เรื่องเล่าและสถานที่สุดเฮี้ยนในโรงเรียนเทพศิรินทร์ที่ทุกวันนี้เจ้าของกระทู้เองก็ยังไม่เคยเจอแบบจั๋ง ๆ

โดยทั่วไปแล้วในโรงเรียนที่มีอายุที่ยาวนานและเก่าแก่มีชื่อเสียงหลายที่นั้นมักจะมีเรื่องเล่าจากรุ่นพี่หรือคนในโรงเรียนว่าเคยมีประสบการณ์ได้พบกับเจอเรื่องแปลก ๆ หรือเรื่อง "ผี" ที่ถ้าเราได้ฟังแล้วคงไม่อยากจะได้เจอบ้างหรือถ้าเจอก็ขอให้ได้เจอกันเป็นกลุ่มกับเพื่อน ๆ เสียดีกว่า(555555)ซึ่งยิ่งถ้าเป็นโรงเรียนที่มีประวัติอันยาวนานแล้วแน่นอนว่าจะต้องมีเรื่องผีประจำโรงเรียนที่นักเรียนหลายรุ่นคงจะรับรู้กันและทำหน้าอรุ่มเจ๊าะพลอยพูดกันออกมาว่า "อ๋อ กูก็เคยได้ยินเขาเล่ามาเหมือนกัน" ซึ่งสำหรับคนที่กลัวแล้วคงจะไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรทั้งสิ้นแต่สำหรับเจ้าของกระทู้แล้วนั้น เรื่องแบบนี้ถ้ามีใครเล่า รับรองว่าปูเสื่อรอได้เลย เพราะคงจะไม่อยากพลาดโอกาสฟังเรื่องราวที่รุ่นพี่และเพื่อน ๆ ประสบพบเจอกันมา 
จขกท. เองปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแถมยังเก่าแก่โบราณทั้งอายุโรงเรียนไปจนถึงค่านิยมที่แสนจะเก่าแก่ไม่แพ้ตาม และด้วยความที่โรงเรียนนี้เดิมในอดีตก็มักจะมีนักเรียนจำพวกลูกเจ้าหลานเธอคนชั้นสูงศักดินาฟ้าส่งคนมีสกุล เข้ามาเรียนมาศึกษาจำนวนมาก ทำให้นักเรียนเก่าหลายคนที่จบไปก็มักจะเป็นคนใหญ่คนโตรวมถึงเป็นที่รู้จักในสังคม แน่นอนว่าในเรื่องของ"ผี" เองก็หนีไม่พ้นว่าจะต้องเป็นจำพวกผีเจ้าขุนมูลนายซึ่งอดีตได้มีส่วนพัวพันกับโรงเรียนนี้ เมื่อยามสิ้นไปจึงอาจจะมีจิตที่ยังคงสถิตอยู่กับสถานที่แห่งนี้อยู่ หลาย ๆ สถานที่ที่มีอายุในโรงเรียนจึงมักจะมีเรื่องเล่าจากเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ที่ประสบพบเจอกันในรูปแบบที่เหมือนกัน ส่วนฝั่งของผีธรรมดาสามัญชนนั้นจะได้เจอกันน้อยมากกกกกก แต่ส่วนตัวจขกท.คิดว่าเวลาเจอจะอุ่นใจกว่าเจอผีคุณท่านคุณเธอนะครับ   
.
พูดมาเยอะมากพอแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเถอะ เราจะทำการเรียงจากสถานที่ที่เฮี้ยนจากน้อยไปมากที่สุด
กันเลยละกัน
.
