ประเทศส่วนใหญ่ที่มีหัวรบนิวเคลียร์งั้นใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นความน่าจะเป็นในการที่พวกเขาจะปลดระวางหัวรบเหล่านั้นจึงมีต่ำมาก แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นในบางประเทศแล้วทำไมประเทศเกิดใหม่อย่างยูเครนที่เพิ่งเกิดในปี 1991 และมีหัวรบนิวเคลียร์อันดับ 3 ของโลก
(ประมาณ 1200 ลูก) ถึงยอมปลดประจำการหน่วยรบนิวเคลียร์ทั้งหมดล่ะ? ทำไมยูเครนถึงปลดประจำการหัวรบนิวเคลียร์?
เริ่มแรกเลยสหภาพโซเวียตเกิดสิ่งเล็กๆภายในประเทศที่เรียกว่าการล่มสลายทำให้กองกำลัง อุตสาหกรรมและรัฐบาลในสถานที่ต่างๆของประเทศเกิดใหม่ก็จะกลายเป็นของชาติที่เกิดใหม่นั้นภายในพรมแดนของประเทศนั้น และแน่นอนยูเครน เบลารุสและคาซัคสถานก็มีสิทธิ์ที่จะเก็บหัวรบนิวเคลียร์ที่สหภาพโซเวียตทีมไว้ในพรมแดนของพวกเขา แต่ระหว่างการล่มสลายของสหภาพโซเวียตประเทศชาติที่มีหัวรบนิวเคลียร์ก็ได้ทำการหารือกันว่าชาติเกิดใหม่ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ควรถูกปฏิบัติอย่างไรและที่สำคัญคือทำอย่างไรให้ประเทศเหล่านั้นปลดประจำการพวกมันทั้งหมด
เบลารุสและคาซัคสถานนั้นประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ในประเทศ พวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากประเทศที่มีนิวเคลียร์ให้จัดการทำลายพวกมันทั้งหมดแต่ก็ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับรัฐบาลของยูเครนเพราะผู้นำในขณะนั้นก็มีแนวความคิดว่าจะเก็บมันไว้อย่างแน่นอน แล้วทำไมเขาถึงไม่ทำล่ะ?
อย่างแรกเลยคือประชากรทั้งประเทศนั้นไม่เห็นด้วย เพราะในปี 1991 เศรษฐกิจยูเครนก็อยู่ในสถานะที่อยู่ในส้วมเรียบร้อยแล้วเพราะฉะนั้นการจัดหางบประมาณมาเพื่อดูแลรักษาหัวรบนิวเคลียร์ทั้งๆที่ประชากรนั้นยังไม่มีงานจะทำมันจะไม่เป็นการดีแน่นอน รวมถึงแรงกดดันจากฝ่ายค้านแล้วจะนานาชาติอีกด้วย นั่นส่งผลไปสู่เหตุผลที่สอง นั่นคือสหรัฐอเมริกาเพราะในขณะนั้นชาติตะวันตกได้มีการแจกเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับอดีตประเทศในสหภาพโซเวียตถึงแม้ว่าประเทศส่วนใหญ่นั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่ก็ติดอยู่ตรงข้อแม้ 1 ข้อของอเมริกา นั่นคือ ประเทศนั้นจะต้องปราศจากหัวรบนิวเคลียร์ มันก็เพราะอเมริกานั้นเพิ่งจะทำสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์และการที่ยูเครนมีหัวรบกว่า1,200 ลูกก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
และเหตุผลสุดท้ายคือยูเครนนั้นไม่มีความรู้ด้านอาวุธนิวเคลียร์เลยและการที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดก็ไม่เป็นการดีต่อเศรษฐกิจที่กำลังแย่อยู่แน่ๆ พวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก และการเก็บหัวรบนิวเคลียร์ที่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ยังไงและกำลังผุพังไปเรื่อยๆเป็นเวลา 30 ปี ก็ไม่เป็นอะไรที่ปลอดภัยนัก
