ตั้งใจจะเรียนต่อ ปรึกษากับที่บ้านแล้ว แต่มารู้ทีหลังว่าที่บ้านอาจจะต้องยกเลิกซื้อรถเอาเงินมาช่วยค่าเรียน

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลย 
อยากทราบความเห็นและแนวทางของชาว pantip ค่ะว่าเราควรจะทำอย่างไรดี

เรามีแผนในใจว่าจะไปเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่นเดือนตุลานี้ค่ะ
ปัญหาอยู่ที่เงินค่ะ เราเลยปรึกษากับที่บ้านว่าสามารถช่วยสนับสนุนได้มั้ย ก่อน30อยากเรียนที่นู่น
ที่บ้านขายของพวกอุปกรณ์ก่อสร้าง ฐานะปานกลาง เราก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาอยู่ในกทม
พอคุยกันเค้าก็ตกลงที่จะช่วยนะคะ ถ้าเป็นเรื่องเรียนเค้ายินดีช่วย แต่เรามารู้ทีหลังว่าเค้ามีแพลนจะผ่อนรถใหม่ เค้าจะยังไม่ซื้อเพราะจะได้เอาเงินมาช่วยเรา
ถ้าต้องจ่ายค่าเรียนกับค่ารถเค้าไม่ไหวค่ะ พอรู้เรื่องนี้เราละอายใจมากๆ เราควรทำยังไงดีคะ อยากเรียนก่อนจะไม่มีโอกาสไปอีก แต่ก็คิดมากเรื่องที่บ้าน
ควรตัดสินอย่างไรดีคะ เราไม่อยากล้มเลิกแผนนี้ไปเลยเพราะวางแผนไว้แล้วว่าเรียนแล้วจะเอาไปทำอะไรต่อค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้าที่คอมเม้นกันมาด้วยความสุภาพและเคารพกฎค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
เอาจริงเรารู้สึกว่าคุณแค่มาระบายหวังให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลงใช่ไหม มันไม่น้อยลงหรอกแต่คุณต้องแบกมันต่อไป
จริงๆมันเป็นเรื่องของบ้านคุณ ซึ่งการตัดสินใจใดๆถ้าพ่อแม่ว่าอย่างไรก็ตามนั้นเราถือว่าจบนะไม่จำเป็นต้องปรึกษาคนนอกครอบครัวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรายได้ของบ้านคุณ

อายุไม่น้อยแล้วก่อนจะทำอะไรให้ไตร่ตรองให้ดีที่สุด ไปในระยะเวลาเท่านี้คุ้มค่าเพียงใดกับเงินที่ลงทุนลงไป
มั่นใจใช่ไหมว่าไปแล้วจะได้อะไรกลับมา ไปแล้วจะมีโอกาสต่อยอดในชีวิตได้จากสิ่งที่ไปเรียนรู้
เรื่องนี้คุณมีคำตอบอยู่กับตัว ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 30
คำว่า"ต่อยอด"ของคุณคืออะไร??? ตอบตรงนี้ให้ชัดๆให้เห็นเป็นรูปธรรมค่ะ

อ่านแล้วเรารู้สึกเหมือนคุณอยากไปเรียนภาษา ไปชิลล์ ไปท่องเที่ยวแล้วก็กลับ จบ

เพิ่งมาคิดเรียนตอนอายุใกล้ 30 ก็ว่าแปลกแล้ว นี่ยังต้องขอเงินพ่อแม่ไปอีกยิ่งแปลกหนัก ทำงานมาตั้งหลายปีไม่มีเงินเก็บเลยเหรอคะ?
ความคิดเห็นที่ 37
จขกท รู้สึกถูกต้องแล้วที่ละอายใจกับเรื่องนี้ค่ะ
เพราะอยู่ในวัยทำงานแล้ว
ถ้ายังจะต้องรบกวนทางบ้านอีก ก็ไม่ค่อยเหมาะสมค่ะ