ตึกเยาวมาลย์อุทิศ-ปิยราชบพิตรปดิวรัดา
ประเภทของผีที่เจอ  : ผีธรรมดาสามัญชน
 
ตึกหลังนี้เป็นตึกเก่าที่อาคารเดิมถูกสร้างไว้นานมากแล้วจนได้รื้ออกไปแล้วสร้างอาคารใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งตัวตึกจะอยู่หลังอาคารเทิดพระเกียรติแบบติดกันสามารถเดินเชื่อมต่อกันไปมาได้ ตัวตึกนี้ก็จะเป็นศูนย์รวมของห้องเรียนน้อง ๆ มัธยมต้น ซึ่งก็จะมีตั้งแต่ ม.1-3 เกือบทุกห้องจะอยู่ในตึกนี้และจะมีห้องอีกสารพัดห้องไม่ว่าจะเป็นห้องพักครูหมวดต่าง ๆ ห้องคอม ห้องประชุม ห้องการเงิน ห้องผู้อำนวยการ ห้องทำอาหาร ห้องโดดเรียน ห้องนั่งเขียน ห้องนั่งเล่น ห้องภารโรง ห้องโถงใหญ่ ห้องไหน ๆ ก็เยอะแยะไปหมด ซึ่งชั้นบนก็จะเป็นห้องวงโย ซึ่งนักเรียนที่เป็นสมาชิกวงโยก็มักจะมาซ้อมมานอนพักกันที่ห้องวงโยนี่แหละครับก็ไม่ต้องถามเลยว่าเคยเจออะไรกันมั้ย  มีเด็กวงโยที่เคยซ้อมเล่นกันค่ำ ๆ บางคนก็มักจะเจอ ผีรุ่นพี่อารมณ์สุนทรีย์ที่มารับฟังบทเพลงบรรเลงอันไพเราะของรุ่นน้องที่เล่นกันทุกวัน ทุกเย็น บ้างก็เดินผ่านแล้วหายไปเหมือนมาทักทาย บ้างก็มาแบบใส่ชุดนักเรียนเก่า ๆ บ้างก็มาแบบใส่ชุดธรรมดา บ้างก็มานั่งห้อยขาเรียงกันตรงระเบียงก้มหน้าก้มตาจ้องมองน้อง ๆ ที่เล่นเพลงกัน ถือได้ว่ามีมารยาทและก็มาฟังกันอย่างตั้งใจนะครับ... 
ตึกภาณุรังษี
ประเภทของผี : ผีธรรมดาสามัญชน(ระดับโหด)
 ไม่มีรูปตึกชัด ๆ เอารูปส่วนหนึ่งของห้องเรียนในตึกนี้ไปแทนละกันครับ
 
 
ครับ..
ตึกนี้เป็นตึกเรียนของนักเรียนมัธยมปลาย ม.4-5 จะเรียนที่ตึกนี้กันทั้งหมด ซึ่งห้องเรียน ม.ปลายที่ตึกนี้จะประกอบไปด้วยห้องเรียน EP, IEP ห้องวิทย์-คณิต, ห้องศิลป์-คำนวณ, และห้องศิลป์-ภาษา(ภาษาจีน ญี่ปุ่นและฝรั่งเศส ส่วนภาษาเยอรมันก็ได้สู่ขิตไปที่เรียบร้อยจ้าาา เพราะไม่มีคนสอนต่อแล้วและคนเรียนน้อยมากกก  ทางโรงเรียนเลยตัดสินใจยุบซะ) ในตึกจะมีห้องแล็ป ห้องชีวะ และห้องที่มีอาจารย์ใหญ่แบบในภาพ ห้องพักครูหมวดภาษาต่าง ๆ และห้องสมุดของ รร ที่คนมักจะไม่เข้าไปอ่านหนังสือแต่ไปโดดเรียนเล่นเกมและก็ทำการกวนตีนพี่เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งที่ชอบโม้เรื่องฟุตบอล- ชั้นล่างก็จะมีห้องพักนักกีฬาและห้องพักครูพละ  หลาย ๆ เหตุการณ์จะเกิดขึ้นที่ตึกนี้มีทั้งระดับเจอแบบซอฟ ๆ ไปยันเจอแบบไม่อยากมาเรียนอีกแล้วก็มี จขกท.