คือ หนูอยู่ม.2ค่ะตอนนี้ หนูอยากเป็นสัตวแพทย์มากๆ แต่ทีนี้ หนูอยากรับจ้อบเป็นดนตรีสด เพราะหนูอยากช่วยพ่อแม่เก็บตังค์ซื้อบ้านสักหลัง(หนูอยู่บ้านพักราชการ) เลยขอให้พ่อแม่พาเรียนดนตรีหน่อย พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ ก็ไปเรียนจน แรกๆก็ดีค่ะ จนกระทั่งเขาเริ่มพูดขึ้นมาว่าเขาอยากให้หนูเรียนดุริยางค์ทหารบก จบออกมาเป็นทหาร งานนี้มั่นคง พยายามโน้มน้าวสารพัด ว่างานนี้หนูจะไม่มีวันตกงาน เงินเดือนอาจจะน้อย เบิกนู่นเบิกนี่ได้ แล้วเขาก็เริ่มบอกยาย หนูเคยคิดว่าพ่อแม่ยายจะเข้าใจหนู สรุปมันผิดไปหมดเลย เขาเห็นด้วยที่จะบังคับหนูเป็นทหาร แล้วก็เอาไปเล่าให้คนอื่นฟัง ส่วนตัวไม่ได้เกลียดอาชีพนี้นะคะ แต่พอทุกคนไม่สนับสนุนความฝันหนู ทำให้หนูเริ่มสร้างกำแพงขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ตอนที่หนูตัดสินใจบอกเขาไปว่าหนูอยากเป็นสัตวแพทย์ แม่ก็เริ่มถาม ว่ารู้มั้ยเขาเก็บเกรดกันตอนไหน เกรดหนูยังไม่ดีเลย จะเอาอะไรไม่สู้เขา เกรดวิทย์คณิตหนูได้2/2.5 ยอมรับค่ะว่าหนูไม่เก่ง แต่หนูยังอยากพยายามต่อไปจนเก่งอ่ะค่ะ โรงเรียนหนูกดเกรดมาก เรียนติวก็ไม่ได้เรียน แม่บอกหนูเทอมนี้ถ้าหนูไม่ได้เกรด4วิทย์คณิตก็เลิกหวัง มันทำให้หนูโคตรเสียใจ แล้วรู้เลยว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจหนูเลย เขาไม่ถามหนูด้วยซ้ำว่าทำไมหนูถึงอยากเป็น ไม่ถามด้วยว่าอยากให้ช่วยยังไง คิดแต่ว่าจะเอาหนูเข้าทหารให้มันจบๆ ตอนที่หนูบอกพ่อกับแม่ว่าหนูไม่อยากเป็นทหาร เขาเริ่มประชดหนูต่างๆนาๆ หนูเข้าใจความหวังดีนะคะ เข้าใจมากๆเลย แต่เขาไม่เคยถามในมุมมองของหนูเลย หนูแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่คิดว่าหนูจะทำมันได้ดีบ้าง เอาแต่พุดว่าหนูไม่เก่ง การแข่งขันในประเทศสูงนะ แล้วหนูไม่มีสิทธิ์ในการพยายามหรอคะ ถ้าหนูเป็นทหาร หนูจะกลับมาอายุ14มันก็ไม่ได้แล้ว ชีวิตหนูมีชีวิตเดียว หนูควรได้ทำในสิ่งที่หนูอยากทำรึเปล่า หนูแค่อยากมีงานดีๆ มีเงินเยอะๆมาเลี้ยงพ่อกับแม่ หนูเคยคิดว่าถ้าพ่อกับแม่สนับสนุนหนู เงินที่หนูได้มาหนูจะเอามาเลี้ยงเขา ซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน ตอนนี้หนูรู้สึกว่าครอบครัวไม่ใช่สำหรับหนูแล้ว แม่บอกหนูด้วยว่า ถ้าหนูสอบดุริยางค์ไม่ได้ เขาจะไม่ซัพพอร์ต ถ้าหนูล้มเหลวขึ้นมา เขาก็จะไม่ให้ความช่วยเหลือ หนูโคตรจุกเลยค่ะ หนูไม่มีคนที่จะรับฟังหนูด้วยซ้ำ สำหรับหนูครอบครัวคือความหวังเดียวที่หนูยังมีชีวิตอยู่ ทุกวันนี้ไม่มีวันไหนที่หนูไม่ร้องไห้ ไม่มีวันไหนทุกหนูไม่คิดว่าอยากตายเลยค่ะ หนูอยากตายไปให้มันจบๆ พ่อแม่ไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องเป็นห่วงหนูมากขนาดนี้ หนูไม่ต้องเศร้าอีก เขาคิดแต่ว่าเขาอยากเห็นหนูใส่ชุดทหารให้เขาเห็นก่อนตาย หนูไม่อยากพูดแบบนี้นะคะ แต่เขาไม่คิดว่าหนูจะตายก่อนเขาบ้างหรอ อาชีพมันคือส่วนหนึ่งที่หนูต้องอยู่กับมันไปส่วนหนึ่งของชีวิต หนูก็ควรได้ทำสิ่งที่หนูมีความสุขรึเปล่า ต่อให้เหนื่อย หนูก็ยินดีจะเหนื่อย หนูเหนื่อยมามาก ไม่ต่ำกว่า1ปีที่หนูคิดอยากฆ่าตัวตายอยู่ทุกวัน หนูก็ผ่านเรื่องพวกนี้มาคนเดียว แล้วทำไมตอนที่หนูจะเลือกอนาคตของตัวเอง หนูจะเลือกเองไม่ได้หรอ เข้าใจทุกอย่างความเป็นห่วง พ่อแม่ทุกคนเป็นห่วงลูกค่ะ แต่เขาจะยัดเยียดอนาคตที่เขาต้องการให้หนูไม่ได้ หนูมีความคิดเป็นของตัวเอง แล้วเหตุผลก็เพราะหนูอยากเลี้ยงดูพวกเขาสะด้วยซ้ำ แต่เหมือนคนที่เป็นพ่อแม่มาขวางความฝันหนู ทำให้หนูไม่รู้ว่าต้องไปทางไหนต่อ หนูไม่รู้ควรทำไงต่อแล้วค่ะ เหนื่อยไปหมด เขาอยากให้หนูเข้ามัธยมอะไร หนูก็เข้าแล้ว ไหนจะอยากให้หนูเข้าม.ลาดกระบัง อยากให้เป็นทหารอีก เข้าใจค่ะว่ามั่นคง แต่ถ้าให้หนูเลือกระหว่างสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ กับสิ่งที่ตัวหนูต้องการ หนูทางของหนูเพราะหนูคือคนที่ต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แต่ก็ไท่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ ถึงไม่พยายามเข้าใจอะไรสักอย่างในตัวหนูเลย ทั้งที่ปากตัวเองบอกเองว่าให้หนูบอกได้ทุกเรื่อง แต่ทำแบบนี้กับหนูอ่ะหรอ ทุกวันนี้คิดแค่ว่า ไหวก็อยู่ ไม่ไหวก็ตาย.
สุดท้ายนี้ หนูแค่อยากให้พ่อแม่เข้าใจหนู แล้วคอยซัพพอร์ตโดยที่ไม่กดดันหรือตัดสินหนู ก็แค่นั้นเอง เพราะทุกวันนี้ หนูก็รู้ตัวว่าหนูไม่เก่ง หนูแย่มาก หนูรู้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้หนูกอดตัวเองนอนร้องไห้ทุกคืน หนูไม่ได้มีเพื่อนเยอะอย่างที่พ่อแม่ชอบคิด หนูไม่ได้มีคนที่เข้าใจหรือรับฟังหนู อย่ากดดันหนู อย่าซ้ำเติมหนูเลย ค่อยๆพยายามปรับเข้าหากันได้ไหม หนูเหนื่อยมากๆแล้ว.
พ่อแม่อยากให้เป็นทหาร แต่เราอยากเป็นสัตวแพทย์
สุดท้ายนี้ หนูแค่อยากให้พ่อแม่เข้าใจหนู แล้วคอยซัพพอร์ตโดยที่ไม่กดดันหรือตัดสินหนู ก็แค่นั้นเอง เพราะทุกวันนี้ หนูก็รู้ตัวว่าหนูไม่เก่ง หนูแย่มาก หนูรู้อยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้หนูกอดตัวเองนอนร้องไห้ทุกคืน หนูไม่ได้มีเพื่อนเยอะอย่างที่พ่อแม่ชอบคิด หนูไม่ได้มีคนที่เข้าใจหรือรับฟังหนู อย่ากดดันหนู อย่าซ้ำเติมหนูเลย ค่อยๆพยายามปรับเข้าหากันได้ไหม หนูเหนื่อยมากๆแล้ว.