ขอให้ระวังเรื่องอมัลกัมเอาไว้ให้ดีนะครับ ถึงมันจะถูกกว่านิดหน่อยแต่เมื่อทำไปแล้วมันอาจไม่กลับมาเหมือนเดิม

กระทู้สนทนา
ก่อนที่จะให้ข้อมูล ขอก๊อปปี้เพสท์ข้อมูลเวลาหมอฟันพูดถึงอมัลกัมมาไว้ข้างบนก่อนนะครับ

Q: ว่าแต่อมัลกัมคืออะไร
A: อมัลกัม (Amalgam) คือวัสดุโลหะที่มีสีเงินสำหรับใช้ในการบูรณะฟัน เช่นการอุดฟัน โดยมีส่วนประกอบหลัก คือ เงิน ทองแดง ดีบุก สังกะสี และปรอท
Q: มีปรอทด้วย แล้วไม่มีอันตรายต่อร่างกายหรือ
A: ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีงานวิจัยมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับผลกระทบของอมัลกัมต่อสุขภาพของร่างกาย แต่การศึกษาโดยส่วนใหญ่พบว่าปริมาณอมัลกัมที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายนั้น มีปริมาณน้อยมากๆ จนไม่ทำให้เกิดโรค
Q: แล้วทำไมถึงยังใช้อมัลกัมอยู่ ทำไมไม่เปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นที่ปลอดภัยมากกว่า
A: อมัลกัมนั้นมีราคาถูกกว่าวัสดุชนิดอื่น ทำให้สามารถให้บริการได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่า รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆเช่น ขั้นตอนการใช้งานที่ซับซ้อนน้อยกว่าการใช้วัสดุสีเหมือนฟัน   ซึ่งส่งผลให้โอกาสเกิดความผิดพลาดในการอุดที่น้อยลง
Q: ได้ยินว่าประเทศอื่นๆ เค้าห้ามใช้กันหมดแล้ว เหลือแต่ประเทศเราที่ยังใช้อยู่เพราะราคาถูก
A: ในปัจจุบัน หน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องของความปลอดภัยด้านอาหารและยาในประเทศต่างๆ เช่น ADA (สมาคมทันตแพทย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา), FDA (หน่วยงานด้านอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา), SCENIHR (หน่วยงานด้านอาหารและยาของสหภาพยุโรป) ยังคงให้การรับรองถึงความปลอดภัยในการใช้อมัลกัมในทางทันตกรรม อย่างไรก็ดี ในบางประเทศ เช่น เดนมาร์ก, สวีเดน, นอร์เวย์, ญีปุ่น และในบางประเทศ ได้เริ่มห้ามหรือจำกัดการใช้อมัลกัมแล้ว
สรุป
อมัลกัมเป็นวัสดุอุดฟัน ที่มีส่วนผสมของปรอท สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้แต่เป็นปริมาณที่ต่ำมาก ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ข้อดี คือ ราคาถูกและใช้งานง่าย ทำให้ยังมีการใช้อยู่ในปัจจุบัน 

และ

อุดสีเงิน..จะได้รับอันตรายจากปรอทไหม? ตอบว่า อมัลกัมอุดไปแล้วไม่อันตรายนะครับ เพราะมีปรอทเป็นส่วนผสมน้อย และองค์การอนามัยโลกรวมไปถึง สมาคมทันตแพทย์แห่งอเมริกา ก็ได้ออกแถลงการณ์มายืนยันแล้วว่า ไม่เป็นอันตราย
เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก American dental Association

และ

FDI World Dental Federation และสมาคมทันตแพทย์ระดับโลกต่างๆ ได้วิจัย รวมถึงวิเคราะห์งานวิจัยที่น่าเชื่อถือมากมาย ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ปรอทในอมัลกัม จะก่อให้เกิดปัญหาใดๆ นอกจากนี้ รัฐบาลในประเทศแถบยุโรป ยังทุ่มงบประมาณ ทำงานวิจัย เพื่อดูว่า ผู้ป่วยที่มีการกำจัดวัสดุสีเงินออกจากช่องปากแล้ว จะมีความแข็งแรง หรือมีปัญหาสุขภาพต่างๆ ลดลงไหม ผลก็ยังไม่สามารถเชื่อมโยงว่า การกำจัดวัสดุสีเงินจากช่องปากนี้ จะมีผลให้สุขภาพดีขึ้น

