แชร์ประสบการณ์ : Road Trip Tohoku

กระทู้สนทนา

บันทึกนักเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ นักท่องเที่ยว เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ

กระทู้นี้เป็นกระทู้พันทิพย์กระทู้ท่องเที่ยว กระทู้เเรกเลยจ้า และเป็น Road Trip ครั้งเเรก กับภูมิภาคโทโฮคุ ถ้าพูดถึงโทโฮคุ หลายคนคงไม่รู้จักแต่ถ้าพูดถึงเซนได ก็คงร้องอ๋อ กันใช่ไหมละคะ ขอเล่าก่อนเลยว่า โทโฮคุ เป็นภูมิภาคหนึ่งที่อยู่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย 6 จังหวัด ได้แก่อะโอโมริ อะคิตะ อิวะเตะ มิยะงิ ยะมะงะตะ และฟุคุชิมะ ภูมิภาคนี้มีอะไรให้เที่ยวสวยๆมากมายแต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และใครเป็นพวกสายธรรมชาติต้องห้ามพลาด โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ขอบอกเลยว่าให้คะแนน 10/10

ทริปนี้เราจะเริ่มตั้งแต่เดินทางจากเมืองไทย การเช่ารถ การตระเวนขับรถไปตามสถานที่แนะนำต่างๆจนจบทริปเลย เริ่มจากการที่บินมาจาก กรุงเทพ ในทริปนี้เราลงที่สนามบินนาริตะ จองล่วงหน้าราคาก็ไม่แรงมาก แล้วก็ไปต่อเครื่องเพื่อไปสนามบินเซนได โดยสายการบิน ANA แต่จะบอกเลยว่าประเทศญี่ปุ่นต่อให้เป็นเครือเดียวกัน เช่น ONE World Star Alliance จะสายการบินเดียวกัน ต้องออกมาแล้วเอากระเป๋าไปเช็คอินใหม่อยู่ดี เพราะเป็นกฎของญี่ปุ่น แต่สนามบินญี่ปุ่นวางผัง Terminal ไว้ดี เดินแค่แป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว บินไฟลท์ดึก ถึงเช้า บินต่อไปลง ”เซนได”

ขอบอกอีกอย่างว่า ตอนนี้มีไฟลท์บินไปลงเซนไดแล้วนะ พอถึงสนามบินเซนไดผ่าน ตม.แล้วเราก็ออกมาเลย รับกระเป๋า เดินออกมาก็เจอที่เช่ารถเลยจ้า ในครั้งนี้เราเลือกเช่ารถของ Toyota เพราะเห็นมีโปรโมชั่นดีเลยเช่าเมืองนี้ ไปคืนรถอีกเมืองหนึ่งได้ เลย อย่างในทริปนี้ เช่าที่สนามบินเซนได คืนที่สนามบินนาริตะ หรือจะเลือกจองล่วงหน้า ที่ https://rent.toyota.co.jp/ มีทั้งภาษาไทย อังกฤษ จีนและญี่ปุ่นไปเลยจ้า พอเราเลือกเสร็จ เจ้าหน้าที่จะ เรียกรถมารับที่ประตูทางออกสนามบิน เพื่อไปจุดรับรถของ Toyota ตรงนี้เราใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็เสร็จแล้ว

หน้าเคาเตอร์จะเป็นแบบนี้ ที่จุดเช่ารถของ Toyota เขาก็จะมีแผ่นกระดาษเป็นรุ่นรถแต่ละแบบให้เราดู หรือเลือกมาจากในเว็บข้างบนก็ได้นะ

เราเลือกรถรุ่นถูกสุดเลยก็ได้สบายๆประหยัดๆ ราคาต่อวันแค่วันละ 7,560 เยน หรือประมาณวันละ 2,000 นิดๆ

3 วันก็อยู่ที่ 22,680 เยนเงินไทยก็ประมาณ 6,000 กว่าบาท

การขับรถที่นี่ก็พวงมาลัยขวาเหมือนที่ไทย น้ำมันก็เติมตามรุ่นตามรถที่เขาแจ้งเลย จะมีบัตรทางด่วนให้เช่าด้วย (แนะนำให้เช่าครับเหมือน Easy Pass บ้านเรา) มันสะดวกมากๆ ใครไม่เช่าก็ได้ก็ขับเข้าช่องจ่ายเงินปรกติ รับบัตรและเอามาจ่ายปลายทาง เขาจะสอนการใช้ GPS ที่ติดกับรถด้วยครับ (มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย...ไม่ต้องตกใจ) GPS ที่นี่อยากไปไหนแค่ Search หาเบอร์โทรศัพท์ของที่นั้นๆ เลือกฟังก์ชั่นใส่เบอร์โทร เเล้วขับตามอย่างเดียวจ้า

