แชร์ประสบการณ์ลูกติดเชื้อไวรัส RSV โรคยอดฮิตในเด็ก และการดูแลเองที่บ้าน

สวัสดีค่ะแม่ๆ ช่วงนี้เด็กน้อยหลายคนติดเชื้อไวรัส RSV กันเยอะมากเลย ลูกเราก็เป็น 1 ในนั้น ทั้งที่อยู่แต่บ้าน ไม่ได้ให้ออกไปเล่นไปเจอใครเลย ยังอุตส่าติดเชื้อได้ แล้วอาการช่วงแรกคือสังเกตยากเหมือนกันนะ คล้ายกับไข้หวัดทั่วไปเลย กว่าจะรู้ก็อาการหนักแล้ว ที่สำคัญยังไม่มียารักษาด้วย ถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับเด็กเลยค่ะ ตอนนี้ลูกเราก็หายแล้ว แต่บอกเลยว่าไม่ได้หายสนิท เหมือนจะมีเอฟเฟคจาก RSV ติดตัวอยู่ วันนี้มีเวลาเลยอยากมาแชร์ให้แม่ๆคนอื่นลองอ่านกันค่ะ ว่า RSV คืออะไร อาการเป็นยังไง แล้วก็มีวิธีการดูแลยังไงบ้าง

เริ่มจากอาการที่ลูกเราเป็นก่อนนะคะ ลูกเราอายุ 2 ขวบ เค้าติดเชื้อช่วงที่ผ่านมานี่เองค่ะ

วันแรก อยู่ดีๆเค้าเริ่มมีน้ำมูก และไอเยอะผิดปกติ แต่วันแรกยังไม่มีไข้นะคะ เราก็ให้กินยาลดน้ำมูก กับยาแก้ไอที่มีติดบ้านค่ะ

พอตกกลางคืน เริ่มไอหนักขึ้น เหมือนมีเสมหะ ไอถี่จนเริ่มเหนื่อย ก็เริ่มกังวลละ

วันที่สอง ไอเยอะขึ้น บวกกับเริ่มมีไข้วัดเองที่บ้านได้ 37.2 เลยรีบพาลูกไปโรงพยาบาล ตอนนั้นกังวลมากค่ะ ไม่ได้คิดถึง RSV เลย ยอมรับว่าตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลเรื่อง RSV กลัวแต่ลูกจะเป็นโควิดอย่างเดียวเลย เพราะลูกไอหนักมากกก ไอแบบเหมือนพยายามจะเอาอะไรออกมา ไอจนเหนื่อยเลยค่ะ

ไปถึงโรงพยาบาลก็รอคิวนานประมาณนึงเลย เพราะเด็กป่วยมาหาหมอเยอะมาก

คุณหมอบอกว่าจากอาการอาจจะติดเชื้อ RSV ค่ะ

คุณหมอบอกว่า RSV ยังไม่มียารักษานะ ทำได้แค่รักษาตามอาการไป แต่ที่ต้องตรวจเชื้อ เพราะจะได้เฝ้าระวังถูก ถ้าไม่รู้ แล้วดูแลไม่ดีอาจจะมีอย่างอื่นแทรกซ้อนได้ สรุปลูกว่าลูกเราก็ต้องแอดมิทนอนโรงพยาบาลเลยค่ะ

วันที่สาม - วันที่เจ็ด นอนโรงพยาบาล คุณหมอดูแลใกล้ชิดมาก เนื่องจากตรวจเพิ่มแล้วเชื้อลงปอดค่ะ เสมหะเยอะมาก ต้องเคาะปอด ดูดเสมหะ พ่นยาขยายหลอดลม ให้ยาลดไข้ สงสารลูกมากค่ะ แต่ยังโชคดีที่ลูกไม่ซึมมาก ยังกินข้าวกินนมได้ค่อนข้างดี คุณหมอบอกว่าดี เพราะจะทำให้หายไวค่ะ