และที่แย่ไปกว่านั้นยูเครนไม่มีเทคโนโลยีในการยิงหัวรบนิวเคลียร์เพราะคู่มือขั้นตอนวิธีการปฏิบัติและเทคโนโลยีทั้งหมดนั้นอยู่กับส่วนกลางที่ฐานทัพในมอสโกและแน่นอนเขาจะไม่ให้ความรู้พวกนี้ออกไปอย่างแน่นอน แต่ว่าของพวกนี้สามารถทำวิศวกรรมย้อนกลับได้แต่ก็แน่นอนมันก็ต้องใช้เวลาอย่างมากเงินจำนวนมหาศาลและความกดดันทางการเมืองทั้งในประเทศและนานาชาติอย่างมหาศาลเช่นกัน เพราะฉะนั้นมันก็แทบจะไม่มีเหตุผลในการเก็บมันไว้เลยด้วยซ้ำถึงแม้การมีหัวรบนิวเคลียร์จะเป็นเครื่องรับรองว่าประเทศคุณจะไม่มีทางโดนบุกกแน่นอน เพราะผลพวงจากการรุกรานประเทศที่มีหัวรบนิวเคลียร์จะแย่มากๆแน่นอน
ซึ่งทางนานาชาติก็เข้าใจและได้เสนอหนทางแก้ไขนั่นคือ The Budapes Memorandum สนธิสัญญานี้จะทำให้สหรัฐ สหราชอาณาจักรและรัสเซีย จะต้องยอมรับอำนาจอธิปไตยและขอบเขตของประเทศ 3 ที่ได้ประจำการอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเป็นการตอบแทนการปลดประจำการอาวุธนิวเคลียร์ แต่นี่ก็ไม่ใช่สนธิสัญญาป้องกันตัวเป็นแค่การตกลงกันว่าจะไม่มีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหรือล่วงล้ำอำนาจอธิปไตยของประเทศนั้น ประเทศยูเครนจึงตกลงซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดียกเว้นข้อขัดแย้งกันที่ไครเมีย
ซึ่งก็เกิดการประนีประนอมได้อย่างรวดเร็วและก็จะไม่มีปัญหาอะไรใดๆทั้งสิ้นตามมาหลังจากนั้นตลอดกาล
ทำไมยูเครนถึงยอมปลดประจำการอาวุธนิวเคลียร์
(ประมาณ 1200 ลูก) ถึงยอมปลดประจำการหน่วยรบนิวเคลียร์ทั้งหมดล่ะ? ทำไมยูเครนถึงปลดประจำการหัวรบนิวเคลียร์?
เริ่มแรกเลยสหภาพโซเวียตเกิดสิ่งเล็กๆภายในประเทศที่เรียกว่าการล่มสลายทำให้กองกำลัง อุตสาหกรรมและรัฐบาลในสถานที่ต่างๆของประเทศเกิดใหม่ก็จะกลายเป็นของชาติที่เกิดใหม่นั้นภายในพรมแดนของประเทศนั้น และแน่นอนยูเครน เบลารุสและคาซัคสถานก็มีสิทธิ์ที่จะเก็บหัวรบนิวเคลียร์ที่สหภาพโซเวียตทีมไว้ในพรมแดนของพวกเขา แต่ระหว่างการล่มสลายของสหภาพโซเวียตประเทศชาติที่มีหัวรบนิวเคลียร์ก็ได้ทำการหารือกันว่าชาติเกิดใหม่ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ควรถูกปฏิบัติอย่างไรและที่สำคัญคือทำอย่างไรให้ประเทศเหล่านั้นปลดประจำการพวกมันทั้งหมด
เบลารุสและคาซัคสถานนั้นประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่อยากจะมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ในประเทศ พวกเขาจึงขอความช่วยเหลือจากประเทศที่มีนิวเคลียร์ให้จัดการทำลายพวกมันทั้งหมดแต่ก็ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกับรัฐบาลของยูเครนเพราะผู้นำในขณะนั้นก็มีแนวความคิดว่าจะเก็บมันไว้อย่างแน่นอน แล้วทำไมเขาถึงไม่ทำล่ะ?
