ปธ.ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แจงเหตุผลที่ควรฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็ก 5-11 ปี และย้ำมีความปลอดภัย



ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2297775

“ศ.นพ.สมศักดิ์” ย้ำข้อดีวัคซีนไฟเซอร์ฉีดให้เด็ก 5-11 ปี ชี้ มีความปลอดภัย ติดเชื้อไม่เสียชีวิต ระยะห่างที่เหมาะสม8 สัปดาห์ ยังไม่แนะนำเชื้อตาย เหตุข้อมูลไม่เพียงพอ อย. ยังไม่รับรอง

วันที่ 26 ม.ค. 2565 ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย แถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า สาเหตุที่เด็กอายุ 5-11 ปี ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 เพราะมีปัญหาแทรกซ้อนเวลาติดเชื้อโควิด แม้จะไม่มีอาการแล้ว แต่ประมาณ 1 เดือนให้หลังอาจจะมีโรคที่เรียกว่า โรค MIS-C (มิสซี) มีการอักเสบของอวัยวะต่างๆซึ่งอาจจะรุนแรงได้ กรณีติดเชื้อโควิดและเด็กมีโรคเรื้อรังอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้

จากรายงานทั่วโลก และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รับรองแล้ว คือวัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) ฝาและฉลากสีส้ม ฉีด 10 ไมโครกรัม/โดส ต่างจากผู้ใหญ่ที่ 30 ไมโครกรัม/โดส และไม่แนะนำให้ใช้วัคซีนผู้ใหญ่มาฉีดในเด็ก อีกทั้งการฉีดวัคซีนแบบ mRNA เป็นการให้กระตุ้นเฉพาะภูมิคุ้มกันต่อโรค และหลังฉีดอาจจะมีอาการปวมบวมที่แขน แต่อาการไข้จะน้อยกว่าเด็กโตและผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่หายใน 1-2 วัน ค่อนข้างจะปลอดภัย
ส่วนข้อกังวลเรื่องเกี่ยวกับหัวใจ ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ระบุว่า ที่สหรัฐอเมริกาฉีดไปแล้ว 8-9 ล้านโดส มีอยู่ราว 11 คน แต่เมื่อตรวจแล้วอาการน้อยและไม่นานก็หายดี ไม่มีอาการุนแรง ซึ่งในสหรัฐฯ ฉีดเข็ม 2 ห่างจากเข็มแรก 3 สัปดาห์ ส่วนอังกฤษและออสเตรเลียพยายามจะฉีดห่างกัน 8 สัปดาห์ เพราะภูมิคุ้มกันสูงขึ้น อาการข้างเคียงน้อยลง ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจก็แทบจะไม่มี ฉะนั้น การฉีดให้เด็กต้องปลอดภัยที่สุดคือห่าง 8 สัปดาห์ เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม สำหรับวัคซีนเชื้อตาย อย่าง ซิโนแวค (Sinovac) หรือซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ยังรอข้อมูลอยู่ เพราะอย.ไทยยังไม่ได้รับรอง ข้อมูลยังไม่เพียงพอ จะไปฉีดส่งเดชไม่ได้ ต้องมีความปลอดภัยที่สุด

ทั้งนี้ ถ้ามีวัคซีนแล้วก็อยากจะฉีดให้เด็กทุกคนเพื่อให้เด็กปลอดภัยแน่ว่าถึงติดโควิด-19 ก็จะไม่มีอาการรุนแรงและไม่เสียชีวิต ซึ่งการฉีดในเด็กโตที่ผ่านมาพบว่าการติดเชื้อน้อยลงอย่างชัดเจน แต่ในช่วงหลังมานี้เด็กโตเริ่มกลับมาติดเชื้อ แสดงว่าวัคซีนกันเชื้อโอมิครอน (Omicron) ได้ไม่ค่อยดี ต่างจากเชื้อเดลตา (Delta) ที่คุมได้ดี แต่ถึงติดเชื้ออาการก็น้อยมากหรือไม่มีอาการ

“ไม่มีวัคซีนอะไรที่กัน 100% อยู่แล้ว ตอนนี้เราไม่ได้กลัวติด เรากลัวตาย ถ้าเป็นแล้วไม่ตาย เป็นแล้วอาการน้อย หรือไม่มีอาการเลยก็ปลอดภัยกว่า น่าจะฉีด ถามว่าถ้าเป็นลูกหลานหมอจะฉีดไหม รอเลยว่าเมื่อไหร่จะมาสักที อยากฉีดกันทั้งนั้นเพราะคิดว่าปลอดภัย แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง ไปเปลี่ยนพันธุกรรม เพราะเราไม่ได้ฉีด DNA เราฉีดRNA ซึ่งอยู่สั้นนิดเดียวก็สลายหมด ไม่ต้องกลัว และ RNA เหมือนกับที่ไวรัสสร้าง เราก็เลยใส่เสียเองไม่ต้องให้ไวรัสสร้าง ปลอดภัยกว่า”
อย่างไรก็ตาม จากการที่หลายประเทศฉีดวัคซีนให้เด็กค่อนข้างปลอดภัย ปัญหามีน้อยมาก ไม่มีใครเสียชีวิตจากวัคซีน แต่มีการเสียชีวิตจากโรค แนะนำว่าถ้ามีวัคซีนมาก็น่าจะฉีด ส่วนคำถามว่าผู้ปกครองบางส่วนยังรอวัคซีนเชื้อตายสำหรับเด็กนั้น ศ.นพ.สมศักดิ์ ให้คำตอบว่า ตอนนี้กำลังรอข้อมูล และที่ไม่แนะนำเป็นทางการเพราะไม่มีข้อมูลขึ้นทะเบียนไว้สำหรับการศึกษาจำนวนมากๆ และการศึกษาอย่างใกล้ชิดว่าภูมิคุ้มกันและผลแทรกซ้อนเป็นอย่างไร การจะฉีดวัคซีนในเด็กก็ต้องปลอดภัย ที่มีข้อมูลแน่ๆ แล้ว พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ ภูมิคุ้มกันขึ้นดี แต่อีกไม่นานอาจจะมีข้อมูลก็เป็นได้ ตอนนี้จึงแนะนำวัคซีนของไฟเซอร์

“แต่ตอนนี้ผมว่าถ้าวัคซีนรัฐบาลมีให้มาเยอะแยะพอ ก็ไม่ต้องห่วง ไปฉีดของรัฐบาลดีกว่า สะดวกกว่า ไม่ต้องเสียเงินด้วย”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่