โรคอาร์เอสวี (RSV) คือ โรคทางเดินหายใจโดยเฉพาะ มีชื่อเต็มๆ ว่า Respiratory Syncytial Virus เกิดจากเชื้อไวรัส ส่วนมากจะไม่ค่อยแสดงอาการกับผู้ใหญ่ แต่จะแสดงอาการรุนแรงในทารกหรือเด็กเล็ก เด็กคลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีปัญหาโรคหัวใจ โรคปอด โรคหอบหืด หรือผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมาก อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรง และเป็นไวรัสที่สามารถทำให้เกิดอาการปอดอักเสบได้
อาร์เอสวี (RSV) ติดต่อได้อย่างไร ทำไมเด็กติดง่าย
อย่างที่บอกเบื้องต้นว่า RSV เป็นโรคที่เกิดจากทางเดินหายใจ ทำให้เด็กติดได้ง่ายคล้ายๆ กับการติดหวัด เพราะสามารถติดได้จากการจาม ไอ น้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ติดเชื้อ เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก นอกจากนี้ยังติดได้จากพวกสิ่งของเครื่องใช้ ของเล่น ลานกิจกรรมสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะในหมู่เด็ก เพราะถ้าเด็กหนึ่งคนเป็นโรคนี้ขึ้นมาก็จะแพร่เชื้อได้ง่ายค่ะ
ที่สำคัญโรคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกันนะคะ ทำให้เด็กๆ ป่วยได้ง่ายขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคปอดบวม เป็นการอักเสบติดเชื้อในปอด ภาวะติดเชื้อในหูส่วนกลาง (หูชั้นกลางอักเสบ) และโรคหอบหืดค่ะ
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นอาร์เอสวี (RSV)
เนื่องจากโรคติดต่อเชื้อไวรัส RSV มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดธรรมดาทำให้พ่อแม่หลายคนคิดว่าลูกป่วยเป็นไข้หวัด แต่ถ้าคุณแม่สังเกตดีๆ จะรู้ว่าโรคนี้มีความแตกต่างกับไข้หวัด โดยลักษณะของโรคอาร์เอสวี (RSV) มีดังนี้ค่ะ
1. หอบเหนื่อย
2. หายใจแรง หายใจตื้นๆ สั่นๆและเร็ว
3. อารมณ์ไม่ดี
4. กินนมน้อยลง หรือกินอาหารน้อยกว่าปกติ
5. มีอาการซึมเศร้า
6. มีเสมหะออกมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ
7. ไอ ออกมาเป็นเสียงโขลกๆ หรือมีเสียงหวีดๆ ในปอด (เกิดจากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและหลอดลมหดตัว)
8. ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการถึงขั้นตัวเขียว เป็นต้น
เมื่อลูกป่วยควรทำอย่างไร
หากคิดว่าลูกป่วยเป็นอาร์เอสวี (RSV) ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันทีค่ะ เพื่อให้คุณหมอได้รักษาน้องตามอาการที่ป่วย เช่น การให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาลดไข้ เป็นต้น ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรง มีอาการหอบ เหนื่อย มีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ อาจจะต้องมีการพ่นยาขยายหลอดลมร่วมกับการให้ออกซิเจน หรือถึงขั้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือเครื่องช่วยหายใจด้วย
ไม่อยากให้ลูกป่วยอาร์เอสวี (RSV) ควรทำอย่างไร
1. พยายามล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก สำหรับผู้ใหญ่ก็ควรล้างมือก่อนสัมผัสลูกค่ะ
2. ไม่คลุกคลีกับเด็กป่วย ควรแยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ
3. ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ บ้าน หรือที่ลูกจะไปสัมผัสได้ง่ายๆ
4. ถ้าลูกป่วย ควรหยุดพักและควรปิดปากและจมูกเมื่อไอ
อ่านเพิ่มเติม คลิก
th.theasianparent.com/โรคอาร์เอสวี-rsv
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ลูกเป็นหวัด ทำอย่างไรให้หายป่วยเร็ว แม่สงสารจับใจ ตัวเล็กแค่นี้ป่วยบ่อยเหลือเกิน เมื่อไหร่จะหาย
ดูแลลูกน้อย อย่างไรให้ถูกวิธี? พ่อแม่ดูแลลูกแบบนี้หรือเปล่า
เด็กก็เป็นได้! แค่ ป.6 ป่วยออฟฟิศซินโดรม แม่เผยลูกติดมือถือหนัก!
