หากเป็นมะเร็งระยะ 4 คุณจะเลือกกินในสิ่งที่ชอบ แต่ไม่มีประโยชน์หรือจะกินของที่ไม่ชอบแต่มีประโยชน์

เรากินชาไข่มุก เบอร์เกอร์รี่ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์  แต่มีคนให้กินผักปั่นต่าง ๆ ให้งดของหวาน ห้ามนู้นนี่  คืออดแล้วเครียด ค่ะ 
จึงสงสัยว่าคนอื่นเขาคิดยังไงกัน  มีชีวิตอยู่ แต่ต้องฝืนกินอาหารที่ไม่อร่อยทุกมื้อ  กับอายุสั้นไปหน่อย แต่ได้กินของที่ชอบ  คนอื่นคิดเช่นไรคะ
เราเคยคีโมมาแล้วค่ะ   ปัจจุบันเราไม่ชอบกินไข่เลย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าเป็นผมนะ ระยะ4 ไม่สนอะไรแล้ว อยากทำอะไรทำ อยากกินไรกิน มีความสุขในแต่วันให้มากที่สุดพอ
ความคิดเห็นที่ 4
ในฐานะที่สูญเสียคนในครอบครัวไป 2คนด้วยโรคมะเร็งนะคะ  
คนแรก เสียตอนเราเด็ก เราเลยไม่มีความรู้สึก
คนที่สอง คืออาของเรา เค้าเป็นเหมือนพ่อที่เลี้ยงดูเรามา เป็นทั้งพี่ชายที่ค่อยเล่นกับเราปกป้องเราจากทุกอย่าง อะไรที่เราอยากได้ เค้าก็จะหามา เราโตมาเพราะเค้าเลย

ต้องบอกเลยนะ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเอง ไม่ใช่คนป่วยจะมีความทุกข์อย่างเดียวนะคะ แต่คนรอบข้างในครอบครัวเค้าก็ทุกข์มากไม่แตกต่างกัน ที่เห็นคนที่รักป่วยด้วยโรคแบบนี้

ต่อให้จะระยะรุนแรงขนาดไหนก็ตาม
เชื่อมั้ยคะ แม้จะรู้ว่ามันจะลงเอยแบบไหน แต่ในเสี้ยวความรู้สึก มันก็ยังมีความหวัง ยังอยากให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ให้เค้าตอบสนองในการรักษา และอาการดีขึ้น หรืออยู่กับเราได้นานขึ้นกว่าเดิม

เราจำทุกการกระทำของอาเลยนะ ตอนเค้าอยู่ เค้าอยู่ใช้ชีวิตแบบไม่ทุกข์เลยแม้เค้าจะเป็นมะเร็ง เหมือนเค้าไม่อยากให้คนในครอบครัวเครียดและทุกข์กับอาการป่วยของเค้า พูดง่ายๆคือ เราอยู่ด้วยกำลังใจจากคนป่วย และคนป่วยก็อยู่ด้วยกำลังใจจากคนในครอบครัวที่รักเค้าค่ะ

ขอโทษที่พิมพ์ยืดยาวไปหน่อยนะคะ พอดีพอเห็นใครเป็นมะเร็งแล้วเราจะรู้สึกเหมือนเรื่องของตัวเอง

ในส่วนในเรื่องของอาหาร อาเราจัดว่าก็ไม่ได้ทานอาหารที่มันฟิกอะไรขนาดนั้นนะคะ ก็ทานทุกอย่างปกติ กินทุกอย่างที่ตัวเองอยากทาน ที่บ้านส่วนใหญ่เลยทำอาหารทานกันเองอยู่แล้วค่ะ ส่วนพวกของอะไรที่มันไม่ดีต่อสุขภาพหากทานบ่อยแม้คนร่างกายปกติก็เถอะ อย่างเช่น... แอลกอฮอล์(อาเราปกติไม่ดื่มอยู่แล้ว) ของหมักดอง ขนมหวานมากๆ ไขมันสูงๆ อาเราก็หลีกเลี่ยงนะคะนานๆทานที เค้าบอกว่า ขออาเป็นมะเร็งอย่างเดียวเถอะ อย่าให้อามีความดัน เบาหวานหรือโรคอื่นแทรกซ้อนเลย แต่ขอบอก พวกชาไข่มุก พิซซ่า เบเกอรี่ อาเราก็ทานปกติค่ะ ก็นานๆทานที ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทานทุกวัน หรือเกือบทุกวันแบบประชดชีวิตค่ะ เพราะต้องบอกว่าพฤติกรรมของคนป่วย ส่งผลต่อความรู้สึกของคนที่ไม่ป่วยได้ด้วยนะคะ

ถ้าคนป่วยกินไม่ได้ เราก็ทุกข์ ถ้าคนป่วยกินได้ แต่กินแบบไม่สนไม่แคร์อีกแล้วในชีวิต เราก็ทุกข์เหมือนกันค่ะ ฉะนั้นเราว่า ทานได้ปกตินะ แต่ขอแค่ทานแบบรู้ลิมิตตัวเองค่ะ

สมมติถ้าเราป่วยแบบอา และยังมีกำลังใจจากคนในครอบครัวเคียงข้างอยู่ เราก็จะใช้ชีวิตให้ปกติแบบอาค่ะ อยากทำอะไรทำ อยากกินอะไรกิน แต่ก็เหมือนที่บอกด้านบนค่ะ

แต่หากว่าเราตัวคนเดียวไม่มีใคร แล้วดันป่วย เราก็คงใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงกับชีวิตก่อนตายค่ะ ชาไข่มุกอาจจะเกือบทุกวันเลยก็ได้ ชาบูหมูกะทะสัปดาห์ละ 2ครั้ง ฯลฯ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่