JJNY : 4in1 ปรับตัวเพื่อรอดหรือรอดถ้าไม่ปรับ│ไทยส่งออกข้าวอันดับ3โลก│พบโควิดกลายพันธุ์กว่า20ครั้ง│สภาฯยังติดเชื้อไม่หยุด

ปรับตัวเพื่ออยู่รอด หรืออาจรอดถ้าไม่ปรับ
https://tna.mcot.net/social/line-today-social-873492
 
 
กรุงเทพฯ 31 ม.ค. – หลัง ศบค.ประกาศผ่อนคลายมาตรการให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ เช่น การขยายเวลาให้ร้านอาหารในพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัด และสีเหลือง 25 จังหวัด ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ยาวจาก 3 ทุ่ม เป็น 5 ทุ่ม ผับบาร์หลายแห่งยอมเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร เพื่อความอยู่รอด แต่ก็มีอีกหลายร้านเลือกปิดร้าน เพื่อความอยู่รอดเช่นกัน. – สำนักข่าวไทย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


ไทยส่งออกข้าวอันดับ3ของโลก ขณะที่อินเดียแชมป์4ปีซ้อน
https://www.thansettakij.com/economy/512261
 
ไทยส่งออกข้าวอันดับ3ของโลก  6.12ล้านตัน  เพิ่มขึ้นจากปีก่อน6.7% ขณะที่อินเดียแชมป์4ปีซ้อน 19.55ล้านตัน ตามด้วยเวียดนามยังเป็นเบอร์2   ด้านเอกชนตั้งเป้าปี65 ส่งออก7ล้านตัน  จากกำลังซื้อที่กลับมาและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
 
นายเจริญ เหล่าธรรมทัศ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย  เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวไทยในปี2564 ว่าจากข้อมูลของกรมศุลกากร การส่งออกข้าวในปี 2564 มีปริมาณ 6.12ล้าน ตัน มูลค่า 107,756 ล้านบาท   ( 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ) โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น 6.7% แต่มูลค่าส่งออกลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีการส่งออกปริมาณ 5.73ล้าน ตัน มูลค่า 116,042 ล้านบาท ( 3,731 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ) 
     
โดยอันดับ1 ยังคงเป็นอินเดีย  โดนมีปริมาณส่งออกข้าว19.55ล้านตันซึ่งมากที่สุดในโลกต่อเนื่อง4ปีนับตั้งแต่ปี2561-2564) เพิ่มขึ้น33.9%  โดยปี2563 ส่งออกได้14.60ล้านตัน อันดับ2 เป็นเวียดนาม ส่งออกได้ในปริมาณ 6.24ล้านตัน แต่ภาพรวมทั้งปีส่งออกติดลบ5.2%  ปี2563ส่งออกได้ 6.58ล้านตัน   ส่วนอันดับ4เป็นของปากีสถาน ปริมาณ3.93ล้านตัน  และสหรัฐ ส่งออกได้ในปริมาณ 2.85ล้านตัน
     
ส่วนการส่งออกข้าวในเดือนธันวาคม 2564 มีปริมาณ 729,138 ตัน มูลค่า 12,523 ล้านบาท โดยปริมาณส่งออกลดลง 3.5%   และมูลค่าลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่มีการส่งออกปริมาณ 755,492 ตัน มูลค่า 12,771 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา การส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งมีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากประเทศผู้ซื้อได้นำเข้าข้าวไปเป็นจำนวนมากและมีสต็อกข้าวเพียงพอแล้ว
     
ขณะที่การส่งออกข้าวหอมมะลิมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 31.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เนื่องจากตลาดหลักมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน โดยในเดือนธันวาคม 2564 มีการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) ปริมาณ 191,801 ตัน โดยส่วนใหญ่ยังคงส่งไปยังตลาดประจำ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง แคนาดา สิงคโปร์ เป็นต้น ขณะที่กลุ่มข้าวขาวมีการส่งออกปริมาณ 305,601 ตัน ลดลง 13.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
     
โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศแองโกล่า ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ จีน ฟิลิปปินส์ เบนิน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซีเรีย เป็นต้น ส่วนข้าวนึ่งมีการส่งออกปริมาณ 103,125 ตัน ลดลง 36.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ส่วนใหญ่ส่งไปยังตลาดหลัก เช่น แอฟริกาใต้ เยเมน เบนิน เป็นต้น
     