เองเคยมีโอกาสได้บวชเณรที่โรงเรียนและต้องจำวัดในโรงเรียน(ห้ะ)ซึ่งพระหนุ่มเณรน้อยจะนอนกันที่ตึกแม้นซึ่งอยู่เชื่อมอยู่กับตึกนี้ เรื่องมีอยู่ว่า คืนหนึ่งช่วงประมาณ ตี2-3 เป็นเวลาที่เณรก็หลับกันหมดแล้วแหละ แต่ห้องที่สามเณรจขกท. นอนอยู่มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นพี่เลี้ยงเณรประจำห้อง ซึ่งมักจะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับแกเสมอ คืนนั้นจู่ ๆ พี่แกก็ลุกขึ้นมาจากฟูกนอนละก็ "เดินละเมอ" ออกจากห้องนอนไปเลย อ่านมาถึงตรงนี้คงจะไม่เชื่อกัน ตอนที่เหล่าสามเณร+พี่ ๆ คนอื่นได้ฟังก็แทบไม่เชื่อกันเช่นกันว่า มันเป็นไปได้เหรอ?! แต่มันดันจริง!  ที่ได้ยินมาเหมือนจะมีคนไปดูกล้องวงจรปิดแล้วก็เห็นว่าพี่แกเดินละเมอออกมาจริง ๆ แกเดินออกมาจากห้องนอน เดินผ่านทางเชื่อมตึกแม้นไปตึกภาณุ แล้วแกก็เดินขึ้นไปทีละชั้นจนไปถึงชั้น 3  ค่อนชั้น 4 จนรู้สึกตัวสะดุ้งตื่น ละพอได้สติแกก็เลยรีบสับตีนแตกกลับมานอนที่ห้องนอนเหมือนเดิม... ซึ่งก็อาจจะอธิบายเรื่องนี้ในทางวิทย ์ ๆ ได้แหละครับ แต่มันโครตน่าจะแปลกใจเลย ว่าอะไรทำให้แกเดินละเมอขึ้นไปขนาดนั้น แล้วถ้าแกไม่ตื่นมันจะเกิดอะไรขึ้นละ หลายคนที่ได้ฟังเรื่องนี้เลยใจหายกันไปตาม ๆ กันเป็นเรื่องแปลกที่ฟังแล้วขนลุกจริง
เรื่องอาจารย์ใหญ่ เคยมีนักเรียนคนหนึ่งนึกสนุกเห็นโครงกระดูกอาจารย์ใหญ่ในตู้กระจกแล้วอยากจะลองของจึงไปเคาะเรียกและพูดท้าทายหน้าตู้แก พอหลังเรียนกลับมาบ้าน ปรากฎว่าคืนนั้นเป็นอันไม่ได้นอนครับ เพราะได้ยินแต่เสียงเคาะห้องนอนดังตลอดทั้งคืน..
เรื่องนี้มันก็จบลงด้วยการมาแกล้งคืนของ..ซึ่งแกอาจจะมาทักทายมาหยอกกันแบบศิษย์ครูแหละครับ ไม่ต้องคิดมาก เล่นมาเล่นกลับไม่โกง
ตึกแม้นศึกษาสถาน
ประเภทของผี : ผีเจ้าขุนมูลนาย
 
ตึกแม้น ตึกที่เป็นพระเอกและเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนเทพศิรินทร์ ผ่านช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีเหตุการณ์ต่าง ๆ นับไม่ถ้วนและเป็นตึกเรียนที่สวยที่สุดของโรงเรียน เดิมแล้วตึกนี้ชื่อตึกแม้นนฤมิตรครับ สร้างขึ้นสมัยปี พ.ศ.2438 แต่ตัวอาคารหลังเดิมถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปแบบจั๋ง ๆ ทำให้ต้องสร้างใหม่ขึ้นมา แน่นอนว่าของเก่า ๆ ก็ต้องมาพร้อมกับเรื่องผี ที่โถงของตึกแม้นชั้นล่างจะมีรูปผู้บริหารของ รร ตั้งแต่สมัย ร.5 ยันถึงคนก่อนปัจจุบัน ซึ่งรูปผู้บริหารแต่ละคนถ้าได้เห็นคงจะได้บรรยากาศเหมือนดูรูปสมาชิก The Kingsman เลยล่ะครับ ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงโพล้เพล้บรรยากาศเปลี่ยว ๆ อาจจะได้ฟีลแบบเราไม่ควรจะอยู่ตรงนี้นานนะคุณพี่
 
รูปสมาชิก The Kingsman ตั้งแต่อดีตจนถึงคนก่อนปัจจุบัน (bruh)
.
