“ค้าปลีกค้าส่ง” โอดธุรกิจฝืด ต้นทุนพุ่ง-กำลังซื้อสะดุด-ยอดขายวูบ
https://www.prachachat.net/local-economy/news-855840
ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่ในภาคเหนือ-อีสาน โอดธุรกิจการค้าสถานการณ์แย่กว่าปีที่ผ่านมา สินค้าอุปโภคบริโภคราคาพุ่งหลังเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มและสินค้าในครัวเรือน ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัว ระบุสาเหตุราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปี’64 ทำต้นทุนสูง
นาง
อมร พุฒิพิริยะ ผู้บริหาร บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากจังหวัดเชียงราย หรือ TNP เปิดเผย “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การค้าของธนพิริยะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์สุดท้ายผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแต่กำลังซื้อส่วนตัวยังมีโครงการคนละครึ่งเข้ามาเสริมด้วย ประกอบกับการท่องเที่ยวในภาคเหนือที่มีความคึกคักมาก แม้ผู้คนจะกลัวโควิด-19 ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกและยังออกมาใช้ชีวิตกันอยู่ ทำให้ยอดขายในธุรกิจสะท้อนภาพเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดี
กระทั่งเมื่อผ่านพ้นช่วงเทศกาลปีใหม่ข้ามมายังปี 2565 เงินจากภาครัฐที่ผ่านโครงการประชารัฐและโครงการคนละครึ่งหายไป สองสัปดาห์ของปีแรกเริ่มเห็นภาพการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนชะลอตัวอย่างชัดเจน ในสัปดาห์ที่ 3 สถานการณ์จึงค่อยเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
โดยปี 2564 ธนพิริยะได้เปิดร้านขยายสาขาเพิ่มทั้งหมด 6 แห่ง ในพื้นที่เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และยังคงทำตลาดครอบคลุมในทั้ง 3 จังหวัดปัจจุบันธนพิริยะมีร้านสาขาทั้งหมด 38 สาขา ผลประกอบการถือว่าเติบโตขึ้นตามแผนที่ได้วางไว้ประมาณ 15-20% คาดว่าจะทราบตัวเลขที่แน่ชัดในเดือนกุมภาพันธ์นี้
“แม้กระแสเศรษฐกิจจะดูซบเซา แต่การทำให้ธุรกิจเติบโตได้อันดับแรกต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน ต้องดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ให้ได้ ถัดมาน่าจะเป็นโครงการของภาครัฐที่ช่วยสนับสนุนประมาณ 10% ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าและร้านค้าทุกกลุ่ม สุดท้ายคือสถานการณ์โควิด-19 ที่เข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายให้ซื้อของรวดเร็วมากขึ้น ร้านค้าที่ไหนใกล้ตัวก็ซื้อสินค้าที่นั่น ซื้อของเยอะขึ้นกว่าปกติ แต่ความถี่ในการซื้อลดน้อยลง”
นาง
อมรกล่าวว่า การฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจการค้าดีขึ้นในช่วงตรุษจีนและอาจจะดีช่วงวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ แต่ยังเทียบไม่ได้กับในอดีตตอนที่ยังไม่มีโรคระบาด เพราะการจัดงานหรือทำพิธีต่าง ๆ มักทำแบบกระชับ มีขนาดเล็กลงเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ฉะนั้นการซื้อสินค้าก็จะลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้นสูงก็มีส่วนที่ทำให้ผู้คนซื้อสินค้าน้อยลง โดยมีสัญญาณมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ราคาน้ำมันรถยนต์ปรับขึ้น ทำให้ต้นทุนของราคาสินค้าหลายชนิดปรับขึ้นเช่นกัน เฉลี่ย 7-10% โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มที่มีราคาพุ่งสูงและมีจำนวนจำกัด ซึ่งผู้ประกอบการก็ไม่กล้าซื้อกักตุนไว้แม้กำลังซื้อของผู้คนในภาพใหญ่ยังพอมี ทุกคนระวังตัวมากเพราะสถานการณ์ไม่แน่นอน
สำหรับธนพิริยะได้เตรียมแผนในปี 2565 ไว้ว่าจะขยายสาขาเพิ่มอีก 5-6 สาขา โดยยังเดินหน้าเน้นการขายผ่านออฟไลน์เป็นหลัก พร้อมมีแผนขายผ่านออนไลน์เพิ่มเข้ามาด้วยและได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว จะมีการประชุมใหญ่เพื่อศึกษาตลาดในเดือนเมษายนนี้
ด้านนาย
ประกิจ ไชยสงคราม ประธานกรรมการ บริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ของจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผย “
ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลประกอบการในปี 2564 ของยงสงวน ไตรมาสที่ 1 ยังคงได้รับอานิสงส์จากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รายละ 700-800 บาท ร้านค้าและประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการต่างเข้ามาใช้บริการกันอย่างคึกคัก อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นส่วนลดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 มียอดเติบโต 31.61% ในไตรมาสที่ 2 โครงการบัตรสวัสดิการหมดลง แต่การจับจ่ายซื้อของยังคงต่อเนื่อง เพราะการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดอุบลฯยังไม่รุนแรงมากนัก ส่งผลให้มียอดเติบโตที่ 13.76%
ไตรมาสที่ 3 สถานการณ์โควิด-19 ลุกลามจากกรุงเทพฯเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานีช่วงเดือนกรกฎาคมลูกค้าที่เคยมาใช้บริการลดไปอย่างมาก อัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3.68% มาถึงไตรมาส 4 มีเงินจากบัตรสวัสดิการมาช่วยแต่ก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนเพราะเครื่องรูดบัตรไม่สอสดคล้องกับจำนวนลูกค้าที่มีจำนวนมาก และการขยายของช่องทางจากบัตรไปสู่แอปพลิเคชั่นก็มีปัญหา อีกทั้งมีภาษีย้อนหลังไปยังกลุ่มลูกค้าร้านค้าท้องถิ่นที่ไม่มีความเข้าใจในการใช้โครงการ ยอดขายจึงเติบโตเพียง 3.78%
ฉะนั้น ผลประกอบการของยงสงวนในปี 2564 อัตราการเติบโตที่ 12.48% มูลค่าประมาณ 2,614 ล้าบาท รวมกับ Saveland เติบโตที่ 12.58% มูลค่า 596 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 3,211 ล้านบาท
นาย
ประกิจกล่าวว่า หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ ภาพของธุรกิจการค้าทั้งจังหวัดแย่มาก สถานการณ์แย่กว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จังหวัดอุบลราชธานีนับว่าเป็นคลัสเตอร์อันดับ 3 ของประเทศ ทำให้ผู้คนไม่ออกมาใช้จ่าย กิจกรรมก็ไม่มี โรงเรียนก็ปิด อีเวนต์ทุกอย่างหายไปหมด
“เรียกได้ว่าอัตราการอุปโภคบริโภคชะลอตัวลงมาก ติดลบอยู่ประมาณ 10% ราคาสินค้าทุกตัวก็ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบสูงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จนถึงพืชผลทางการเกษตรและโรงงานผลิตสินค้า การนำเข้าก็ช้าหลายปัจจัยมาก ลูกค้าในกลุ่มค้าส่งชะลอการซื้อสินค้าทันทีเมื่อเห็นราคาสูง และหันไปหาร้านค้าที่ยังไม่ปรับราคา เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นลูกค้ากลัวว่าหากซื้อไปจะขายต่อไม่ได้ การค้าจึงไม่ไหลลื่น เดือนกุมภาพันธ์นี้ลูกค้าแทบไม่มีความตื่นเต้นกับโปรโมชั่น และการจัดโปรโมชั่นไม่ช่วยอะไรได้มากนัก”
ด้านซัพพลายเออร์มีการแจ้งปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ไม่ได้เคาะราคาอย่างเป็นทางการ ผู้ประกอบการจะรู้ราคาเมื่อสั่งซื้อสินค้าแล้ว ตอนนี้สินค้าที่ราคาสูงมากคือผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก เรียกได้ว่าสินค้าของใช้ในครัวเรือนปรับขึ้นเป็นหน้ากระดาน หากทุกอย่างจะดีขึ้นและสร้างความหวังกลับคืนมาคือ โรงเรียนต้องกลับมาเปิดเรียนตามปกติให้เกิดการเดินทาง เด็กนักเรียนถือเงินออกจากบ้านมาซื้อของ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจับจ่าย กระจายรายได้ไปทุกหนทุกแห่ง
เอกชนชี้หลังตรุษจีนราคาสินค้ายังแพง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_285322/
นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย มอง หลังตรุษจีนราคาสินค้ายังแพงต่อเนื่อง ชี้คนละครึ่งไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว
นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่าสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนยังคงมีราคาแพงขึ้น จากภาวะที่ทั่วโลกเกิดวิกฤติเชื้อโรค ทำให้ทุกประเทศต้องสำรองสินค้าของตัวเองไว้บริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าสะดุด พร้อมแนะให้รัฐบาลศึกษาต้นเหตุของราคาสินค้าแพง เพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืน
ทั้งนี้ นาย
สมชาย ยังได้กล่าวถึง โครงการคนละครึ่งเฟส 4 ว่า ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้เพียงเล็กน้อย หากมองในระยะยาวคงไม่เพียงพอ และอาจทำให้ประชาชนเสพติดโครงการของรัฐบาลได้
ข้อมูลผู้สมัครทีแคส 2.3 หมื่นรายถูกแฮก ประกาศขาย ทปอ.แจงหลุดจริง เป็นของปี’64
https://www.matichon.co.th/education/news_3164437
ข้อมูลผู้สมัครทีแคส 2.3 หมื่นรายถูกแฮก ประกาศขาย ทปอ.แจงเป็นของปี’64 ยันไม่มีผลต่อ Ranking
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประกาศที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเหตุภัยคุกคามทางไซเบอร์ระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา หรือ TCAS ด้วยวันที่ 1 ก.พ.2565 ปรากฏข้อมูลข่าวสารการประกาศจำหน่ายข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจำนวน 23,000 รายการ ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) จากเว็บไซต์ mytcas.com ทั้งนี้ ได้มีการแสดงข้อมูลตัวอย่าง เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ผลคะแนนตามเกณฑ์การคัดเลือกของสาขาวิชาที่สมัคร เป็นต้น
ขณะนี้ ทาง ทปอ.ได้ตรวจสอบทั้งหมดในไฟล์ตัวอย่างแล้ว พบว่าเป็นข้อมูลของระบบ TCAS64 ในรอบที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของผู้สมัคร และเป็นข้อมูลในรูปแบบ CSV ที่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของแต่ละสถาบันอุดมศึกษาดึงออกจากระบบเพื่อประมวลผลคัดเลือกของแต่ละสาขาวิชาที่เปิดรับในสถาบัน โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงได้เฉพาะข้อมูลผู้สมัครในรอบ 3 ของสถาบันนั้นๆ ซึ่งข้อมูลในรอบ 3 ของระบบ TCAS64 มีทั้งหมด 826,250 รายการ แต่ที่ผู้ขายข้อมูลกล่าวอ้างนั้น มีจำนวน 23,000 รายการ โดยคาดว่าเป็นไฟล์ที่สร้างขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่เจ้าหน้าที่ของสถาบันอุดมศึกษาดึงข้อมูลคะแนนไปจัดเรียงลำดับผู้สมัคร (Ranking) ตามเกณฑ์คัดเลือกของแต่ละสาขาวิชา ซึ่งข้อมูลที่นำเสนอขายไม่มีผลการจัดเรียงลำดับ Ranking ของผู้สมัคร
ปัจจุบัน ทปอ.ได้ปิดระบบ TCAS64 ไปแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 และสำหรับระบบ TCAS65 มีการเปลี่ยนระบบเป็นรูปแบบใหม่ และเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ในปีนี้ มีการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวในรูปแบบ Private ที่ไม่สามารถเข้าถึงโดยตรงได้ การที่จะเข้าถึงไฟล์ข้อมูลได้นั้น ผู้ใช้งานระบบต้องได้รับการอนุญาตจากระบบ (presigned URL) ที่มีอายุในเวลาที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ชั่วคราว พร้อมระบบบันทึกการใช้งานอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม ทปอ.ขออภัยอย่างสูงสำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกกล่าวอ้าง ตลอดจนตระหนักถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์ จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้มีการตรวจสอบระบบและกระบวนการทำงานอย่างละเอียด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งเหตุไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อรับทราบสถานการณ์ต่อไป
ทปอ.ขอยืนยันว่า ระบบ TCAS65 มีความปลอดภัยในการใช้งาน และ มีการเฝ้าระวังสิ่งผิดปกติ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือในระบบและกระบวนการคัดเลือกต่อไป
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจ นายอาร์ม ซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านไอที ได้เผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์หนึ่ง ที่มีการประกาศขายข้อมูลของผู้สมัครทีแคส ซึ่งมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก กังวลถึงความปลอดภัยของผู้สมัคร ซึ่งน่าจะมีระบบจัดการที่ดีกว่านี้
JJNY : “ค้าปลีกค้าส่ง”โอดธุรกิจฝืด│เอกชนชี้หลังตรุษจีน สินค้ายังแพง│ข้อมูลทีแคส2.3หมื่นรายถูกแฮก│‘แม่หมอกระต่าย’ยื่นกมธ.
