สวัสดีค่ะ นี่คือเรื่องของหนู เด็กผู้หญิงม.3 ที่กำลังจะขึ้นม.ปลาย
หนูอาศัยอยู่ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ค่ะ ก่อนหน้านี้เรียนโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในเมืองค่ะ เหตุเพราะแม่บอกว่าเอาแค่ตอนม.ต้นก็ได้ ให้อยู่กับสังคมของเขาได้บ้าง ใส่ผ้าคลุม เสื้อแขนยาวกระโปรงยาวรุ่มร่าม ตอนพักเที่ยงแทนที่จะได้พักกินข้าวกลับต้องรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปละหมาดต่อ ถ้านับรวมวิชาที่เรียนทั้งหมดของวิชาสามัญและศาสนาก็เกือบ20วิชา หนูติดศูนย์แทบทุกเทอมตั้งแต่เรียนมาก ไม่ใช่แค่ตัวสองตัว แต่ตั้งห้าตัว
หนูพยายามอดทน ทั้งสำเนียงที่พวกเขาพูด พวกภาษามลายู ภาษาอาหรับ หนูก็พยายามเรียนรู้ พวกเรื่องละหมาดด้วย ยังดีที่ผู้บริหารในโรงเรียงก็พอเข้าใจ เลยให้อาจารย์บางท่านมาสอน ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ
แต่หนูว่ามันไม่ไหวแล้วจริงๆ
หนูว่าจะเข้าเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนอื่น เป็นโรงเรียนจังหวัดค่ะ แม้ว่าแม่หนูจะไม่ได้ว่าอะไรเลยเรื่องที่หนูอยากจะลองใส่ชุด ม.ปลายธรรมดาๆบ้าง แต่พวกญาติๆไม่ใช่ค่ะ พอพูดถึงเรื่องนี้ แม่ของหนูก็ดูเงียบไป พ่อบอกว่าทุกครั้งที่หนูออกจากบ้านโดยไม่ได้ใส่ผ้าคลุม ยายก็จะมาบ่นแม่ตลอดเลย พวกเราอยู่ในรัวเดียวกันค่ะ แต่แค่แยกกันเป็นสองหลัง บ้านหนูมีสามชั้น ส่วนบ้านนั้นเป็นชั้นเดียว ทุกครั้งที่แม่ลงไปคุยเล่นหรืออะไรสักอย่างกับยาย ยายก็มักจะว่าแม่แบบนี้ตลอด หนูไม่ชอบที่นี่เลยค่ะ มันทั้งอึดอัดและน่าขยะแขยง
สำหรับหนู ผ้าคลุมที่ใส่อยู่ก็เหมือนโซ่ล่าม
หนูอยากย้ายออกไปจากที่นนี่มากเลยค่ะ แต่หนูทำอย่างงั้นไม่ได้เพราะแม่หนูเขาก็รักยาย หนูคิดไว้แล้วว่าตัวเองน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าแน่ๆแต่ก็ยังไม่ได้ไปตรวจค่ะ ก่อนหน้านี้มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งไปตรวจมาแล้วเป็น เขาทั้งเรียนดี ทั้งสวย ตอนที่ทุกคนรู้เรื่องนั้น ทุกคนก็ประคบประงมเขากันใหญ๋เลยค่ะ หนูคววรจะลองไปตรวจบ้างดีไหม? บางทีถ้ายายรู้ ยายอาจไม่อะไรแม่ก็ได้
หนูเคยพยายามฆ่าตัวตายแล้วสองครั้ง ครั้งแรกตอนที่หนูเรียนโรงเรียนสอนศาสนานั้นได้เพียงแค่สองเดือน มันโคตรจะใหห้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกเลยค่ะ แต่หนูล้มเลิกมันไปเพราะความกลัว ครั้งที่สองหนูหนูกินน้ำยาล้างห้องน้ำลงไปค่ะ แต่สุดท้ายก็ยังตื่นมาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น มันโคตรจะรู้สึกแย่เลยค่ะ หนูไม่เชื่อในเรื่อพระเจ้าด้วยซ้ำ แต่อยู่ๆหนูก็รู้สึกว่า ขนาดพระเจ้าก็ยังไม่ยอมให้หนูตายเลย แล้วหนูจะไปทำบ้าอะไรได้
หลังจากนั้นร่างกายหนูไม่มีอะไรผิดปกติเลยค่ะ มันรู้สึกว่างเปล่าจริงๆนะคะตอนนั้น
หนูไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าทุกคนควรมีชีวิตต่อไป คนฆ่าตัวตายไม่ได้คิดสั้น เขาแค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้แล้ว หนูมีความคิดแบบนี้มาประมาณสองปีแล้วค่ะ และคิดว่าคงไม่เปลี่ยนดร็วๆนี้ ขแร้องอย่างใช้ไอ้คำว่ามีชีวิตต่อไปเถอะ โลกนี้ยังสวยงามกว่านี้ รอให้เธอเห็นอยู่นะ ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ โลกของหนูมันมีอยู่แค่นี้ และการที่หนูต้องทนมันเพื่อเพื่อออกไปเจอโลกภายนอก มันไร้สาระ ถึงเวลานั้น หว่าหนูจะมั่นใจทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองมันคงสายไปแล้วด้วยซ้ำ
หนูไม่มีทางออกสำหรับมันเลยค่ะ พ่อและแม่ทำงานอยู่ที่นี่ พ่อบอกว่าหนูไม่มีความรับผิดชอบพอที่จะอยู่คนเดียวได้ หนูเข้าใจที่เขาหมายถึง แต่หนูก็ไม่ไหวกับที่นี่แล้วจริงๆค่ะ หนูอยากได้คนที่คอยปรึกษาแล้วสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ แต่เห็นได้ชัดว่ารอบตัวหนูไม่มีคนแบบนั้น หนูแค่รู้สึกอยากให้ใครก็ได้เอาหนูออกไปจากที่นี่ที
หนูไม่รู้ว่าคำว่ารักเป็นยังไง หนูแยกคำว่ารักและความผูกพันธ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ
สำหรับหนูคนที่หนูอยากให้อยู่ด้วยมีแค่แม่กับพ่อค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าต่อให้มีปู่ยาตายายหรือญาติพี่น้อง หรือไม่ก็เพื่อนจะตายต่อหน้าต่อตาก็ไม่รู้สึกอะไร
หนูไม่รู้วิธีปลดโซ่ที่คอยล่าามคอหนูอยู่นี่ได้ยังไงนอกจากตาย แต่ทุกคนกลับบอกว่าอย่าคิดอย่างงั้น? ทำไมคนเราต้องมีชีวิตต่อไปโดยที่เราไม่ค้องการคะ? สิ่งมีค่าสำหรับหนูคือพ่อแม่ และสิ่งที่ช่วยหนูได้มากที่สุดสำหรับหนูคือหนังสือนิยาย สมันทำให้หนูรู้สึกมีเซฟโซนเป็นของตัวเอง ในโลกจินตนาการพวกนั้นมันดูดี
หนูเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อาจมีปัญหาโรคซึมเศร้า ภายนอกก็ดูร่าเริงดี แต่ภายในของหนูมันแทบจะมีแต่รูโหว่ หนูเกลียดความทรมาณที่สุด อย่างน้อยถ้าได้ตายจริงๆก็ขอตายทีเดียวไปเลย อยากขอให้ตัวเองป่วยเป็นอะไรสักอย่างที่จะตายแน่ๆ
หนูโคตรเกลียดทีนี่เลยค่ะ มันโคตรจะว่างเปล่า
หนูแค่อยากจะหวังนิดๆว่าจะยังมีคนพอช่วยหนูได้ไหม มันจะยังช่วยได้ใช่ไหมคะ? หนูไม่อยากพูดกับพ่อแม่ว่าพาไปตรวจสุขภาพทางจิตหน่อย เพราะมันดูเรียกร้องความสนใจ หนูสายตาสั้นมาตั้งแต่ประมาณป.4 หนูบอกพวกเขาบ่อยมากว่ามองกระดานไม่ชัด พวกเขาจะรับฟังแต่จะไม่ทำอะไรเลย จนตอนขึ้นม.1ถึงพาไปตรวจสายตาจริงๆ เหตุผลคือบ้านข้างล่าง(บ่านที่ยายกับครอบครัวของน้าอยู่) น้องชายคนกลางเขารู้สึกมองอะไรเอียงๆ เลยพาหนูไปด้วยพอดี นั้นเป็นความรู้สึกที่แย่มากค่ะ
หนูแค่อยากจะลองใช้ชีวิติของตัวเองบ้าง ใส่ชุดนักเรียนทั่วไป อ่านหนังสือไปวันๆ พวกเขายังให้หนูไม่ได้เลย เพราะงั้นหนูเลยไม่อยากได้ออะไรอีกแล้วนอกจากนี้ หนูอยากได้ชีวิตของตัวเองก็เท่านั้น
ทำไมคนเราถึงไม่สามารถมีชีวิตที่ตัวเองต้องการได้คะ?