เคยมีรุ่นน้องเล่าว่า เขาต้องมาส่งงานกับครูท่านหนึ่งซึ่งสอนอยู่ตึกนี้ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นมาส่งงาน น้องเล่าว่าเขาเห็นเหมือนเป็นเงา "ขา"คน ลอยขึ้นไปตามบันไดชั้น 2 ของตึก และก็ลอยเลี้ยวเข้าห้องพักครูคณิตศาสตร์ไป (ผมขอโทษครูหมวดคณิตที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับบ)  ซึ่งหลังห้องพักครูคณิตนี่ล่ะครับ เดิมถ้าผมจำไม่ผิด มันเป็นอีกห้องหนึ่งที่เป็นห้องทำงานหรือห้องพักของเจ้าขุนมูลนายสักคนในอดีตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตึกนี่ละครับ (ขออนุญาตไม่ฟันธงชื่อ เพราะอาจจะไม่ถูกคน)  ตึกนี้เรียกได้ว่าหลากหลายมาก ๆ ครับ จะว่าแค่ผีเจ้าอย่างเดียวไม่พอยังมีผีนักเรียนโบราณชุดราชปะแตนหรือผีทรงอย่างกับกุมารสยามก็มี มีครูผู้หญิงท่านหนึ่งเล่าว่าตอนได้บรรจุเข้ามาที่นี่ เขาต้องมาเดินดูสถานที่ในโรงเรียน ละดันเป็นคนที่มีเซนส์แรงอีก  ตอนเขาขึ้นมาชั้น 2 ของตึก ระหว่างที่ครูรุ่นพี่กำลังเล่าประวัติสถานที่อยู่ จู่ ๆ ก็ได้กลิ่นเหมือนน้ำอบไทยลอยโชยมา กลิ่นแรงมาก ๆ จนเขาต้องตามหาที่มาของกลิ่นนั้น จึงขออนุญาตเบรกครูรุ่นพี่แล้วเริ่มโฟกัสไปที่กลิ่นว่า มันมาจากไหน? ไม่ทันไร เขาก็เหลือบไปเห็นเด็กน้อยนุ่งโจงกระเบนใส่กำไลขา กำไลข้อมือทอง มัดผมจุกอ วิ่งผ่านไปด้วยความเร็วแสง ไม่รู้เหมือนกันว่าวิ่งไปไหน แต่ตอนนั้นครูเขาก็ยังไม่ตกใจนะฮะ (//ครูครับครูกำลังเจอผีอยู่นะครับบบ)  จึงคิดว่าคงจะเป็นลูกหลานใครกระมัง ด้วยความสงสัยเลยถามครูรุ่นพี่ไปว่า "ครูที่นี่เอาลูกเอาเด็กมาเฝ้าได้ด้วยเหรอ?" พูดจบทีนี้ครูรุ่นพี่ถึงกับไปไม่เป็นครับ เพราะเหมือนจะเคยมีประสบการณ์เช่นเดียวกันมาก่อน เลยยังไม่เฉลยตรงนั้น ค่อยว่ากันนอกรอบดีกว่า
ตึกนิภานภดล
ประเภทของผี : ผีเจ้าขุนมูลนายที่เฮี้ยนระดับ x10
 
มาถึงกันแล้วครับ กับตึกที่เฮี้ยนที่สุดในโรงเรียน จขกท.ขอพูดได้เลยว่า ตึกนี้ ต่อให้ยังไม่เคยเจอ ถ้าคุณลองมายืนอยู่ในอาณาบริเวณรัศมีโดยรอบของตึก คุณจะรู้สึกทันทีว่า ที่นี่มันต้องมีประเด็น สำหรับน้อง ๆ ม.ต้นที่ดวงดีได้ห้องเรียนประจำเป็นห้องในตึกนี้ ถ้ายังไม่เคยเจออะไรก็ถือว่าโชคดีแล้วครับ ส่วนคนไหนที่เคยเจอก็ไม่ต้องคิดมากไปเพราะเขาเจอกันประจำ ถ้ามีโอกาสลองไปพูดคุยกับครูหมวดสังคมที่ได้ห้องพักทำงานในตึกนี้ดูครับ ทุกท่านล้วนมีประสบการณ์มากพอจะไปออกรายการคืนพุธและพี่ป๋องแน่นอน