โรคอาร์เอสวี (RSV) คืออะไร ทำไมเด็กติดง่ายจัง?
อาร์เอสวี (RSV) ติดต่อได้อย่างไร ทำไมเด็กติดง่าย
อย่างที่บอกเบื้องต้นว่า RSV เป็นโรคที่เกิดจากทางเดินหายใจ ทำให้เด็กติดได้ง่ายคล้ายๆ กับการติดหวัด เพราะสามารถติดได้จากการจาม ไอ น้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ติดเชื้อ เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก นอกจากนี้ยังติดได้จากพวกสิ่งของเครื่องใช้ ของเล่น ลานกิจกรรมสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะในหมู่เด็ก เพราะถ้าเด็กหนึ่งคนเป็นโรคนี้ขึ้นมาก็จะแพร่เชื้อได้ง่ายค่ะ
ที่สำคัญโรคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกันนะคะ ทำให้เด็กๆ ป่วยได้ง่ายขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ยังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคปอดบวม เป็นการอักเสบติดเชื้อในปอด ภาวะติดเชื้อในหูส่วนกลาง (หูชั้นกลางอักเสบ) และโรคหอบหืดค่ะ
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นอาร์เอสวี (RSV)
เนื่องจากโรคติดต่อเชื้อไวรัส RSV มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดธรรมดาทำให้พ่อแม่หลายคนคิดว่าลูกป่วยเป็นไข้หวัด แต่ถ้าคุณแม่สังเกตดีๆ จะรู้ว่าโรคนี้มีความแตกต่างกับไข้หวัด โดยลักษณะของโรคอาร์เอสวี (RSV) มีดังนี้ค่ะ
1. หอบเหนื่อย
2. หายใจแรง หายใจตื้นๆ สั่นๆและเร็ว
3. อารมณ์ไม่ดี
4. กินนมน้อยลง หรือกินอาหารน้อยกว่าปกติ
5. มีอาการซึมเศร้า
6. มีเสมหะออกมาในปริมาณที่มากกว่าปกติ
7. ไอ ออกมาเป็นเสียงโขลกๆ หรือมีเสียงหวีดๆ ในปอด (เกิดจากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและหลอดลมหดตัว)
8. ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีอาการถึงขั้นตัวเขียว เป็นต้น
เมื่อลูกป่วยควรทำอย่างไร
หากคิดว่าลูกป่วยเป็นอาร์เอสวี (RSV) ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันทีค่ะ เพื่อให้คุณหมอได้รักษาน้องตามอาการที่ป่วย เช่น การให้ยาแก้ไอละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม ยาลดไข้ เป็นต้น ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรง มีอาการหอบ เหนื่อย มีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ อาจจะต้องมีการพ่นยาขยายหลอดลมร่วมกับการให้ออกซิเจน หรือถึงขั้นต้องใส่ท่อช่วยหายใจหรือเครื่องช่วยหายใจด้วย
ไม่อยากให้ลูกป่วยอาร์เอสวี (RSV) ควรทำอย่างไร
1. พยายามล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก สำหรับผู้ใหญ่ก็ควรล้างมือก่อนสัมผัสลูกค่ะ
2. ไม่คลุกคลีกับเด็กป่วย ควรแยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ
3. ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ บ้าน หรือที่ลูกจะไปสัมผัสได้ง่ายๆ
4. ถ้าลูกป่วย ควรหยุดพักและควรปิดปากและจมูกเมื่อไอ
อ่านเพิ่มเติม คลิก th.theasianparent.com/โรคอาร์เอสวี-rsv
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
ลูกเป็นหวัด ทำอย่างไรให้หายป่วยเร็ว แม่สงสารจับใจ ตัวเล็กแค่นี้ป่วยบ่อยเหลือเกิน เมื่อไหร่จะหาย
ดูแลลูกน้อย อย่างไรให้ถูกวิธี? พ่อแม่ดูแลลูกแบบนี้หรือเปล่า
เด็กก็เป็นได้! แค่ ป.6 ป่วยออฟฟิศซินโดรม แม่เผยลูกติดมือถือหนัก!