26/12/2564  
วันที่ 3 ของการเดินทาง

เข้านี้ประมาณ 10.00 น. เราก็เริ่มเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ต่อไป เป้าหมายของเรายังคงเหมือนเดิม นั่งก็คือ อ.เบตง จ.ยะลา แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะไปถึงหรือป่าวนะ ตั้งเป้าหมายไว้ก่อน วันนี้เรายังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อ ได้แต่ขับรถตาม GPS ที่ตอนนี้ตั้งไว้ที่เบตงก่อน ยังไม่รู้ว่าจะไปมืดที่ไหน หรือมีที่ไหนให้เราได้แวะซะก่อน ส่วนใหญ่แล้วก็ก็จะดูตามป้ายแหล่งท่องเที่ยวตามริมทางที่เราผ่าน ซึ่งสังเกตุได้จากป้ายสีฟ้าๆ ถ้าเห็นที่ไหนที่น่าสนใจหรือเราอยากไปก็จะแวะไปตามป้ายนั้น และถ้าเห็นทีท่าว่าใกล้จะมืดแล้วเราก็จะหาที่พักใกล้ๆ ทันที เราจะพยามหลีกเลี่ยงการขับรถตอนกลางคืนให้ได้มากที่สุด และเมื่อขับรถไปอีกสักพักเราก็ได้เป้าหมายที่เราจะไปในวันนี้แล้ว นั่นก็คือ “ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด” เมื่อเรามีเป้าหมายเราก็ตั้ง GPS ไปทันที เราก็ขับไป แวะไปกันเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้เร่งรีบอะไร เพราะแผนเราเปลี่ยนได้เรื่อยๆ เสมอครับ 555+ บวกกับระหว่างทางเราก็เจอฝนไปเป็นช่วงๆ ไม่ได้ตกหนักมาก แต่ก็พอถนนเปียกๆ ลื่นๆ ฝนก็จะตกๆ หยุดแบบนี้ไปตลอด  

แต่ตรงที่ที่เราไปโชคดีมากที่ไม่มีฝน  ประมาณ 15.00 เราก็ถึงที่หมายของเรา  ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ทางเข้าก็ทางทางลูกลัง เรียกได้ว่ารถวิ่งทีก็ฝุ่นตลบเลย 

ดูจากทางเข้าแล้วเหมือนจะไม่ค่อยมีคนเข้ามาเที่ยวเท่าไรนัก เพราะระหว่างทางเราไม่เจอรถคันไหนเลย คิดว่าเราโชคดีได้เที่ยวแบบส่วนตัวอีกแล้ว แต่พอเข้าไปถึงก็ผิดคาดครับ รถจอดกันเต็มลานจอดเลย เค้าคงมากันก่อนหน้านี้แล้ว เราคงไปสาย และผิดเวลาเหมือนเดิม ที่นี่จะเสียค่าบริการจอดรถ 20 บาท และก็ค่าเข้าไปด้านในอีกคนละ 30-40 บาท ประมาณนี้ครับจำตัวเลขไม่ได้แน่ชัด แต่ก่อนเข้าจะมีการตรวจอุปกรณ์ที่เราพกเข้าไปด้วยครับ อะไรที่ดูแล้วจะเป็นขยะได้ เช่นทิชชู่ ขวดน้ำ จะไม่ได้รับอนุญาติให้นำเข้าไปอย่างเด็ดขาด อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยครับ เพราะที่นี่ดูสะอาดมาก ไม่มีขยะให้เห็นเลย แม้กระทั่งตรงที่จอดรถ ก็มีพี่ๆ เจ้าหน้าที่เค้าคอยดูแลตลอดเวลา เดินเข้าไปด้านในใช้เวลาประมาณ 5 นาที ด้านในเป็นเหมือนสระน้ำ แต่เป็นส่ิงที่เกิดจากธรรมชาติ น้ำใสมากกก และก็มีคนและน้ำเยอะมากเช่นกัน ตอนแรกคิดว่าไม่มีคนจะมาถ่ายรูปเล่นซะหน่อย สรุปว่าผิดคาดไปหน่อย
เราเลยเปลี่ยนแผน ว่าจะลองไปพายเรือกัน ที่นี่เค้ามีบริการให้พายเรือเที่ยวด้วย จะซื้อตั๋วพายเรือมาตั้งแต่ตอนเข้าโดยรวมกับค่าเข้าเลยก็ได้ หรือถ้าหากไม่ได้ซื้อมามาเปลี่ยนใจข้างในแบบเราก็สามารถทำได้เช่นกัน ค่าพายเรือก็คนละ 50 บาท แต่ต้องพายเองนะ ถ้ามีคนพายให้จะคิดเพิ่มอีก 50 บาท ถ้าคนพายไม่เป็นแนะนำให้มีคนพายไปด้วยดีกว่าครับ ระยะทางไปกลับก็ประมาณ 3 กม. ส่วนเราพอพายเป็นอยู่บ้างก็เลยเลือกที่จะพายเอง พายไปจอดแวะถ่ายรูปกันไป เรื่อยๆ บรรยากาสร่มรื่น มีต้นไม้ปกคลุมตลอด แดดไม่ร้อน 2 ข้างเป็นป่าสวยงามเขียวขจี น้ำใสและเย็นมาก ทำให้ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร รู้สึกสดชื่นตลอดเวลา แต่พอถึงตอนพายกลับ เราก็คุยกันว่า เราน่าจะจ้างคนพายมาด้วยเนอะ แขนเริ่มหมดแรงแล้ว กว่าจะกลับถึงฝั่งก็เล่นเอาหมดแรงอยู่เหมือนกัน