ทั้งนี้สมาคมฯคาดว่าในเดือนมกราคม 2565 การส่งออกข้าวจะอยู่ที่ประมาณ 700,000 ตัน โดยตั้งเป้าส่งออกในปี 2565 ที่ประมาณ 7 ล้านตัน มีปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลในเชิงบวกต่อการส่งออก ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งจะส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าในแถบแอฟริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง มีความต้องการบริโภคข้าวและมีกำลังซื้อมากขึ้น
     
ประกอบกับคาดว่าผลผลิตข้าวของไทยจะมีมากขึ้น และค่าเงินบาทที่คาดว่าจะทรงตัวในระดับ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวของไทยอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ ขณะที่ปัญหาด้าน ลอจิสติกส์ที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้การส่งมอบข้าวทำได้ตามที่วางไว้
     
ด้านสถานการณ์ราคาข้าวในช่วงนี้มีแนวโน้มขยับสูงขึ้นเนื่องจากอุปทานข้าวในตลาดเริ่มตึงตัว ขณะที่ค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 26 มกราคม 2565 อยู่ที่ 438 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5%   ของเวียดนาม ราคา398-402 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน   อินเดีย ราคา338-342ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และปากีสถาน อยู่ที่  358-362 ดอลลาร์สหรัฐฯฯต่อตัน ด้านราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 438 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งของอินเดีย ราคา368-372 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน  และปากีสถานอยู่ที่ 388-392 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน



พบโควิดกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วกว่า 20 ครั้งในร่างกายผู้ติดเชื้อ HIV
https://www.tnnthailand.com/news/covid19/103511/

แอฟริกาใต้พบโควิดอาจกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วในร่างกายผู้ติดเชื้อ HIV อย่างน้อย 21 ครั้ง อาจนำไปสู่การพัฒนาเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 

วันนี้ (31ม.ค.65) ผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยควาซูลู-นาทาล พบว่า หญิงชาวแอฟริกาใต้วัย 22 ปีคนหนึ่ง ซึ่งมีเชื้อ HIV แต่ไม่ได้รับยา และติดเชื้อโควิด-19 เป็นเวลา 9 เดือน พบว่าในระยะเวลาดังกล่าวโควิด-19 ในร่างกายมีการกลายพันธุ์อย่างน้อย 21 ครั้ง
ผลการศึกษาครั้งนี้ พบหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่าโควิด-19 อาจกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่ในร่างกายผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เช่น ผู้ป่วย HIV ที่ไม่ได้รับยา และอาจนำไปสู่การพัฒนาเป็นโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
 
โดยผู้ป่วยโควิด-19 คนนี้ มีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามอย่างน้อย 10 ครั้ง และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งอื่นๆ อีก 11 ครั้ง ซึ่งการกลายพันธุ์บางอย่างพบได้บ่อยในโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนและแลมบ์ดา ในขณะที่บางส่วนมีความสอดคล้องกับการกลายพันธุ์ที่ทำให้ไวรัสสามารถหลบเลี่ยงแอนติบอดี
รายงานกล่าวต่อว่าเมื่อหญิงคนดังกล่าวได้รับยาต้านไวรัส HIV อย่างเหมาะสมทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเธอแข็งแรงขึ้น และสามารถเอาชนะโควิด-19 ได้ภายในระเวลา 6 ถึง 9 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การศึกษาดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
 
นักวิทยาศาสตร์ผู้ร่วมการศึกษากล่าวว่าเคยพบเคสลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของเส้นทางการเกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แต่ย้ำว่านี่ยังคงเป็นเพียงสมมติฐาน
 
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว มีรายงานผลการศึกษาซึ่งถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ทางการแพทย์ระบุว่าหญิงชาวแอฟริกาใต้วัย 36 ปีคนหนึ่งซึ่งมีเชื้อ HIV และติดโควิด-19 เป็นเวลากว่า 7 เดือน พบการกลายพันธุ์ของโควิด-19 อย่างน้อย 32 ครั้ง
 
ทั้งนี้ แอฟริกาใต้มีการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ติดเชื้อ 8.2 ล้านคนจาก 60 ล้านคน ทำให้ประชากรจำนวนมากมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่