ้นเครื่องก่อนคลาสอื่นๆ
ฟรีอาหาร 1มื้อ บนเครื่อง
เก้าอี้ใหญ่นั่งสบายขึ้น ปรับเอนได้มากขึ้น
แต่ช้าก่อน ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อเสียเลยนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
อย่างแรกคือเก้าอี้ใหญ่ก็จริง แต่เอนได้ไม่สุดนะครับ เป็นเบาะหนังสีดำ
แถวนั่งริมหน้าต่างจะสบายกว่าครับ เพราะมีเก้าอี้ให้นั่งแค่สองตัว
เราได้นั่งริมหน้าต่างครับ พร้อมเอาหนังสือ Tohoku มาอ่านเล่นพลางๆ มีปุ่มปรับระดับการเอนทางซ้าย และปุ่มเรียกแอร์สาวสวยครับ
พอเครื่องออกตอนเกือบตีสาม แอร์สาวสวยมานั่งกับพื้นถามเราว่า จะรับอาหารเลยมั้ยคะ เราตอบว่าขอนอนก่อนครับ เดี๋ยวไว้รับตอนเช้า
ก่อนที่เครื่องจะลงครับ ซึ่งชั้น Economy ที่เราเคยนั่งมาก่อน นางจะไม่นั่งกับพื้น แต่อาหารนี่สิ ทำไมถึงเลือกไม่ได้ มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง
สักพักนางก็หยิบใบตรวจคนเข้าเมืองมาให้เรากรอก กรอกตามความเป็นจริงทุกอย่าง แล้วยื่นให้ตม. ญี่ปุ่นตอนเข้าไป
หลับไปได้ 4 ชั่วโมง นางก็เอาข้าวหมกแกงผักอินเดียมาเสริฟ ยังดีที่เราเคยไปเที่ยวเมืองภารตะเลยกินเป็น แต่รสชาติโดยรวมไม่อร่อยฮะ
ชั้น Scootbiz จะอยู่ส่วนหน้าสุดของเครื่อง มีม่านกั้นเป็นสัดส่วน เงียบสบายเป็นส่วนตัวมาก มีทั้งหมด 24 ที่นั่ง แต่ขาไป มีคนนั่งแค่ 8ที่เองครับ
ส่วนเก้าอี้หลังสีเหลืองนั่น เป็นโซนเงียบ และสำหรับคนที่จองแบบนอนพาดเก้าอี้ หรือตั๋วที่จองไว้แล้วระบุว่า ขอที่นั่งว่างๆ ด้านข้าง
ก็จะสามารถนอนได้ แบบที่เห็นขาคนโผล่มาแหละครับ แต่แน่นอน เวลาจองคุณก็จะต้องจ่ายเพิ่มเช่นกัน โซนเหลืองคนน้อยกว่า Scootbiz อีก
อุ๊ย ตื่นเต้น เราได้เห็นแผ่นดินญี่ปุ่นแล้ว หลังจากนั่งเครื่องมานานกว่า 6ชั่วโมง หลับไป4ชั่วโมงเต็ม
เรามาถึงเขตจังหวัดชิบะแล้ว สนามบินที่เราจะไปลงคือนาริตะ (Narita International Airport)
Narita International Airport สนามบินกว้างใหญ่มาก เรามาถึงตอนสิบโมงกว่าๆ ตามเวลาท้องถิ่น
อีกสักพักเครื่องของเราจะไปเทียบงวงแล้ว
เราเดินออกจากงวงที่1 ที่เขากันเอาไว้เฉพาะ Scootbiz และโซนพิเศษ
ไว้เที่ยวหน้าเราจะลองบินสายการบินแห่งชาติบ้างนะ
เที่ยวบินนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนไทย มากับทัวร์สองกลุ่มใหญ่ๆ อัดกันมาช่วงท้ายลำ
แล้วเราก็ออกมารับกระเป๋าที่สายพานกัน เครื่องลำใหญ่รอนานนิดนึง
ลากกระเป๋ามา ถ้าใครคิดว่ายังแลกเงินมาไม่พอ มาแลกเพิ่มที่นี่ได้ เดี๋ยวเราจะไปต่อรถไฟกันแล้ว
รถไฟเข้าเมืองจะอยู่ด้านล่างครับ
มีเอกสารให้หยิบด้วย เผื่อเป็นไอเดียในการท่องเที่ยว ให้เลือกหยิบเฉพาะที่ที่เราอยากจะไป บางเล่มมีภาษาอังกฤษด้วย
เราเอาใบ Exchange Order ที่ซื้อกับ HIS มาแลกเป็นตั๋ว JR East Pass ที่นี่ ข้างในคนเยอะพอสมควรเลย