อย่างแรกเลยคือประชากรทั้งประเทศนั้นไม่เห็นด้วย เพราะในปี 1991 เศรษฐกิจยูเครนก็อยู่ในสถานะที่อยู่ในส้วมเรียบร้อยแล้วเพราะฉะนั้นการจัดหางบประมาณมาเพื่อดูแลรักษาหัวรบนิวเคลียร์ทั้งๆที่ประชากรนั้นยังไม่มีงานจะทำมันจะไม่เป็นการดีแน่นอน รวมถึงแรงกดดันจากฝ่ายค้านแล้วจะนานาชาติอีกด้วย นั่นส่งผลไปสู่เหตุผลที่สอง นั่นคือสหรัฐอเมริกาเพราะในขณะนั้นชาติตะวันตกได้มีการแจกเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับอดีตประเทศในสหภาพโซเวียตถึงแม้ว่าประเทศส่วนใหญ่นั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่ก็ติดอยู่ตรงข้อแม้ 1 ข้อของอเมริกา นั่นคือ ประเทศนั้นจะต้องปราศจากหัวรบนิวเคลียร์ มันก็เพราะอเมริกานั้นเพิ่งจะทำสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์และการที่ยูเครนมีหัวรบกว่า1,200 ลูกก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
และเหตุผลสุดท้ายคือยูเครนนั้นไม่มีความรู้ด้านอาวุธนิวเคลียร์เลยและการที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดก็ไม่เป็นการดีต่อเศรษฐกิจที่กำลังแย่อยู่แน่ๆ พวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอก และการเก็บหัวรบนิวเคลียร์ที่ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ยังไงและกำลังผุพังไปเรื่อยๆเป็นเวลา 30 ปี ก็ไม่เป็นอะไรที่ปลอดภัยนัก
และที่แย่ไปกว่านั้นยูเครนไม่มีเทคโนโลยีในการยิงหัวรบนิวเคลียร์เพราะคู่มือขั้นตอนวิธีการปฏิบัติและเทคโนโลยีทั้งหมดนั้นอยู่กับส่วนกลางที่ฐานทัพในมอสโกและแน่นอนเขาจะไม่ให้ความรู้พวกนี้ออกไปอย่างแน่นอน แต่ว่าของพวกนี้สามารถทำวิศวกรรมย้อนกลับได้แต่ก็แน่นอนมันก็ต้องใช้เวลาอย่างมากเงินจำนวนมหาศาลและความกดดันทางการเมืองทั้งในประเทศและนานาชาติอย่างมหาศาลเช่นกัน เพราะฉะนั้นมันก็แทบจะไม่มีเหตุผลในการเก็บมันไว้เลยด้วยซ้ำถึงแม้การมีหัวรบนิวเคลียร์จะเป็นเครื่องรับรองว่าประเทศคุณจะไม่มีทางโดนบุกกแน่นอน เพราะผลพวงจากการรุกรานประเทศที่มีหัวรบนิวเคลียร์จะแย่มากๆแน่นอน
ซึ่งทางนานาชาติก็เข้าใจและได้เสนอหนทางแก้ไขนั่นคือ The Budapes Memorandum สนธิสัญญานี้จะทำให้สหรัฐ สหราชอาณาจักรและรัสเซีย จะต้องยอมรับอำนาจอธิปไตยและขอบเขตของประเทศ 3 ที่ได้ประจำการอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเป็นการตอบแทนการปลดประจำการอาวุธนิวเคลียร์ แต่นี่ก็ไม่ใช่สนธิสัญญาป้องกันตัวเป็นแค่การตกลงกันว่าจะไม่มีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหรือล่วงล้ำอำนาจอธิปไตยของประเทศนั้น ประเทศยูเครนจึงตกลงซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดียกเว้นข้อขัดแย้งกันที่ไครเมีย
ซึ่งก็เกิดการประนีประนอมได้อย่างรวดเร็วและก็จะไม่มีปัญหาอะไรใดๆทั้งสิ้นตามมาหลังจากนั้นตลอดกาล