พอถึงที่คืนเรือ เราถามพี่เค้าว่ามีที่เที่ยวหรือที่พักที่ไหนแนะนำสำหรับคืนนี้ไหม พี่เค้าบอกว่าตอนนี้เย็นแล้ว ให้ลองไปนั่งเล่นที่สันเขื่อนดู ตอนเย็นๆ สวยนะ เขื่อนที่พี่เค้าหมายถึงก็คือเขื่อนรัชประภา เค้าบอกว่าถ้าไปแถวนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องที่พัก เพราะมีเรียงรายกัน 2 ข้างทางเลย รับรองว่ายังไงคืนนี้ก็มีที่นอนอย่างแน่นอน เราก็ใจง่าย ตกลงตามนั้น ตามที่พี่เค้าแนะนำมา ขับรถมุ่งตรงไปยังสันเขื่อนที่อยู่ไม่ไกลกันมาก คิดว่าวันนี้เราคงได้ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกกันที่สันเขื่อน แล้วค่อยไปหาที่พักกันแถวๆ นั้น เมื่อเราไปถึงสันเขื่อนก็ประมาณ 17.00 น. ก็มีคนมาจอดรถชมบรรยากาศ รับอากาศบริสุทธิ์กันก็เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ถึงกับหนาแน่น เราก็เลยจอดรถริมสันเขื่อน ถ่ายรูปเล่น นั่งสูดอากาศรอดูพราะอาทิตย์ตก แต่ก็ไม่ได้เห็น เหมือนกับว่าวันนี้เมฆจะค่อนข้างหนา พระอาทิตย์เลยหายไปในเมฆซะก่อน
 
พอเริ่มเย็นใกล้ๆ มืดคนก็เร่ิมทะยอยเเดินทางกลับกันบ้างแล้ว แต่เราก็ยังคงดูวิว นั่งถ่ายรูป และเริ่มหาที่พักสำหรับคนนี้ ที่พักที่นี่ก็เยอะจริงๆ เพราะตอนขับรถผ่านเข้ามาก็เห็นอยู่หลายที่เลย 

เมื่อเราได้ที่พักวันนี้ก็ค่อนข้างมืดแล้ว แต่ที่พักที่เราเลือกไว้ก็ไม่ไกลมาก ไม่กี่นาทีก็ถึงนั่นก็คือ “ตาขุน เมาน์เท็นวิว” ซึ่งเป็นที่พักที่คิดว่าเหมาะกับเราในคืนนี้ เพราะเราจะเข้าไปนอนอย่างเดียว เช้าก็เดินทางต่อ ไม่มีอาหารเช้าให้ เมื่อเราขับรถเข้าไปถึงก็งงนิดหน่อย เพราะว่าตรงลานจอดรถของโรงแรมไม่มีรถจอดเลยสักคันเดียว เราเลยแอบคิดกันว่าคืนนี้อาจจะมีเราห้องเดียวที่มาพักก็ได้ เมื่อเข้าไปก็มีคนคอยให้เรา check in อยู่แล้ว เลยลองถามเค้าดูว่าคืนนี้แขกเยอะไหม เค้าบอกว่ามีหลายห้องอยู่ครับ แต่ตอนนี้เค้าออกไปหาอะไรทานข้างนอกกัน เมื่อเราได้ยินตามนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อยว่าคืนนี้เรามีเพื่อนนอนด้วย ด้วยความที่เราไม่อยากขับรถออกไปข้างนอกแล้ว เลยถามว่าทางที่พักมีร้านอาหารไหม ทางที่พักแนะนำว่าให้ขับรถออกไปหาอะไรทานด้านนอก เพราะว่ามีตลาดอยู่ แต่ว่าเราไม่อยากออกไปแล้ว ทางที่พักเลยให้เบอร์ร้านอาหารที่สามารถเข้ามาส่งให้เราได้ คืนนี้เลยจัดข้าวกันไปคนละกล่อง พร้อมน้ำโค้ก 1 ขวด ซึ่งค่าอาหารก็ราคาปกติ ไม่ได้บวกเพิ่มแต่อย่างใด เราสั่งอาหารไว้ก่อน จากนั้นก็เข้าห้องเอาของเก็บ อาบน้ำอาบท่าคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง (วันนี้อาบน้ำก่อนทานข้าว) ต้องบอกว่าที่นี่ห้องดีมาก ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว มีสระว่ายน้ำ มองเห็นวิวภูเขา   หลังห้องก็มีระเบียงให้เราออกไปนั่งทานข้าวได้ พออาบน้ำเสร็จอาหารที่สั่งไว้ก็มาส่งพอดี ทุกอย่างอร่อยมาก อาจจะเพราะบวกกับความหิวของเราเข้าไปด้วย

เดี๋ยวมาต่อใน Comment ครับ เนื่องจากความยาวเกินครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้*** การบอกว่าที่ไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร เป็นความเห็นส่วนตัวของเรา และขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเราด้วย สำหรับเราว่าไม่ดีคนอื่นอาจจะว่าดีก็ได้ หรือเราว่าดีคนอื่นอาจจะว่าไม่ดีก็ได้ นี่เป็นเพียงการเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราเท่านั้น มีดี มีไม่ดี มีสนุก มีไม่สนุกปนกันไป แต่โดยรวมแล้วมันคือรสชาติของชีวิตที่ลงตัว และประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้

https://www.facebook.com/lifeforfuntravel
ฝากติดตาม Fanpage เราด้วยนะครับ
 

EP. 0
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41201125
EP. 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41203228
EP. 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41207049
EP. 4
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41211767
EP. 5
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41212608
EP. 6
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41214606
EP. 7
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41216188
EP .8
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/41220423