เกษตรกรไร่มันโอด ปุ๋ยแพงผลผลิตตกต่ำเสี่ยงขาดทุน
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/165976
เกษตรกรชาวไร่มันที่กาฬสินธุ์ โอดครวญปุ๋ยเคมีราคาสูงถุงละ 1,300 บาท ประกอบกับสภาพอากาศที่เริ่มแห้งแล้ง ดินเสื่อมโทรม ได้ผลผลิตต่ำ ถึงแม้ราคารับซื้อหัวมันสำปะหลังจะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และสูงกว่าราคาเกณฑ์กลางตันละ 2,600 บาท โดยขายได้ตันละ 2,700-2,800 บาท แต่ก็เสี่ยงขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงไร่ละ 5,000 บาท วอนรัฐบาลควบคุมราคาปุ๋ย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 ก.พ. 2565 จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวผลผลิตหัวมันสำปะหลังสด ของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ พื้นที่หลายอำเภอ ซึ่งอยู่ในช่วงทำการเก็บเกี่ยวและนำผลผลิตออกสู่ตลาด พบว่ากำลังลงมือเก็บเกี่ยวกันอย่างคึกคัก จากการสอบถามทราบว่าราคารับซื้อผลผลิตปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา และสูงกว่าราคาที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ซึ่งกำหนดราคาหัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% กิโลกรัมละ 2.60 บาท หรือตันละ 2,600 บาท แต่แหล่งรับซื้อให้ราคาสูงกว่าราคาเกณฑ์กลาง กิโลกรัมละ 2.70-2.80 บาท หรือตันละ 2,700-2,800 บาท
นาง
วันกล่าวอีกว่า หากปีใดประสบกับสภาพดินฟ้าอากาศแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วงติดต่อกันหลายเดือน ประกอบกับดินเสื่อมโทรม และปุ๋ยเคมีที่จะซื้อมาบำรุงราคาแพง ชาวไร่ที่มีเงินทุนน้อยจึงให้ปุ๋ยไม่เต็มที่ มันสำปะหลังจึงแคระแกร็น ไม่เติบโตและสร้างหัวสะสมแป้งเท่าที่ควร ก็จะประสบปัญหาขาดทุน เพราะได้ผลผลิตต่ำ สำหรับตนถึงแม้จะเสี่ยงขาดทุน ก็ยังจะประกอบอาชีพปลูกมันสำปะหลังต่อไป เพราะเป็นอาชีพ คิดเสียว่าจำนวนเงินที่ลงทุนไปในไร่มันเป็นเงินฝาก รอลุ้นขุดหัวมันสดไปขายเผื่อมีกำไร
“ถึงแม้ราคาขายหัวมันสำปะหลังปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งพอจะทำให้ชาวไร่มันมีกำไรบ้าง แต่ก็ส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ขาดทุน เนื่องจากมีการจ้างแรงงานและใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการผลิตและเก็บเกี่ยว เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา แต่ที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุดคือปุ๋ยเคมีราคาแพง ทำให้ชาวไร่มันแบกรับไม่ไหว แม้จะขายหัวมันสดได้ราคาค่อนข้างดี แต่ในเมื่อปุ๋ยเคมีแพงก็แทบจะไม่มีกำไร จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมราคาปุ๋ยเคมีตามท้องตลาดด้วย เพื่อต้นทุนการปลูกมันสำปะหลังจะลดลง และเป็นแนวทางช่วยชาวไร่มันได้มีกำไรบ้าง”
ม็อบรถบรรทุกมาแล้วไล่รมว.พลังงงาน
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_288308/
ม็อบรถบรรทุกรวมตัวหน้ากระทรวงพลังงาน เรียกร้องราคาน้ำมันดีเซล 25 บาทต่อลิตร พร้อมขับไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
บรรยากาศล่าสุดที่ด้านหน้ากระทรวงพลังงานกลุ่มรถบรรทุกได้รวมตัวกันพร้อมกับตั้งเวทีชั่วคราว ภายในซอยวิภาวดีรังสิตซอย 11 ทั้งนี้จะมีการปราศรัยโดยแกนนำในเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันนี้ โดยตัวแทนกลุ่มรถบรรทุกกลุ่มแรกได้เดินทางมาตั้งแต่เวลา 04.00 น. ของวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร และขับไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ขณะที่ด้านการจราจรยังคงสามารถใช้การได้ปกติ บนถนนวิภาวดีทั้งขาออกและขาเข้าโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาขณะที่สถานการณ์ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