https://www.prachachat.net/local-economy/news-855840
ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่งรายใหญ่ในภาคเหนือ-อีสาน โอดธุรกิจการค้าสถานการณ์แย่กว่าปีที่ผ่านมา สินค้าอุปโภคบริโภคราคาพุ่งหลังเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มและสินค้าในครัวเรือน ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัว ระบุสาเหตุราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปี’64 ทำต้นทุนสูง
นางอมร พุฒิพิริยะ ผู้บริหาร บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการค้าปลีกยักษ์ใหญ่จากจังหวัดเชียงราย หรือ TNP เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์การค้าของธนพิริยะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์สุดท้ายผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแต่กำลังซื้อส่วนตัวยังมีโครงการคนละครึ่งเข้ามาเสริมด้วย ประกอบกับการท่องเที่ยวในภาคเหนือที่มีความคึกคักมาก แม้ผู้คนจะกลัวโควิด-19 ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกและยังออกมาใช้ชีวิตกันอยู่ ทำให้ยอดขายในธุรกิจสะท้อนภาพเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดี
กระทั่งเมื่อผ่านพ้นช่วงเทศกาลปีใหม่ข้ามมายังปี 2565 เงินจากภาครัฐที่ผ่านโครงการประชารัฐและโครงการคนละครึ่งหายไป สองสัปดาห์ของปีแรกเริ่มเห็นภาพการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนชะลอตัวอย่างชัดเจน ในสัปดาห์ที่ 3 สถานการณ์จึงค่อยเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
โดยปี 2564 ธนพิริยะได้เปิดร้านขยายสาขาเพิ่มทั้งหมด 6 แห่ง ในพื้นที่เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และยังคงทำตลาดครอบคลุมในทั้ง 3 จังหวัดปัจจุบันธนพิริยะมีร้านสาขาทั้งหมด 38 สาขา ผลประกอบการถือว่าเติบโตขึ้นตามแผนที่ได้วางไว้ประมาณ 15-20% คาดว่าจะทราบตัวเลขที่แน่ชัดในเดือนกุมภาพันธ์นี้
“แม้กระแสเศรษฐกิจจะดูซบเซา แต่การทำให้ธุรกิจเติบโตได้อันดับแรกต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน ต้องดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ให้ได้ ถัดมาน่าจะเป็นโครงการของภาครัฐที่ช่วยสนับสนุนประมาณ 10% ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าและร้านค้าทุกกลุ่ม สุดท้ายคือสถานการณ์โควิด-19 ที่เข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายให้ซื้อของรวดเร็วมากขึ้น ร้านค้าที่ไหนใกล้ตัวก็ซื้อสินค้าที่นั่น ซื้อของเยอะขึ้นกว่าปกติ แต่ความถี่ในการซื้อลดน้อยลง”
นางอมรกล่าวว่า การฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจการค้าดีขึ้นในช่วงตรุษจีนและอาจจะดีช่วงวันวาเลนไทน์ที่จะถึงนี้ แต่ยังเทียบไม่ได้กับในอดีตตอนที่ยังไม่มีโรคระบาด เพราะการจัดงานหรือทำพิธีต่าง ๆ มักทำแบบกระชับ มีขนาดเล็กลงเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ฉะนั้นการซื้อสินค้าก็จะลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ราคาสินค้าที่ปรับตัวขึ้นสูงก็มีส่วนที่ทำให้ผู้คนซื้อสินค้าน้อยลง โดยมีสัญญาณมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ราคาน้ำมันรถยนต์ปรับขึ้น ทำให้ต้นทุนของราคาสินค้าหลายชนิดปรับขึ้นเช่นกัน เฉลี่ย 7-10% โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มที่มีราคาพุ่งสูงและมีจำนวนจำกัด ซึ่งผู้ประกอบการก็ไม่กล้าซื้อกักตุนไว้แม้กำลังซื้อของผู้คนในภาพใหญ่ยังพอมี ทุกคนระวังตัวมากเพราะสถานการณ์ไม่แน่นอน
สำหรับธนพิริยะได้เตรียมแผนในปี 2565 ไว้ว่าจะขยายสาขาเพิ่มอีก 5-6 สาขา โดยยังเดินหน้าเน้นการขายผ่านออฟไลน์เป็นหลัก พร้อมมีแผนขายผ่านออนไลน์เพิ่มเข้ามาด้วยและได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว จะมีการประชุมใหญ่เพื่อศึกษาตลาดในเดือนเมษายนนี้