แม้ว่าจะไม่สามารถหางานวิจัยที่ดีพอในการระบุว่าอมัลกัมเกี่ยวข้องกับโรคทางระบบต่างๆก็ตาม ปรอทในอมัลกัมก็ได้รับการโจมตีอย่างมากจากสาธารณะว่า จะส่งผลร้ายต่อร่างกาย ทำให้หลายๆประเทศ เริ่มยกเลิกการใช้อมัลกัมในการอุดฟัน องค์การอนามัยโลกได้มีข้อตกลงให้ค่อยๆเลิกใช้อมัลกัมในการอุดฟัน (ทั้งนี้ด้วยเหตุผลเรื่อง การลดความปนเปื้อนของสารปรอทในสิ่งแวดล้อม) โดยค่อยๆปรับลดการผลิตลง ในอนาคตข้างหน้า ทันตแพทย์ก็จะหาอมัลกัมมาใช้ในการอุดฟันได้ยากขึ้น

หากเรากลัวการปนเปื้อนปรอท เราควรระมัดระวังการทานอาหารทะเลและระมัดระวังการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจจะปนเปื้อนสารปรอทด้วย เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้จะมีผลต่อการสะสมของสารปรอทในร่างกายมากกว่าปรอทในอมัลกัมเป็นอย่างมาก

----------------------------------------------------------------------------------------------------

ส่วนข้อมูลของทางผมเองนะครับ

สิ่งที่ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้ระบุให้ครบก็คือ ประเทศที่ยกเลิกการใช้อมัลกัม ไม่ให้ใช้มันกับเด็กและสตรีตั้งครรภ์นะครับ
ประเทศที่ตั้งใจยกเลิกอัลมกัมไม่ใช่อเมริกาที่เป็นต้นตำรำของการแพทย์ แต่กลับเป็นยุโรปหรือญี่ปุ่น
และอเมริกาก็มีท่าทีว่าจะไม่มีทางยกเลิก หรือยกเว้นการใช้อมัลกัมกับเด็กและสตรีตั้งครรภ์ด้วยครับ
ดังนั้นแอคชันขององค์กรอย่าง American dental Association หรือ FDA ของอเมริกา
ดูจะสวนทางกับความเป็นห่วงผู้บริโภคของประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ
ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีว่า รัฐบาลอเมริกาให้ประชาชนดูแลสุขภาพกันเองด้วยการซื้อประกันสุขภาพ
ไม่ได้มีสวัสดิการด้านสุขภาพแบบประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วไปครับ
และบริษัทยาก็คือกองทุนหลักของรัฐบาลสหรัฐครับ
นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ประชาชนต้องจ่ายและต้องระมัดระวังเรื่องสุขภาพกันเอง

ดังนั้นการอ้างอิงกับ American dental Association หรือ FDA ในเรื่องของอมัลกัมเป็นหลัก
เป็นอะไรที่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจนักครับ การเลิกใช้อมัลกัมกับเด็กและสตรีตั้งครรภ์ของประเทศพัฒนาแล้ว
ก็มาจากการห่วงในสุขภาพมากกว่าเรื่องห่วงในเรื่องสิ่งแวดล้อมครับ 

งานวิจัยที่บ่งชี้ว่าปรอทจากอมัลกัมเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคไม่มีทางมีได้แน่นอนครับ
เพราะสารปรอทเป็นสารพิษโลหะหนักที่สะสมอยู่ในเนื้อเยื่อ โดยเฉพาะสมองที่เต็มไปด้วยไขมัน
ไม่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ในขณะนี้ที่สามารถพบสารปรอทสะสมโดยไม่ต้องผ่าสมองของคนไข้
ปัจจุบันเรามีเฉพาะการตรวจเลือดเท่านั้น และการใช้ EDTA ดึงออกมาให้เห็นในกระแสเลือด ซึ่งก็ทำได้เพียงส่วนหนึ่ง
จึงไม่แปลกที่งานวิจัยจะไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยโรคต่าง ๆ กับการมีอมัลกัมอยู่ในปากครับ

แต่มีงานวิจัยที่พบครับว่าอมัลกัมทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลง 
และมีงานวิจัยที่พบว่าสมองมีการสะสมสารปรอทในระดับสูงครับ

อมัลกัมปล่อยไอปรอทได้มากหรือน้อย สามารถนำเอาเครื่องเจอโรมมิเตอร์มาวัดเองได้เลยครับ
มีการทดลองมากมายที่ทำกันทั่วไป อมัลกัมมีการคายไอปรอทที่ง่ายมาก แค่เกิดการเสียดสีทั่วไปก็คายไอได้แล้ว
ไม่ต้องถึงกับเป็นการเคี้ยวอาหาร ซึ่งแต่ละครั้งที่เกิดการปล่อยไอปรอทก็จะออกมาอย่างต่อเนื่องอาจจะมากถึง 30 นาที
แล้วถ้าเราเคี้ยวอย่างต่อเนื่อง หรือ เผลอถูกบริเวณอมัลกัมบ่อย ๆ ก็เท่ากับได้รับไอปรอทเข้าสู่ร่างกายทั้งวัน