แรงงานรอลุ้น!! จ่อปรับค่าแรงขั้นต่ำ 492 บาท ทั่วประเทศ
https://www.nationtv.tv/news/378863159
คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ชงรัฐบาลปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 492 บาท กระทรวงแรงงานรอความชัดเจนการเคาะตัวเลยก่อนปรับ คาดให้อัตราเดียวกันทั่วประเทศและปรับขึ้นอัตโนมัติทุกปี
8 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เร่งดำเนินการปัญหาค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง และรายได้น้อย ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ในกลุ่มแรงงานที่ยังได้รับ "
ค่าแรงขั้นต่ำ" ในอัตราเดิม
ล่าสุด คสรท. และ สรส. ได้เข้าหารือกับ นาย
สุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นข้อเสนอให้ รัฐบาล ประกาศปรับค่าจ้าง ให้แก่ลูกจ้างเป็นอัตรา 492 บาท เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายรายวันที่เป็นค่าอาหาร 3 มื้อ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ประกอบด้วย ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าเลี้ยงดูครอบครัว บุพการี
ทั้งนี้ การเสนอปรับ “
ค่าแรงขั้นต่ำ” ให้เท่ากันทั้งประเทศ จากการหารือกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยเบื้องต้นมีข้อสรุป ดังนี้
1. เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำมีการยืนยันว่าปรับแน่ แต่ตัวเลขจะเป็น 492 บาทตามที่ คสรท. เสนอหรือไม่นั้น หรือเป็นเท่าไหร่ยังตอบไม่ได้ แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด
2. สำหรับเรื่องการทำให้ “
ค่าแรงขั้นต่ำ” เท่ากันทั้งประเทศ จะพยายามไปหาแนวทาง และจะมีการสั่งตั้งคณะ
อัตรา ค่าแรงขั้นต่ำ” ของไทยแบ่งตามพื้นที่จังหวัด โดยเป็นการปรับล่าสุด ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 มีรายละเอียดดังนี้..
○ อัตราค่าจ้าง 336 บาท มีจำนวน 2 จังหวัด ประกอบด้วย
ชลบุรี ภูเก็ต
○ อัตราค่าจ้าง 335 บาท มีจำนวน 1 จังหวัด ประกอบด้วย
ระยอง
○ อัตราค่าจ้าง 331 บาท มีจำนวน 6 จังหวัด ประกอบด้วย
กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร
○ อัตราค่าจ้าง 330 บาท มีจำนวน 1 จังหวัด ประกอบด้วย
ฉะเชิงเทรา
○ อัตราค่าจ้าง 325 บาท มีจำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย
กระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา พังงา ลพบุรี สงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย อุบลราชธานี
○ อัตราค่าจ้าง 324 บาท มีจำนวน 1 จังหวัด ประกอบด้วย
ปราจีนบุรี
○ อัตราค่าจ้าง 320 บาท มีจำนวน 21 จังหวัด ประกอบด้วย
กาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ พะเยา ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี อุตรดิตถ์
○ อัตราค่าจ้าง 323 บาท มีจำนวน 6 จังหวัด ประกอบด้วย
กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก มุกดาหาร สกลนคร สมุทรสงคราม
○ อัตราค่าจ้าง 315 บาท มีจำนวน 22 จังหวัด ประกอบด้วย
กําแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลําปาง ลําพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวลําภู อุทัยธานี อํานาจเจริญ
○ อัตราค่าจ้าง 313 บาท มีจำนวน 3 จังหวัด ประกอบด้วย
นราธิวาส ปัตตานี ยะลา
JJNY : เกษตรกรไร่มันโอด ปุ๋ยแพง│ม็อบรถบรรทุกมาแล้ว│แรงงานรอลุ้น!!ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 492 บ.│เปิดเบื้องลึก ‘ภท.’ ลาประชุม