ลูกเราแอดมิทอยู่ห้าวัน จนไม่มีไข้ ไม่มีน้ำมูก และไอน้อยลง ยังไม่หายสนิทแต่อยู่ในเกณฑ์ที่กลับบ้านได้แล้วค่ะ ช่วงหลังจากออกจากโรงพยาบาลช่วงแรกๆ ยังมีนัดเข้าไปพ่นยาอยู่ แต่เราเองก็กังวลเรื่องเสี่ยงโควิด เลยปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่าจริงๆทำที่บ้านเองได้ ทั้งล้างจมูก และพ่นยา แต่ต้องทำให้ถูกวิธี คุณหมอเลยให้พยาบาลสอนวิธีล้างจมูกที่ถูกต้องสำหรับเด็กให้ จ่ายเป็นยาขยายหลอดลมแบบที่ใช้กับเครื่องพ่นละอองยามาให้ แล้วให้เราหาซื้อเครื่องพ่นละอองยามาใช้เองที่บ้านค่ะ หลังจากนั้นก็เลยไม่ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆละ
.
.
.
วิธีดูแลตัวเองที่บ้าน เวลาที่มีน้ำมูกหรือมีเสมหะเยอะ ที่คุณหมอแนะนำนะคะ

สิ่งที่ควรทำทุกวันคือ การล้างจมูก ค่ะ มีประโยชน์มากๆ ช่วยให้โพรงจมูกสะอาด ป้องกันไม่ให้เชื้อโรค ไวรัสต่างๆเข้าไปในปอดของลูก แล้วก็ทำให้ลูกหายใจโล่งขึ้นด้วยค่ะ

อุปกรณ์ในการล้างจมูก ก็จะใช้เป็นน้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% นะคะ ที่บ้านใช้ยี่ห้อ Klean&Kare แบบนี้ค่ะ หาซื้อง่ายดีเซเว่นก็มี ร้านยามีหมด

จะใช้กับไซริงค์แบบนี้ค่ะ อันนี้ก็ซื้อจากเซเว่นเหมือนกันของ Nasal Kit จะมีจุกแบบที่ใช้แล้วไม่เจ็บจมูกลูกมาให้ด้วยค่ะ


วิธีล้างจมูกแม่ๆทำตามนี้ได้เลยนะคะ แรกๆลูกจะดิ้น งอแงหน่อย เดี๋ยวเค้าก็ชินค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ต่อไปเป็นการพ่นยาขยายหลอดลมนะคะ สำหรับลูกคนไหนที่ป่วยบ่อยๆ มีปัญหากับระบบทางเดินหายใจ เป็น RSV ภูมิแพ้ หอบหืด หรืออะไรที่ต้องไปพ่นยาที่โรงพยาบาลบ่อยๆแบบลูกเรานะคะ ส่วนตัวมองว่าซื้อเครื่องมาพ่นเองที่บ้านสะดวกและคุ้มกว่าค่ะ ไม่ต้องหิ้วลูกไปเสี่ยงที่โรงพยาบาลบ่อยๆด้วย แต่ว่าต้องปรึกษาคุณหมอก่อนนะคะ เรื่องยา ต้องให้คุณหมอแนะนำนะ ว่าใช้ตัวไหน ปริมาณเท่าไหร่ เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ของลูกเราคุณหมอให้เป็นยาตัวนี้ค่ะ

Ventolin Nebules 2.5 mg เค้าจะมาเป็นหลอดแบบนี้นะคะ อย่างที่บอกว่าต้องถามคุณหมอก่อนนะเรื่องสัดส่วนที่ใช้ค่ะ ยาตัวนี้จะเอาไว้ใช้กับเครื่องพ่นละอองยาค่ะ