การถูกสารพิษโลหะหนักมันเป็นเรื่องของการสะสมในระยะยาวครับ
แต่หมอยังคงให้น้ำหนักกับการเอาออกไปแล้วทำไมโรคยังไม่หาย นั่นก็เพราะมันเข้าไปอยู่เนื้อเยื่อทั้งหมดแล้วครับ
ผมถึงบอกว่าถ้าใส่อมัลกัมไปแล้ว หลายปีผ่านไปมันไม่เป็นอะไร พอมาเกิดโรคทีหลัง
ถึงจะเอาอมัลกัมออกไปทั้งหมด โรคที่เกิดก็ไม่หายครับ 
เราจึงไม่สามารถเอามาตรฐานแบบงานวิจัยทั่ว ๆ ไป มาใช้กับเรื่องปรอทหรือสารพิษโลหะหนักไม่ได้
แล้วจะไปให้หมอขับสารปรอทออก ก็ให้รู้ไว้เลยว่ามันจะมีการย้อนกระจายกลับ
ซึ่งนอกจากโรคจะไม่หายแล้วจะทำให้เป็นโรคหนักยิ่งกว่าเดิมด้วยครับ

ดังนั้นผมจึงอยากจะมาเตือนไว้ว่า ถ้าเลือกได้ เลือกวัสดุเรซินเถอะนะครับ
มันได้ไม่คุ้มเสียเลยกับการสะสมสารปรอท 
การสะสมของสารปรอทเกิดขึ้นในอวัยวะ เพราะมันไม่ชอบอยู่ในเลือด
มันจึงไม่ได้ถูกขับออกผ่านไตตามปกติ ซึ่งหมอส่วนใหญ่เชื่อว่าร่างกายขับมันออกไปได้
เพราะตรวจเลือดแล้วไม่เจอมันแต่ไม่ใช่ครับ มันหลบเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อทั้งหมดแล้ว 95%

คนในวันนี้ใน 100 คน อาจจะป่วยเพราะอมัลกัมแค่ไม่กี่คนในตอนที่อายุยังไม่มาก
แต่ส่วนใหญ่มันจะไประเบิดอีกทีตอนที่อายุมากแล้ว เพราะร่างกายรับไม่ไหวแล้ว
การเกิดโรคจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับ ปริมาณสารพิษที่สะสมมาภายในครอบครัวของแต่ละครอบครัว
เพราะลูกสามารถรับต่อมาจากแม่ได้ ปรอทพวกนี้มันจะไม่ไปไหน
การที่คนเป็นโรคเรื้อรังเร็วขึ้น ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ น่าจะมาจากสาเหตุนี้เช่นกัน

สำหรับข้อที่ว่าคนส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้ใช้อมัลกัมแล้ว เพราะผลิตน้อยลงหรือนิยมน้อยลงก็แล้วแต่
แต่คนในยุคนี้ยังต้องรับของที่พ่อแม่ หรือปู่ย่าสะสมมาให้เราด้วย ถ้าพวกท่านมีอมัลกัม

สำหรับปรอทจากปลาหรืออาหารทะเลนั้น มันอาจจะเรื่องใหญ่สำหรับปลาบางชนิด
เช่นปลาฉลาด หรือปลาที่มีขนาดใหญ่ เพราะพวกมันสะสมปรอทมาเยอะ พอกินเข้าไปแล้ว
เกิดอาการโคม่าเลยก็มี แต่ถ้าเป็นอาหารทะเลทั่วไปมันไม่มีปัญหาเพราะการผ่านลำไส้
เรายังมีแบคทีเรียดีคอยช่วยอยู่ชั้นหนึ่ง แต่ถ้าเป็นไอปรอทจากอมัลกัมล่ะก็
มันไปที่สมองได้ทันทีครับมันเคยมีงานวิจัยกับลิงอยู่ และการทำงานมันเป็นอย่างนั้น

ส่วนใครจะเชื่อ American dental Association หรือ FDA ก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจครับ
แต่ผมต้องเตือนว่าของพวกนี้มันมีพวกผลประโยชน์ทับซ้อนได้อยู่แล้ว 
ยิ่งถ้าสารพิษนั้นเป็นประเภทแบบว่า เน้นสะสม ไม่เน้นออกอาการ
ยังไง ๆ ก็ไม่มีใครรับหรอกครับว่ามันเป็นตัวอันตราย จะเสี่ยงให้ถูกฟ้องทำไมครับ 
ซึ่งมันมีเหลี่ยมให้หลบเลี่ยงข้อกล่าวหาเยอะอยู่แล้ว 