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/165976
เกษตรกรชาวไร่มันที่กาฬสินธุ์ โอดครวญปุ๋ยเคมีราคาสูงถุงละ 1,300 บาท ประกอบกับสภาพอากาศที่เริ่มแห้งแล้ง ดินเสื่อมโทรม ได้ผลผลิตต่ำ ถึงแม้ราคารับซื้อหัวมันสำปะหลังจะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และสูงกว่าราคาเกณฑ์กลางตันละ 2,600 บาท โดยขายได้ตันละ 2,700-2,800 บาท แต่ก็เสี่ยงขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงไร่ละ 5,000 บาท วอนรัฐบาลควบคุมราคาปุ๋ย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 ก.พ. 2565 จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวผลผลิตหัวมันสำปะหลังสด ของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ พื้นที่หลายอำเภอ ซึ่งอยู่ในช่วงทำการเก็บเกี่ยวและนำผลผลิตออกสู่ตลาด พบว่ากำลังลงมือเก็บเกี่ยวกันอย่างคึกคัก จากการสอบถามทราบว่าราคารับซื้อผลผลิตปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา และสูงกว่าราคาที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ซึ่งกำหนดราคาหัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% กิโลกรัมละ 2.60 บาท หรือตันละ 2,600 บาท แต่แหล่งรับซื้อให้ราคาสูงกว่าราคาเกณฑ์กลาง กิโลกรัมละ 2.70-2.80 บาท หรือตันละ 2,700-2,800 บาท
นางวันกล่าวอีกว่า หากปีใดประสบกับสภาพดินฟ้าอากาศแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วงติดต่อกันหลายเดือน ประกอบกับดินเสื่อมโทรม และปุ๋ยเคมีที่จะซื้อมาบำรุงราคาแพง ชาวไร่ที่มีเงินทุนน้อยจึงให้ปุ๋ยไม่เต็มที่ มันสำปะหลังจึงแคระแกร็น ไม่เติบโตและสร้างหัวสะสมแป้งเท่าที่ควร ก็จะประสบปัญหาขาดทุน เพราะได้ผลผลิตต่ำ สำหรับตนถึงแม้จะเสี่ยงขาดทุน ก็ยังจะประกอบอาชีพปลูกมันสำปะหลังต่อไป เพราะเป็นอาชีพ คิดเสียว่าจำนวนเงินที่ลงทุนไปในไร่มันเป็นเงินฝาก รอลุ้นขุดหัวมันสดไปขายเผื่อมีกำไร
“ถึงแม้ราคาขายหัวมันสำปะหลังปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งพอจะทำให้ชาวไร่มันมีกำไรบ้าง แต่ก็ส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ขาดทุน เนื่องจากมีการจ้างแรงงานและใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการผลิตและเก็บเกี่ยว เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา แต่ที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุดคือปุ๋ยเคมีราคาแพง ทำให้ชาวไร่มันแบกรับไม่ไหว แม้จะขายหัวมันสดได้ราคาค่อนข้างดี แต่ในเมื่อปุ๋ยเคมีแพงก็แทบจะไม่มีกำไร จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลควบคุมราคาปุ๋ยเคมีตามท้องตลาดด้วย เพื่อต้นทุนการปลูกมันสำปะหลังจะลดลง และเป็นแนวทางช่วยชาวไร่มันได้มีกำไรบ้าง”
ม็อบรถบรรทุกมาแล้วไล่รมว.พลังงงาน
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_288308/
ม็อบรถบรรทุกรวมตัวหน้ากระทรวงพลังงาน เรียกร้องราคาน้ำมันดีเซล 25 บาทต่อลิตร พร้อมขับไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
บรรยากาศล่าสุดที่ด้านหน้ากระทรวงพลังงานกลุ่มรถบรรทุกได้รวมตัวกันพร้อมกับตั้งเวทีชั่วคราว ภายในซอยวิภาวดีรังสิตซอย 11 ทั้งนี้จะมีการปราศรัยโดยแกนนำในเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันนี้ โดยตัวแทนกลุ่มรถบรรทุกกลุ่มแรกได้เดินทางมาตั้งแต่เวลา 04.00 น. ของวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร และขับไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
ขณะที่ด้านการจราจรยังคงสามารถใช้การได้ปกติ บนถนนวิภาวดีทั้งขาออกและขาเข้าโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาขณะที่สถานการณ์ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