หน้าตาจอ GPS บนรถ

หน้าตาบัตรทางด่วนที่รับบัตรและเอามาจ่ายปลายทาง

วันแรกไปถึงก็เที่ยงแล้ว ทริปนี้ตั้งใจเลยครับ มาเซนไดจะต้องนอนโรงแรมออนเซนทุกคืนให้ได้ ดังนั้นเเล้วเราก็ต้องเลือกโรงแรมไว้เลย แต่ต้องเลือกตามเส้นทางที่เราเดินทางนะ อย่าย้อนไปย้อนมา มันเหนื่อย วันแรกยังไม่อัดโปรแกรมเเน่นมาก ที่เเรกก็เลยเเวะไปดูน้องจิ้งจอก ที่ Fox Village ขับไปประมาณไม่กี่นาที ก็ถึงละ ลุยเข้าไปดูกันเลย เคยมาครั้งนึงตอนหน้าหนาว จิ้งจอกจะตัวอ้วนมากและซ่ามากๆ แต่ตอนนี้ที่มาไม่หนาวมาก น้องจิ้งจอกแอบดุนิดๆแต่ไม่กัด เขาจะอธิบายก่อนเข้าว่าห้ามทำอะไร สิ่งที่ห้าม ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนงับ555+ ตัวจะไม่อ้วนมากสงสัยจะร้อน เลยผอมลงไปเยอะ ก็เลยเอามาให้ดูทั้ง 2 ฤดูเลย

หิมะตก ก็จะฟูๆแบบนี้

อากาศร้อนๆ ก็เหี่ยวหน่อย

มีวีดีโอด้วย ช่วงหน้าหนาวมาแล้วเจอตอนเค้าให้อาหารพอดี มันวิ่งมาเป็นร้อยๆตัว เป็นเหมือนพายุหมุน บางช่วงจะมีให้อุ้มด้วยนะ

แล้วแต่ฟาร์มเลย เราอยู่ถ่ายรูปให้เต็มที่ให้จุใจกับน้องจอก

คืนแรกเราเลือกโรงแรมชื่อ Matsushima Ichinobo เป็นโรงแรมใหญ่ เป็นเรียวกัง ออนเซ็นเลย พิกัด :1-4.Takagi aza Hama,Matsushima-machi,Miyagi-gun,Miyagi 981-0215 เบอร์ติดต่อ : 81-570-050-240 web : https://www.ichinobo.com/matsushima

ออนเซนที่นี่มีหลายที่มาก หลายจุด ไปแช่ให้ครบนะ เพื่อความครบถ้วน ที่แนะนำจะคือ outdoor เพราะมันติดแม่น้ำ สวยมากมายเลย และได้บรรยากาศสุดๆไปเลย ดีอย่าบอกใคร ห้องนอนสะอาดมาก เป็นโรงแรมเก่าแก่มากแต่ห้องยังงดงาม เมื่อจบกิจกรรมถึงเวลานอนๆจะได้มีแรง หรือใครฟิตก็จัดเต็มเครื่องดื่ม+ไปแช่ออนเซนอีกรอบได้เต็มที่

ตื่นเช้ามาก็ไปกินข้าวที่ห้องอาหาร อาหารดีเลยมีให้เลือกครบทุกแบบ ข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอน โอโทโร่สับ ราเมง สลัดอะไรมีครบหมด จัดให้เต็มท้องพร้อมลุย สถานที่แรกเริ่มกันที่สวนสาธารณะเค้าบอกว่าดอกไม้สวยมาก ชื่อ MICHINOKU PARK มีน้ำตก มีลาเวนเดอร์ เอาเป็นว่าใครไปได้ครบทุกดอกไม้เลย

บัตรเข้าสวนหน้าตาแบบนี้นะ คนละ 450 เยน

วันที่ไปคนน้อยมาก เลยได้ภาพแบบไม่มีคนเลย มีสะพานไม้โบราณที่ Classic สุดๆ สวนนี้มันถูกออกแบบมาเหมือนเป็นที่จอดยานอวกาศ มีแบบก้อนหินเป็นสัญลักษณ์แบบให้ต่างดาวรู้ คล้ายๆ Stonehenge ที่อังกฤษเลย ที่นี่สงบมากๆ ใครอยากพัก ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ได้นะ แต่ต้องทำเวลากันหน่อยเดี๋ยวเก็บสถานที่ไม่ครบ