ถ้าอยากเรียน ควรดิ้นรนเองมากกว่าค่ะ
จะได้มีศักดิ์ศรีค่ะ
พ่อแม่เลี้ยงดูส่งเสียมาจนเรียนจบ ป.ตรี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ให้ท่านได้ใช้จ่ายตามที่ท่านต้องการบ้าง
อดออมให้ลูกมาทั้งชีวิตแล้ว

ต่อให้ลูกอายุ 40-50 แล้ว ถ้าลูกอยากได้อะไร
ยังไงเขาก็ต้องให้อยู่ดีค่ะ
เมื่อถึงวัยอันควรแล้ว เราไม่ควรฉกฉวยความรักของพ่อแม่มาใช้ประโยชน์ส่วนตัวค่ะ ถ้ายังตอบแทนท่านไม่ได้ ก็ไม่ควรเบียดบังท่านค่ะ

ถ้าพ่อแม่ถึงกับต้องเจียดเงินที่จะใช้ทำอย่างอื่นมาให้
แสดงว่าไม่ได้มีเงินเหลือเยอะแยะ

ลองคิดถึงกรณีฉุกเฉินอื่นๆด้วยนะคะ
อย่าเอาความอยากได้อยากมีมาบดบังเหตุผลที่ถูกต้องค่ะ
เราโตเป็นผู้ใหญ่แล้วค่ะ
ความคิดเห็นที่ 33
อายุจะ 30 อยากเรียนต่อยังต้องขอเงินที่บ้านให้ช่วยส่งให้ ทั้งที่ตัวเองก็ทำงานมาหลายปีแล้ว มันไม่ใช่อ่ะค่ะ
แล้วทั้งที่ตัวเองไม่มีเงินเก็บพอจะส่งตัวเองเรียน แต่ตั้งเป้าจำกัดว่าอยากไปก่อนสามสิบ เอิ่ม จะให้ที่บ้านช่วยถึงกี่ขวบคะเนี่ย
ความคิดเห็นที่ 3
ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร เพราะอายุก็ไม่น้อยแล้ว เมื่อไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องไปขอใครให้ลำบากใจหรอกครับ จะหาพวกก็ได้ครับ ที่บ้านเขาช่วยได้หมดนั่นแหละมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเดือดร้อนหรือเอาเงินไปทำอะไร เพราะก็รักลูก หลานเป็นเรื่องปกติ อยากเห็นมีอนาคต แต่เรื่องส่วนตัวเมื่อคนเราผ่ายวัยเรียนจบไปแล้วจะทำอะไรก็ควรทำด้วยกำลังตนเองครับ
ความคิดเห็นที่ 39
เวลาหกเดือนที่แพลนไว้ มันไม่พอที่จะยกระดับความสามารถด้านภาษา
จนถึงขนาดเอาไปหางานดีๆ หรืออัพเงินเดือนได้นะ

ล่ามโรงงาน ไม่ได้
นักแปล ไม่ได้
ครู ไม่ได้

หกเดือนจากระดับพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นที่คุณมี
อย่างมากก็สื่อสารในชีวิตประจำวัน เป็นเลขานายญี่ปุ่นยังไม่ได้เลย
แล้วอาชีพเก่าของคุณคืออะไร มันจะได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นไหม

ตรงนี้ดูล่องลอยมากๆ
อีกประเด็นคือ คุณอายุ 30 แล้ว
ความสามารถในการเรียนภาษาใหม่ ด้อยกว่าเด็กที่อายุน้อยกว่าแน่นอน
ถ้าคิดจะกลับมาแล้วได้อัพเงินเดือน จะเอาอะไรไปสู้
ทั้งอายุ ทั้งสกิล

ที่สำคัญคือ ทางบ้านไม่ได้มีเงินเหลือเฟือให้ใช้จ่าย
ต้องตัดตรงอื่น มาโปะให้คุณ
ควรคำนึงถึงความลำบากในจุดนี้ของครอบครัว

ความคิดเห็นของเรา
สนับสนุนให้ไป ถ้าเก็บเงินได้เอง ตามฝันสักครั้ง
ไม่สนับสนุนให้ไป ถ้าต้องขอเงินทางบ้าน จนทางบ้านเดือดร้อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่