เริ่มสร้างปี พ.ศ.2466 เป็นทั้งกุฏิเดิม ตำหนัก ห้องเรียนเก่า ห้องดนตรีไทย เป็นในสิ่งที่ตึกโบราณควรจะเป็น 
เรื่องที่เป็นตำนานของตึกนี้เลยคือการพบเจอกับวิญญาณของเจ้าฟ้าหญิงชื่อเดียวกับตึกนี้ ซึ่งท่านเคยอยู่ที่นี่มาก่อน เจอกันถ้วนหน้าไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ แม้แต่พระสงฆ์ที่มาเจิมมาทำบุญเองก็เคยเจอ. หากคุณได้รับมอบหมายให้นำสมุดงานวิชาสังคมของเพื่อน ๆ  มาส่งที่ตึกนี้ในช่วงเวลาประมาณ 17.00-18.00 (สมมติ)  หรือมีธุระที่จะต้องมาติดต่อครูดนตรีไทยชั้น 2 ในช่วงเวลาดังกล่าวหรือจะลืมสิ่งของประจำตัวไว้ที่ตึกนี้ แนะนำว่า ถ้ามาเป็นกลุ่มได้ก็มาเถอะครับ จขกท.เคยต้องมาส่งใบงานวิชาดนตรีไทยกับครูท่านนึงที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในเรื่องของฝีมือและนิสัยที่อนุรักษ์นิยมของแก ซึ่งถ้าไม่ส่งภายในวันนั้น อาจจะโดนตัดคะแนนเยอะมาก
ใช่ครับ วันนั้นผมยอมโดนตัดคะแนน ไม่เสี่ยงจะดีกว่า เพราะมันเป็นช่วงโพล้เพล้พอดี ประมาณเกือบ ๆ จะทุ่มได้แล้ว  บรรยากาศมันไม่ใช่ที่ที่ควรจะอยู่ ส่วนครูดนตรีแกอยู่ได้เพราะแกคงชินของแก ชินกับเสียงเพลงระนาดของแกเองที่บางครั้งชอบเปิดช่วงหัวค่ำจนครูหมวดสังคมแทบใจหาย  เรื่องของตึกนี้ที่เจอกันจะเป็นในแบบเดียวกันหมดเลยครับ นั่นก็คือถ้าไม่เห็นผู้หญิงใส่ชุดชาววังเดินผ่านไปมาก็อาจจะเห็นในเวอร์ชั่นนุ่งสไบ ครูสังคมบางท่านเล่าว่าเคยต้องอยู่ทำงานจนค่ำ พอระหว่างจะเดินขึ้นบันได ก็เดินสวนกับผู้หญิงห่มสไบแล้วก็หายไป บ้างก็ได้ยินเสียงดนตรีไทยดังออกมาจากห้องดนตรีไทยซึ่งครูดนตรีไม่อยู่ บ้างก็ได้ยินเสียงเดินลงส้นเท้าดังแบบไม่มีที่มาที่ไป ก็คงจะเจอกันจนชินอะครับ ถึงยังนั่งทำงานอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้
.
จบ.
ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณพอสมควรมาก ๆ เลยนะครับจะเชื่อหรือไม่นั้นคือสิทธิของท่าน ทั้งนี้จขกท.เองไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นพระเกียรติหรือลบหลู่บุคคลหรือเชื้อพระวงศ์ในอดีต แต่อาจจะมีทัศนะที่ขัดกับแนวคิดและศีลธรรมอันดีของรร.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่