จะไปอยู่บ้านแฟน เจอแม่แฟนพูดยังไงดีคะ ขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ

สวัสดีค่ะ ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ  เพิ่งตกงานตอนอายุ 30 ปีค่ะ มีสมบัติเป็นของตัวเอง รถเก๋ง 1 คัน ตอนนี้เครียดด้วยภาระที่ต้องชำระทุกเดือนเกือบ 4 พันบาท เลยปรึกษากับแฟนที่คบกันจะ2ปี (ทั้ง2ฝั่งรับรู้ แฟนอายุ25ปี แต่มีความรับผิดชอบ ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เจ้าชู้ ทัศนคติดูโตเกินอายุ ตลอดเกือบ2ปีไม่เคยทำเราเสียใจ คอลกันตลอดที่ว่าง)  เราอยู่ไกลกัน 500 กว่ากิโล เราเคยไปบ้านแฟนบ้างแล้ว แม่แฟนก็ชวนคุยดี ชวนกินข้าวปกติ ตอนที่ยังมีงานทำ วันหยุดเราเยอะ ต่างกับแฟนที่วันหยุดแค่วันเดียวหรือถ้าขอหยุดก็จะโดนหักเงินเกือบ 2 พัน เราเข้าใจด้วยเศษฐกิจแบบนี้ แม่เราก็ไม่ซีเรียสอะไร ให้เราโอเค แม่ก็โอเคได้หมด

ปรึกษากันมาสักพักแล้ว ว่าเราจะไปหางานทำที่บ้านแฟน ส่วนที่อยู่อาศัย เรากะจะหาห้องเช่าอยู่ หาได้แล้วด้วย แต่แฟนบอกให้ไปอยู่กับแฟนเลย จะได้ไม่ต้องไปจ่ายค่าห้องให้เสียดายอยู่ เอาเงินตรงนั้นมาออมทำบ้าน ปลอดภัยจากสังคมข้างนอกด้วย  แม่แฟนก้รับรู้ เรายังไม่ได้โทรคุย เราก็เลทไปครึ่งปี จนแม่แฟนก็ถามแฟน เมื่อไหร่จะมา จนนี่ตกงาน แฟนอยู่กับแม่แค่2คน น้องเรียนอยู่มหาลัยตจว. แฟนส่งน้องเรียนจะจบแล้ว ยังไม่ได้ผูกข้อไม้ข้อมืออะไร ตกลงกันว่า จะไปทำงานเก็บเงิน ปีหน้าจะต้องมาตกลงกับที่บ้านเราให้เรียบร้อย  

ประเด็นคือ .... จะโทรไปคุยกับแม่แฟนสักครั้งก่อนที่จะไป กลางเดือนนี้  ขับรถไปเอง เมื่อเจอหน้าแม่จะต้องพูดยังไงดี ซื้อพวงมาลัย ของฝากไปฝากเนื้อฝากตัวประมาณไหนดี ขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ 

รู้ตัวนะคะว่าทำแบบนี้มันไม่ดี คำติที่ไปอ่านบางกระทู้ค่อนข้างแรง เรายินดีน้อมรับคำติ ที่ไม่ถูกตามประเพณี จะให้ออกไปเช่าอยู่กันข้างนอก 2 คน แม่อยู่คนเดียว ไปจ่ายค่าห้องค่ากินที่เพิ่มกันอีก ด้วยการเงินทั้งเราและแฟนไม่พร้อมตอนนี้ การเดินทางจะทำอะไรต้องใช้เงินทั้งนั้น เราไม่อยากกู้มา ด้วยเห็นญาติที่กู้เงินมาแต่งจนต้องเป็นหนี้เป็นสินทุกวันนี้  เราต้องขอยอมรับว่า ด้วยฐานะที่เหมือนจะมีแต่เบื้องหลังหนี้สินแม่เยอะมาก ถ้าเฉพาะของเราเราไหว แต่ที่ผ่านมาเติบโตช้าเพราะเงินที่มีก็ต้องช่วยแม่หมด สถานการณ์ตอนนี้เราต้องขอพึ่งแฟนก่อน ถ้าได้งานประจำแล้ว บ้านแฟนมีสวน มีที่ให้ขยับขยายทำมาหากิน ช่วยกันสร้างต่อไป
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จขกท. จะไปอยู่กินกับแฟนด้วยความจำเป็นทางเศรษฐกิจ ไม่มีใครตำหนิจขกท.ได้ (และบรรลุนิติภาวะมีงานทำรับผิดชอบตัวเองได้เป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งคู่)ไม่ต้องกังวลขอเพียงแต่เรื่องของผู้ใหญ่ 2 ฝ่ายเท่านั้น
1. แม่ฝ่ายชาย เขายินดีต้อนรับ ไปอยู่บ้านเขา ก็ช่วยงานบ้านเขาเล็กๆน้อยบ้าง และพยายามหางานทำให้ได้ก่อน ให้แม่ฝ่ายชายเห็นว่า จขกท.ไม่ใช่ภาระของลูกเขา พอเวลาผ่านไป รู้จักกันพอสมควร แม่เขารักลูกสะใภ้คนนี้แล้ว ค่อยวางแผนมีลูก จะทำงานต่อหรือออกจากงานมาเป็นแม่บ้านแล้วแต่จะคุยกันในครอบครัว
2. แม่ของ จขกท. ชี้แจงให้แม่เข้าใจว่าต้องไปอยู่กินกันก่อนงานแต่งด้วยเหตุตกงาน มีความจำเป็นทางการเงินจะได้มีเงินเหลือพอช่วยเหลือแม่ได้ต่อไป ไม่ต้องการให้หมดเปลืองไปกับพิธีแต่งงาน/สินสอด
3. จขกท.เองก็ต้องยอมรับว่างานแต่งในอนาคตอาจไม่มี ไม่มีชุดเจ้าสาวสวยๆ เพราะพออยู่กันแล้วฝ่ายชายมักไม่เห็นความสำคัญในงานแต่ง สู้เอาเงินไปใช้อย่างอื่นให้มีประโยชน์ต่อครอบครัวดีกว่า เช่นซื้อบ้านใหม่ของตนเอง เงินเพื่อการศีกษาของลูก เงินสำรองเมื่อเจ็บป่วยตกงาน ฯลฯ

ผมสนับสนุนให้ไปสร้างครอบครัวครับ ไม่ต้องกังวลต่อความคิดคนอื่นจนเกินไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่