หนูอาศัยอยู่ในเขตสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ค่ะ ก่อนหน้านี้เรียนโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในเมืองค่ะ เหตุเพราะแม่บอกว่าเอาแค่ตอนม.ต้นก็ได้ ให้อยู่กับสังคมของเขาได้บ้าง ใส่ผ้าคลุม เสื้อแขนยาวกระโปรงยาวรุ่มร่าม ตอนพักเที่ยงแทนที่จะได้พักกินข้าวกลับต้องรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปละหมาดต่อ ถ้านับรวมวิชาที่เรียนทั้งหมดของวิชาสามัญและศาสนาก็เกือบ20วิชา หนูติดศูนย์แทบทุกเทอมตั้งแต่เรียนมาก ไม่ใช่แค่ตัวสองตัว แต่ตั้งห้าตัว
หนูพยายามอดทน ทั้งสำเนียงที่พวกเขาพูด พวกภาษามลายู ภาษาอาหรับ หนูก็พยายามเรียนรู้ พวกเรื่องละหมาดด้วย ยังดีที่ผู้บริหารในโรงเรียงก็พอเข้าใจ เลยให้อาจารย์บางท่านมาสอน ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ
แต่หนูว่ามันไม่ไหวแล้วจริงๆ
หนูว่าจะเข้าเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนอื่น เป็นโรงเรียนจังหวัดค่ะ แม้ว่าแม่หนูจะไม่ได้ว่าอะไรเลยเรื่องที่หนูอยากจะลองใส่ชุด ม.ปลายธรรมดาๆบ้าง แต่พวกญาติๆไม่ใช่ค่ะ พอพูดถึงเรื่องนี้ แม่ของหนูก็ดูเงียบไป พ่อบอกว่าทุกครั้งที่หนูออกจากบ้านโดยไม่ได้ใส่ผ้าคลุม ยายก็จะมาบ่นแม่ตลอดเลย พวกเราอยู่ในรัวเดียวกันค่ะ แต่แค่แยกกันเป็นสองหลัง บ้านหนูมีสามชั้น ส่วนบ้านนั้นเป็นชั้นเดียว ทุกครั้งที่แม่ลงไปคุยเล่นหรืออะไรสักอย่างกับยาย ยายก็มักจะว่าแม่แบบนี้ตลอด หนูไม่ชอบที่นี่เลยค่ะ มันทั้งอึดอัดและน่าขยะแขยง
สำหรับหนู ผ้าคลุมที่ใส่อยู่ก็เหมือนโซ่ล่าม
หนูอยากย้ายออกไปจากที่นนี่มากเลยค่ะ แต่หนูทำอย่างงั้นไม่ได้เพราะแม่หนูเขาก็รักยาย หนูคิดไว้แล้วว่าตัวเองน่าจะเป็นโรคซึมเศร้าแน่ๆแต่ก็ยังไม่ได้ไปตรวจค่ะ ก่อนหน้านี้มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งไปตรวจมาแล้วเป็น เขาทั้งเรียนดี ทั้งสวย ตอนที่ทุกคนรู้เรื่องนั้น ทุกคนก็ประคบประงมเขากันใหญ๋เลยค่ะ หนูคววรจะลองไปตรวจบ้างดีไหม? บางทีถ้ายายรู้ ยายอาจไม่อะไรแม่ก็ได้
หนูเคยพยายามฆ่าตัวตายแล้วสองครั้ง ครั้งแรกตอนที่หนูเรียนโรงเรียนสอนศาสนานั้นได้เพียงแค่สองเดือน มันโคตรจะใหห้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกเลยค่ะ แต่หนูล้มเลิกมันไปเพราะความกลัว ครั้งที่สองหนูหนูกินน้ำยาล้างห้องน้ำลงไปค่ะ แต่สุดท้ายก็ยังตื่นมาปกติเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น มันโคตรจะรู้สึกแย่เลยค่ะ หนูไม่เชื่อในเรื่อพระเจ้าด้วยซ้ำ แต่อยู่ๆหนูก็รู้สึกว่า ขนาดพระเจ้าก็ยังไม่ยอมให้หนูตายเลย แล้วหนูจะไปทำบ้าอะไรได้
หลังจากนั้นร่างกายหนูไม่มีอะไรผิดปกติเลยค่ะ มันรู้สึกว่างเปล่าจริงๆนะคะตอนนั้น
หนูไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่าทุกคนควรมีชีวิตต่อไป คนฆ่าตัวตายไม่ได้คิดสั้น เขาแค่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้แล้ว หนูมีความคิดแบบนี้มาประมาณสองปีแล้วค่ะ และคิดว่าคงไม่เปลี่ยนดร็วๆนี้ ขแร้องอย่างใช้ไอ้คำว่ามีชีวิตต่อไปเถอะ โลกนี้ยังสวยงามกว่านี้ รอให้เธอเห็นอยู่นะ ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ โลกของหนูมันมีอยู่แค่นี้ และการที่หนูต้องทนมันเพื่อเพื่อออกไปเจอโลกภายนอก มันไร้สาระ ถึงเวลานั้น หว่าหนูจะมั่นใจทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองมันคงสายไปแล้วด้วยซ้ำ
หนูไม่มีทางออกสำหรับมันเลยค่ะ พ่อและแม่ทำงานอยู่ที่นี่ พ่อบอกว่าหนูไม่มีความรับผิดชอบพอที่จะอยู่คนเดียวได้ หนูเข้าใจที่เขาหมายถึง แต่หนูก็ไม่ไหวกับที่นี่แล้วจริงๆค่ะ หนูอยากได้คนที่คอยปรึกษาแล้วสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ แต่เห็นได้ชัดว่ารอบตัวหนูไม่มีคนแบบนั้น หนูแค่รู้สึกอยากให้ใครก็ได้เอาหนูออกไปจากที่นี่ที
หนูไม่รู้ว่าคำว่ารักเป็นยังไง หนูแยกคำว่ารักและความผูกพันธ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ
สำหรับหนูคนที่หนูอยากให้อยู่ด้วยมีแค่แม่กับพ่อค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าต่อให้มีปู่ยาตายายหรือญาติพี่น้อง หรือไม่ก็เพื่อนจะตายต่อหน้าต่อตาก็ไม่รู้สึกอะไร
หนูไม่รู้วิธีปลดโซ่ที่คอยล่าามคอหนูอยู่นี่ได้ยังไงนอกจากตาย แต่ทุกคนกลับบอกว่าอย่าคิดอย่างงั้น? ทำไมคนเราต้องมีชีวิตต่อไปโดยที่เราไม่ค้องการคะ? สิ่งมีค่าสำหรับหนูคือพ่อแม่ และสิ่งที่ช่วยหนูได้มากที่สุดสำหรับหนูคือหนังสือนิยาย สมันทำให้หนูรู้สึกมีเซฟโซนเป็นของตัวเอง ในโลกจินตนาการพวกนั้นมันดูดี
หนูเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่อาจมีปัญหาโรคซึมเศร้า ภายนอกก็ดูร่าเริงดี แต่ภายในของหนูมันแทบจะมีแต่รูโหว่ หนูเกลียดความทรมาณที่สุด อย่างน้อยถ้าได้ตายจริงๆก็ขอตายทีเดียวไปเลย อยากขอให้ตัวเองป่วยเป็นอะไรสักอย่างที่จะตายแน่ๆ
หนูโคตรเกลียดทีนี่เลยค่ะ มันโคตรจะว่างเปล่า
หนูแค่อยากจะหวังนิดๆว่าจะยังมีคนพอช่วยหนูได้ไหม มันจะยังช่วยได้ใช่ไหมคะ? หนูไม่อยากพูดกับพ่อแม่ว่าพาไปตรวจสุขภาพทางจิตหน่อย เพราะมันดูเรียกร้องความสนใจ หนูสายตาสั้นมาตั้งแต่ประมาณป.4 หนูบอกพวกเขาบ่อยมากว่ามองกระดานไม่ชัด พวกเขาจะรับฟังแต่จะไม่ทำอะไรเลย จนตอนขึ้นม.1ถึงพาไปตรวจสายตาจริงๆ เหตุผลคือบ้านข้างล่าง(บ่านที่ยายกับครอบครัวของน้าอยู่) น้องชายคนกลางเขารู้สึกมองอะไรเอียงๆ เลยพาหนูไปด้วยพอดี นั้นเป็นความรู้สึกที่แย่มากค่ะ
หนูแค่อยากจะลองใช้ชีวิติของตัวเองบ้าง ใส่ชุดนักเรียนทั่วไป อ่านหนังสือไปวันๆ พวกเขายังให้หนูไม่ได้เลย เพราะงั้นหนูเลยไม่อยากได้ออะไรอีกแล้วนอกจากนี้ หนูอยากได้ชีวิตของตัวเองก็เท่านั้น