สะพานไม้โบราณที่ Classic สุดๆ

สถานที่ต่อไปเขาบอกกันมาว่ามันเป็นต้นไม้ที่เหมือนตัวการ์ตูนภูตน้อย TOTORO ก็เลยต้องไปดูซะหน่อย เป็นต้นไม้เหมือนการ์ตูนชื่อดัง คนญี่ปุ่นนี่ก็เก่งจริงๆ ทำอะไรให้มี Story ได้ขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อ นับถือเขาจริงๆครับ ไปถึงก็เจอนี่ละครับ เป็นต้นไม้ ต้นเดียว!! ย้ำนะว่าต้นเดียว ต้นนี้มีชื่อว่า "TOTORO 'S WOODS"

ลอง Search ดูข้อมูล เอ้ยมันมี 2 ต้นนี่หว่าที่เป็นแบบนี้ ต้นนึงอ้วนๆหน่อย ต้นนึงจะหูใหญ่ๆแหลมๆ และชื่อคนละชื่อกันไปสิรออะไร ซึ่งทั้ง 2 ที่ก็อยู่ไกลกันพอสมควรประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ

ภาพล่างก็คือต้นที่มีชื่อว่า "THE TOTORO TREE" ต้น TOTORO อีกต้นที่หน้าตาคล้ายกันมาก

ใครชอบภาพแบบนี้ก็ลุยมันไป 2 ที่เลยจ้า จะได้สุดๆไปเลย ระหว่างทางก็แวะสวนผลไม้ สวนเชอรี่ สวนลูกท้อ สวนแอปเปิ้ล มีให้เก็บเยอะมากๆ บางที่ก็เก็บกินได้เลย ไม่ต้องพูดถึงรสชาติ อร่อยเหาะไปเลย พอจบก็เริ่มบ่ายแก่ๆแล้ว พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

สวนผลไม้ข้างทางก็สวยแบบนี้แหละ

ในบางสวนก็จะมีที่ขายของที่ระลึกแบบนี้เลย

โรงแรมที่จองคืนนี้ก็จะบ้านๆ นิดนึง ชื่อว่า Sakaeya Hotel ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ Tel :023-653-3151 แต่ว่ามันอยู่ในเส้นทางที่ควรจะต้องพักตรงนี้ เลยจัดที่นี่

ป้ายทางเข้าโรงแรม

ในห้องนอนจะเป็นที่นอนกับพื้นแบบนี้เลย

ออนเซ็นของที่นี้

อาหารเป็นชุดไคเซกิ อร่อยมาก แต่ทริปนี้เราไปกันหลายคนเลยไปกันก๊วนใหญ่ก็จองห้องใหญ่ กินด้วยกันไปเลย ออนเซนที่นี่ indoor จะเป็นที่แช่ธรรมดาๆ หน่อยเหมือนสระน้ำ แต่ชั้นบนเป็น Outdoor อันนี้สวยงามเลยหากใครถึงตอนสว่างอยู่ก็จะเห็นวิว แต่ถ้ามืดแล้วไม่เห็นวิวบรรยากาศก็ได้อยู่นะ

เช้าวันต่อมา เราออกไม่เร็วมาก ราวๆ 10.00 น. เน้นเที่ยวชิวๆจ้า ไม่ต้องรีบบบ ที่ต่อไปคือวัดยามาเดระ(Yamadera Temple) ตั้งพิกัดรหัส GPS โดยใช้ 023-695-2002 ซึ่งคำว่า ยามะ แปลว่า ภูเขา เดระ แปลว่า วัด ดังนั้นก็คือ วัดภูเขานั่นเอง

ทางขึ้นวัดจ้าก็จะดูชันๆหน่อย

ที่วัดนี้เราต้องเดินขึ้นไปชั้นบนสุด แอบโหดนะ เตรียมรองเท้าดีหน่อยนะไม่งั้นไม่ไหวแน่ๆ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบและ ยืดขาก่อนขึ้นนะ ถ้าจะขึ้นไปบนสุดต้องขึ้นบันไดราวพันกว่าขั้นนะครับ(มีค่าขึ้น 300 เยน) ไม่หมูนะบอกเลย แต่ว่าควรขึ้นเพราะสวยมากๆ มีภาพและ VDO มาให้ดูเป็นน้ำจิ้ม