ผมมองว่าไม่ใช่เพียงเขาจะหลอกคนทั่วไปเท่านั้น
แต่เขายังต้องหลอกหมอด้วยกันด้วย
หมอฟันนี่เป็นอาชีพที่ต้องรับสารปรอทกันไปเต็ม ๆ ตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือเลยทีเดียว
ซึ่งนั่นก็ทำให้กลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีอายุคาดเฉลี่ยสั้นเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับหมอฟันที่เป็นผู้ชาย
ส่วนหมอผู้หญิงอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ 
ที่ผ่านมาหมอศึกษาแค่เพียงว่าโรคเกิดจากการถูกอะไรได้บ้าง
แต่ไม่ได้ศึกษาเรื่องผลของการสะสมของสารพิษเรื้อรังเลย
และเมื่อพวกเขาไปอ้างอิงกับงานวิจัย ก็จะไม่เจอข้อมูลเกี่ยวกับการสะสมสารพิษแบบเรื้อรัง
เพราะสาเหตุของโรคแบบที่ควบคุมไม่ได้ในงานวิจัย

ส่วนอมัลกัมจะทำให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง ตามหลักทางวิทยาศาสตร์
การที่ปรอทเข้าไปอยู่ในสมองและเนื้อเยื่อในอวัยวะสำคัญ ๆ ได้ 
อันดับหนึ่งมันกระตุ้นให้เกิด โรคที่เกี่ยวกับภูมิต้านทานตนเองทุกชนิด
ถัดมา มันทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่ไม่มีวันหาย
และมันทำให้ระบบฮอร์โมนปั่นป่วน เพราะมันไปขัดขวางการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ
และสุดท้าย โรคทางสมองทั้งหมด 

เชื่อว่าโรคเรื้อรังทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน เกือบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ
กลุ่มนี้ทั้งนั้น ไม่ตัวใดก็ตัวนึง ส่วนที่จะว่า ๆ รับผิดชอบทั้งหมด 100% หรือไม่ 
อันนี้ไปว่ากันเป็นอีกเรื่อง แต่ถ้าจะคิดว่าไม่เกี่ยวข้องเลย เพื่อให้สบายใจก็โอเคครับ 
เพื่อไม่ให้จิตตก รู้สึกย่ำแย่ยิ่งขึ้นไปอีก 

คนที่ยังไม่ได้ทำ หรือคิดว่าจะเลือกอุดฟันแบบไหนดี
ก็ชั่งใจดูสักหน่อยนะครับ ว่ามันคุ้มได้คุ้มเสียหรือไม่ กับส่วนต่างไม่กี่ร้อย
กับหาข้อมูลนอกเยอะหน่อย ถ้าข้อมูลในประเทศ เขาก็พูดเหมือน ๆ กันแหล่ะครับ
บ้านเรามันประเทศเล็ก

การรื้อออก ถ้าทำได้ก็ดี แต่หาร้านหมอที่มีเครื่องป้องกันครบ
มีท่อออกซิเจนที่สามารถกันไอปรอทตอนที่มีการปั่นได้ 100% 
ซึ่งในไทยยังไม่มี มีแค่ต่อออกซิเจนแต่ไม่ได้กันได้ทั้งหมด 
แต่ถ้ากระแสมันมา เราอาจได้เห็นมีหมอลงทุนทำตัวนี้
อีกประการหนึ่งคือ ถ้าเอาออก ต้องออกให้หมด อย่าเหลือเป็นผง ๆ หรือจุดเล็ก ๆ
ให้ถ่าย x-ray แบบเป็นฟิลม์ขยายได้ชัดในหน้าจอคอมพิวเตอร์ ถ่าย ซ้ำ สองทีที่จุดเดิมเพื่อกันจุดเสียบนแผ่นฟิลม์ (อาร์ติแฟกต์)
ถ้าเห็นจุดขาวไหน ชัวร์ ๆ ให้หมอปั่น หรือขูดเอาบริเวณนั้นออกให้หมด
แต่นี่ไม่ใช่ทางรักษาโรคนะครับ ปรอทชุดเดิมที่เข้าไปแล้วยังคงอยู่ 
เพียงแต่จะช่วยผ่อนร้ายให้เป็นเบาเท่านั้น

จุดขาว ๆ แบบนี้นะครับ จุดที่ไม่ได้วง คือเทียบกับอีกฟิลม์แล้วมันไม่อยู่ที่เดิมเพราะเป็นอาร์ติแฟกต์


ขออนุญาตแนะนำช่องทางที่เป็นงานของผมนะครับ ถ้าสนใจสามารถเข้าไปดูอ่านหรือคอมเมนต์ได้
ช่องทางยูทูป : Revelation on youtube channel
ฟอรัมถามตอบสุขภาพในแอปโหลดได้ฟรีและผมเข้าไปตอบตลอด : Revelation application (android)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่