ตัวเครื่องพ่นละอองยาสำหรับใช้ที่บ้านก็มีหลายแบบนะคะ ส่วนมากที่เราเจอมาจะเป็นเครื่องใหญ่หน่อย แต่ตัวที่บ้านเราใช้อยู่จะเป็นแบบพกพาค่ะ เครื่องเล็ก เด็กๆถือเองได้เหมาะมือ เป็นของยี่ห้อ Prosper รุ่น PN-100 ตัวนี้ค่ะ

ตัวนี้ที่หาข้อมูลมาจะต่างจากตัวใหญ่ๆแค่เรื่องขนาดเลยค่ะ ประสิทธิภาพพอกัน ซึ่งเราว่าแบบเครื่องเล็กก็น่าจะใช้งานสะดวกกว่า แบบเคลื่อนย้ายง่าย พกติดตัวง่ายค่ะ ใช้ได้ทั้งเด็กแล้วก็ผู้ใหญ่นะคะเค้ามีหน้ากากครอบมาให้ 2 ไซส์ วิธีใช้ก็ใส่ยา Ventolin ที่คุณหมอให้ไปในเครื่องแล้วก็กดปุ่มทำงานได้เลย ใช้ง่ายค่ะ ดูตามจากในนี้ได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นอกจากการดูแลลูกแล้ว ผู้ปกครองอย่างเราก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะ เพราะส่วนใหญ่แล้วเด็กจะติดมาจากคนรอบตัวค่ะ เวลาพ่อแม่กลับมาจากข้างนอก คิดถึงลูกแค่ไหน ก็ต้องอดใจไว้นะคะ อย่าเพิ่งกอด อย่าเพิ่งหอม ให้รีบทำความสะอาดร่างกายตัวเองก่อนเป็นอย่างแรกเลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าอยู่นอกบ้านเอาเชื้ออะไรกลับมาฝากลูกบ้าง กันไว้ดีกว่าแก้เลยค่ะ

ต่อไปก็เป็น ข้อมูลเบื้องต้นของไวรัส RSV นะคะ เอาไว้คอยสังเกตอาการลูกๆกันค่ะ

RSV ป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก เชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบได้เนื่องจากมักเกิดพยาธิสภาพในส่วนของหลอดลมเล็ก (bronchiole) และถุงลม (alveoli) ทำให้มีการสร้างสิ่งคัดหลั่ง เช่น เสมหะ ออกมาในปริมาณมาก และมีการหดตัวของหลอดลมเนื่องจากการบวมของเยื่อบุหลอดลมและทางเดินหายใจต่างๆ ส่งผลให้เด็กมีอาการหอบ เหนื่อย และหายใจลำบากได้อย่างรวดเร็ว เชื้อนี้ติดต่อกันได้โดยการสัมผัสใกล้ชิดกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ

อาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV บางอย่างอาจคล้ายกับอาการไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ (ส่วนใหญ่ไข้ไม่สูงนัก) ไอ จาม แต่ก็มีอาการที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและสงสัยว่าลูกอาจได้รับเชื้อไวรัส RSV เช่น

- หอบเหนื่อย
- หายใจเร็ว หายใจแรง
- หายใจครืดคราด
- ตัวเขียว
- มีเสียงหวีดในปอด (จากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและหลอดลมหดตัว)
- มีเสมหะมาก
- ไอโขลกๆ

สำหรับเชื้อไวรัส RSV มี 2 กลุ่มย่อย คือกลุ่ม A และ B ซึ่งมีความสัมพันธ์กันแต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยครั้งแรกไม่สามารถป้องกันได้ แต่ถ้าเป็นซ้ำๆกันอาการจะไม่รุนแรงมากเท่ากับในครั้งแรก

ข้อมูลจาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/october-2015/rsv-virus นะคะ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ RSV กำลังกลับมาระบาดอีกแล้ว และเด็กๆก็เริ่มเปิดเทอมกันด้วย มีความเสี่ยงมากๆเลย ก็หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับแม่ๆพ่อๆทุกคนนะคะ ขอให้ลูกๆของทุกบ้านสุขภาพแข็งแรงไปด้วยกันนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่