ด้านนายประกิจ ไชยสงคราม ประธานกรรมการ บริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ของจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลประกอบการในปี 2564 ของยงสงวน ไตรมาสที่ 1 ยังคงได้รับอานิสงส์จากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รายละ 700-800 บาท ร้านค้าและประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการต่างเข้ามาใช้บริการกันอย่างคึกคัก อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นส่วนลดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 มียอดเติบโต 31.61% ในไตรมาสที่ 2 โครงการบัตรสวัสดิการหมดลง แต่การจับจ่ายซื้อของยังคงต่อเนื่อง เพราะการระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดอุบลฯยังไม่รุนแรงมากนัก ส่งผลให้มียอดเติบโตที่ 13.76%
ไตรมาสที่ 3 สถานการณ์โควิด-19 ลุกลามจากกรุงเทพฯเข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานีช่วงเดือนกรกฎาคมลูกค้าที่เคยมาใช้บริการลดไปอย่างมาก อัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3.68% มาถึงไตรมาส 4 มีเงินจากบัตรสวัสดิการมาช่วยแต่ก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนเพราะเครื่องรูดบัตรไม่สอสดคล้องกับจำนวนลูกค้าที่มีจำนวนมาก และการขยายของช่องทางจากบัตรไปสู่แอปพลิเคชั่นก็มีปัญหา อีกทั้งมีภาษีย้อนหลังไปยังกลุ่มลูกค้าร้านค้าท้องถิ่นที่ไม่มีความเข้าใจในการใช้โครงการ ยอดขายจึงเติบโตเพียง 3.78%
ฉะนั้น ผลประกอบการของยงสงวนในปี 2564 อัตราการเติบโตที่ 12.48% มูลค่าประมาณ 2,614 ล้าบาท รวมกับ Saveland เติบโตที่ 12.58% มูลค่า 596 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 3,211 ล้านบาท
นายประกิจกล่าวว่า หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ ภาพของธุรกิจการค้าทั้งจังหวัดแย่มาก สถานการณ์แย่กว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จังหวัดอุบลราชธานีนับว่าเป็นคลัสเตอร์อันดับ 3 ของประเทศ ทำให้ผู้คนไม่ออกมาใช้จ่าย กิจกรรมก็ไม่มี โรงเรียนก็ปิด อีเวนต์ทุกอย่างหายไปหมด
“เรียกได้ว่าอัตราการอุปโภคบริโภคชะลอตัวลงมาก ติดลบอยู่ประมาณ 10% ราคาสินค้าทุกตัวก็ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบสูงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จนถึงพืชผลทางการเกษตรและโรงงานผลิตสินค้า การนำเข้าก็ช้าหลายปัจจัยมาก ลูกค้าในกลุ่มค้าส่งชะลอการซื้อสินค้าทันทีเมื่อเห็นราคาสูง และหันไปหาร้านค้าที่ยังไม่ปรับราคา เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นลูกค้ากลัวว่าหากซื้อไปจะขายต่อไม่ได้ การค้าจึงไม่ไหลลื่น เดือนกุมภาพันธ์นี้ลูกค้าแทบไม่มีความตื่นเต้นกับโปรโมชั่น และการจัดโปรโมชั่นไม่ช่วยอะไรได้มากนัก”
ด้านซัพพลายเออร์มีการแจ้งปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ไม่ได้เคาะราคาอย่างเป็นทางการ ผู้ประกอบการจะรู้ราคาเมื่อสั่งซื้อสินค้าแล้ว ตอนนี้สินค้าที่ราคาสูงมากคือผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก เรียกได้ว่าสินค้าของใช้ในครัวเรือนปรับขึ้นเป็นหน้ากระดาน หากทุกอย่างจะดีขึ้นและสร้างความหวังกลับคืนมาคือ โรงเรียนต้องกลับมาเปิดเรียนตามปกติให้เกิดการเดินทาง เด็กนักเรียนถือเงินออกจากบ้านมาซื้อของ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจับจ่าย กระจายรายได้ไปทุกหนทุกแห่ง
เอกชนชี้หลังตรุษจีนราคาสินค้ายังแพง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_285322/
นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย มอง หลังตรุษจีนราคาสินค้ายังแพงต่อเนื่อง ชี้คนละครึ่งไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่าสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนยังคงมีราคาแพงขึ้น จากภาวะที่ทั่วโลกเกิดวิกฤติเชื้อโรค ทำให้ทุกประเทศต้องสำรองสินค้าของตัวเองไว้บริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าสะดุด พร้อมแนะให้รัฐบาลศึกษาต้นเหตุของราคาสินค้าแพง เพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืน
ทั้งนี้ นายสมชาย ยังได้กล่าวถึง โครงการคนละครึ่งเฟส 4 ว่า ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้เพียงเล็กน้อย หากมองในระยะยาวคงไม่เพียงพอ และอาจทำให้ประชาชนเสพติดโครงการของรัฐบาลได้
ข้อมูลผู้สมัครทีแคส 2.3 หมื่นรายถูกแฮก ประกาศขาย ทปอ.แจงหลุดจริง เป็นของปี’64
https://www.matichon.co.th/education/news_3164437
ข้อมูลผู้สมัครทีแคส 2.3 หมื่นรายถูกแฮก ประกาศขาย ทปอ.แจงเป็นของปี’64 ยันไม่มีผลต่อ Ranking
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประกาศที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเหตุภัยคุกคามทางไซเบอร์ระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา หรือ TCAS ด้วยวันที่ 1 ก.พ.2565 ปรากฏข้อมูลข่าวสารการประกาศจำหน่ายข้อมูลในอินเตอร์เน็ตจำนวน 23,000 รายการ ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) จากเว็บไซต์ mytcas.com ทั้งนี้ ได้มีการแสดงข้อมูลตัวอย่าง เช่น ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ผลคะแนนตามเกณฑ์การคัดเลือกของสาขาวิชาที่สมัคร เป็นต้น
ขณะนี้ ทาง ทปอ.ได้ตรวจสอบทั้งหมดในไฟล์ตัวอย่างแล้ว พบว่าเป็นข้อมูลของระบบ TCAS64 ในรอบที่ 3 ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของผู้สมัคร และเป็นข้อมูลในรูปแบบ CSV ที่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายของแต่ละสถาบันอุดมศึกษาดึงออกจากระบบเพื่อประมวลผลคัดเลือกของแต่ละสาขาวิชาที่เปิดรับในสถาบัน โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงได้เฉพาะข้อมูลผู้สมัครในรอบ 3 ของสถาบันนั้นๆ ซึ่งข้อมูลในรอบ 3 ของระบบ TCAS64 มีทั้งหมด 826,250 รายการ แต่ที่ผู้ขายข้อมูลกล่าวอ้างนั้น มีจำนวน 23,000 รายการ โดยคาดว่าเป็นไฟล์ที่สร้างขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ที่เจ้าหน้าที่ของสถาบันอุดมศึกษาดึงข้อมูลคะแนนไปจัดเรียงลำดับผู้สมัคร (Ranking) ตามเกณฑ์คัดเลือกของแต่ละสาขาวิชา ซึ่งข้อมูลที่นำเสนอขายไม่มีผลการจัดเรียงลำดับ Ranking ของผู้สมัคร
ปัจจุบัน ทปอ.ได้ปิดระบบ TCAS64 ไปแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 และสำหรับระบบ TCAS65 มีการเปลี่ยนระบบเป็นรูปแบบใหม่ และเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ในปีนี้ มีการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวในรูปแบบ Private ที่ไม่สามารถเข้าถึงโดยตรงได้ การที่จะเข้าถึงไฟล์ข้อมูลได้นั้น ผู้ใช้งานระบบต้องได้รับการอนุญาตจากระบบ (presigned URL) ที่มีอายุในเวลาที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ชั่วคราว พร้อมระบบบันทึกการใช้งานอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม ทปอ.ขออภัยอย่างสูงสำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกกล่าวอ้าง ตลอดจนตระหนักถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์ จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้มีการตรวจสอบระบบและกระบวนการทำงานอย่างละเอียด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งเหตุไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อรับทราบสถานการณ์ต่อไป
ทปอ.ขอยืนยันว่า ระบบ TCAS65 มีความปลอดภัยในการใช้งาน และ มีการเฝ้าระวังสิ่งผิดปกติ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือในระบบและกระบวนการคัดเลือกต่อไป
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กแฟนเพจ นายอาร์ม ซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านไอที ได้เผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์หนึ่ง ที่มีการประกาศขายข้อมูลของผู้สมัครทีแคส ซึ่งมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก กังวลถึงความปลอดภัยของผู้สมัคร ซึ่งน่าจะมีระบบจัดการที่ดีกว่านี้