ฝั่งขวาคือตั๋วที่เรานำจากเมืองไทยมาแลก ต้องprint มาเท่านั้น ฝั่งขวาคือบัตรพาสของจริง มีอายุ5 วัน สามารถเลือกใช้งานวันไหนก็ได้
ไม่จำเป็นว่าต้องใช้ทุกวัน โดย JR EAST PASS จะครอบคลุมภูมิภาค Tohoku ทั้งหมด สนนราคา 17000 เยน
https://www.histours.co.th/jr-pass
บัตรพาสใบนี้ครอบคลุมพื้นที่ไหนบ้าง ดูเอาตามแผนที่เลยจ้า
ขยายให้ดูใกล้ๆ อีกครั้งว่าบัตรนี้ครอบคลุมโตเกียว เมืองสกีหิมะกาลายูซาว่า และภาคเหนือของเกาะฮอนชูทั้งหมด
เราเดินไปไหนก็ไม่หลง มีแผนที่บอกทางทุกจุดในสนามบินนาริตะ
พอเราได้บัตร JR EAST PASS มาแล้ว เราก็จองตั๋ว Narita Express สำหรับเข้าเมืองโตเกียวต่อเลย และนี่คือรอบรถที่เราขึ้น
เอาล่ะได้เวลาไปเบ่งบัตรพาสกันแล้ว ลากกระเป๋าต่อไม่รอนะจ๊ะ
ภายในรถ Narita Express กระเป๋าลากใบใหญ่แนะนำให้ล็อคไว้ตรงท้ายขบวน แล้วสะพายเป้เข้ามานั่งจะสบายกว่าเยอะ
บ้านเรือนคนญี่ปุ่นสองข้างทางในเขตจังหวัดชิบะ
ฮร่า มี Wifi ให้เล่นในรถด้วยสิ ระยะห่างจากเก้าอี้ไม่อึดอัดนั่งสบาย รถใช้เวลา 45 นาที ถึงสถานีโตเกียว อากาศที่โตเกียววันนั้น 6องศา
แล้วเราก็ไปต่อรถที่สถานีโตเกียว Tokyo Station เพื่อต่อรถ Shinkansen ไปเมืองเซนได
ตรงจุดต่อรถนี้ เจ้าหน้าที่จองตั๋วให้เราเวลากระชั้นชิดมาก ทำให้เวลาในการย้ายชานชาลาเหลือแค่10 นาที
เราก็มือใหม่หัดเที่ยว มองหาชานชาลาจนงง รีบก็รีบเดิน เดินเร็วสู้คนญี่ปุ่นไม่ได้
วิ่งลากกระเป๋ามาขึ้นชินคันเซนได้ทันเวลาพอดี
อ้อ รถไฟที่ญี่ปุ่นตรงเวลาเป๊ะเว่อร์ พลาดแค่ไปนาทีเดียว คุณก็ต้องรอขึ้นขบวนถัดไป
บ้านเรือนในจังหวัดฟุคุชิม่า (Fukushima) จากโตเกียวไปเซนได ใช้เวลาเดินทาง 2ชั่วโมงเป๊ะ
พื้นที่ส่วนใหญ่ทางภาคเหนือของญี่ปุ่นจะทำการเกษตรครับ เราจะเห็นทุ่งนาแบบนี้เยอะมากตลอดทาง
ขบวนที่เรานั่งเป็นขบวนรถสีชมพู วิ่งไปจังหวัดอะคิตะ (Akita)
เพิ่งสังเกตว่ารถที่เรานั่งไปมีสองขบวนใหญ่ ขบวนสีชมพูไป Akita ขบวนสีเขียวขึ้นไปเมือง Hakodate
ดังนั้นจะนั่งไปลงไหน เลือกตู้ให้ถูกนะ เพราะสองขบวนนี้จะต้องแยกทางกัน ณ สถานีหนึ่ง
แล้วถ้านั่งไปไหนไกลๆ แนะนำให้เจ้าหน้าที่จองตั๋วแบบ Reserved-seat ให้ด้วย เราจะได้ไม่ต้องยืนไปตลอดทาง
เผื่อว่าไปเที่ยวตรงกับช่สงเทศกาล จองได้จองไปก่อนเลย
รถไฟสองขบวนต่อกันง่ายๆ แบบนี้เลย ขอไปส่องหน่อยนะ
แล้วเราก็มาถึงสถานีปลายทาง สถานีเซนได (Sendai Station) จนได้
สถานีนี้เป็นสถานีชุมทางต่อรถไปเมืองต่างๆ เยอะมาก เราเลือกพักที่นี่สองคืน เพื่อไปเที่ยวยังเมืองต่างๆ ในภูมิภาค Tohoku
Tohoku โทโฮคุ แปลตรงตัวเลยคือ ตะวันออกเฉียงเหนือ
โซนนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่ได้ popular เหมือนโซน Kanto Kansai ทางใต้
หรือโซนบนอย่างฮอกไกโด ที่คนนิยมไปเที่ยวมากกว่า มีสายการบินบินตรง
ส่วนโซนโทโฮคุ ยังมีคนไทยไปเที่ยวน้อยมากครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้