แรงงานรอลุ้น!! จ่อปรับค่าแรงขั้นต่ำ 492 บาท ทั่วประเทศ
https://www.nationtv.tv/news/378863159
คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ชงรัฐบาลปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 492 บาท กระทรวงแรงงานรอความชัดเจนการเคาะตัวเลยก่อนปรับ คาดให้อัตราเดียวกันทั่วประเทศและปรับขึ้นอัตโนมัติทุกปี
8 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เร่งดำเนินการปัญหาค่าครองชีพ สินค้าราคาแพง และรายได้น้อย ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ในกลุ่มแรงงานที่ยังได้รับ "ค่าแรงขั้นต่ำ" ในอัตราเดิม
ล่าสุด คสรท. และ สรส. ได้เข้าหารือกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน เพื่อยื่นข้อเสนอให้ รัฐบาล ประกาศปรับค่าจ้าง ให้แก่ลูกจ้างเป็นอัตรา 492 บาท เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายรายวันที่เป็นค่าอาหาร 3 มื้อ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ประกอบด้วย ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าเลี้ยงดูครอบครัว บุพการี
ทั้งนี้ การเสนอปรับ “ค่าแรงขั้นต่ำ” ให้เท่ากันทั้งประเทศ จากการหารือกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน โดยเบื้องต้นมีข้อสรุป ดังนี้
1. เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำมีการยืนยันว่าปรับแน่ แต่ตัวเลขจะเป็น 492 บาทตามที่ คสรท. เสนอหรือไม่นั้น หรือเป็นเท่าไหร่ยังตอบไม่ได้ แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด
2. สำหรับเรื่องการทำให้ “ค่าแรงขั้นต่ำ” เท่ากันทั้งประเทศ จะพยายามไปหาแนวทาง และจะมีการสั่งตั้งคณะ
อัตรา ค่าแรงขั้นต่ำ” ของไทยแบ่งตามพื้นที่จังหวัด โดยเป็นการปรับล่าสุด ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 10) มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 มีรายละเอียดดังนี้..
○ อัตราค่าจ้าง 336 บาท มีจำนวน 2 จังหวัด ประกอบด้วย ชลบุรี ภูเก็ต
○ อัตราค่าจ้าง 335 บาท มีจำนวน 1 จังหวัด ประกอบด้วย ระยอง
○ อัตราค่าจ้าง 331 บาท มีจำนวน 6 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร
○ อัตราค่าจ้าง 330 บาท มีจำนวน 1 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา
○ อัตราค่าจ้าง 325 บาท มีจำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ตราด นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา พังงา ลพบุรี สงขลา สระบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย อุบลราชธานี
○ อัตราค่าจ้าง 324 บาท มีจำนวน 1 จังหวัด ประกอบด้วย ปราจีนบุรี
○ อัตราค่าจ้าง 320 บาท มีจำนวน 21 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี ชัยนาท นครพนม นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ พะเยา ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สระแก้ว สุรินทร์ อ่างทอง อุดรธานี อุตรดิตถ์
○ อัตราค่าจ้าง 323 บาท มีจำนวน 6 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ จันทบุรี นครนายก มุกดาหาร สกลนคร สมุทรสงคราม
○ อัตราค่าจ้าง 315 บาท มีจำนวน 22 จังหวัด ประกอบด้วย กําแพงเพชร ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครศรีธรรมราช พิจิตร แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลําปาง ลําพูน ศรีสะเกษ สตูล สิงห์บุรี สุโขทัย หนองบัวลําภู อุทัยธานี อํานาจเจริญ
○ อัตราค่าจ้าง 313 บาท มีจำนวน 3 จังหวัด ประกอบด้วย นราธิวาส ปัตตานี ยะลา