ในตอนนี้จะมี 2 สถานการณ์ให้เปรียบเทียบกันนะครับ
สถานการณ์แรกคือสถานการณ์ในห้องเรียนบ่ายวันนั้น
สถานการณ์ที่ 2 คือสถานการณ์ที่บ้านป้า
ทั้ง 2 สถานการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2525 นะครับ
ในห้องเรียนวันนั้น ผมนั่งกลางๆห้อง
คนที่นั่งข้างผมคือหว่าน
เนื่องจากเราเคยเดินถอดเสื้อกลับบ้านด้วยกัน
เราจึงสนิทกัน
ตอนนั้นพวกเราที่อยู่กลางๆห้องจะกลายเป็นกลุ่มเหยื่อ
ของครูโก้โดยปริยาย
กลุ่มที่นั่งแถวหน้า จะเป็นกลุ่มที่ครูโก้ไม่แตะเลย
เพราะมักจะเป็นนักเรียนชายที่เก่งและรวย
ส่วนเด็กหลังห้องในห้องของผม มักจะเป็นนักเรียนโข่ง
เป็นพวกเรียนซ้ำชั้น พวกนี้ค่อนข้างโหด
และยังเป็นสมุนของครูโก้ด้วย
พวกที่อยู่ซ้ายขวามักจะเป็นพวกเงียบๆ ผอมๆ
หรือไม่ก็อ้วนไปเลย
นักเรียนชายที่นั่งกลางห้องจึงเหมาะที่จะเป็นเหยื่อของครูโก้และสมุน
เพราะหน้าตาค่อนข้างดี บางคนถึงกับหล่อ มักจะตัวสูง
ลำตัวหนาหรือล่ำ ที่สำคัญคือมาจากครอบครัวที่ยากไร้
และมีผลการเรียนปานกลาง
ผมเองอยากเป็นเหยื่อของครูโก้ จึงต้องปกปิดฐานะตัวเอง
ตอนนั้นครอบครัวมีฐานะรวยมาก (แต่จะมาล้มละลาย
ตอนผมอยู่ช่วง ม.2) ก็ต้องทำตัวเหมือนมาจากครอบครัวที่จน
ตอนนั้นผมเดินมาโรงเรียน จึงหลอกครูโก้ได้อย่างง่ายดาย
เพราะเด็กรวยมักจะมีรถหรูมาส่งที่โรงเรียน
(โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงปานกลาง)
และที่ผมต้องทำคือต้องประคองให้ตัวเองมีผลการเรียนปานกลาง
ทั้งๆที่ตอนจบ ป.5 ผมได้รับทั้งรางวัลเรียนดีและนักเรียนชายมารยาทดีเด่น
จากโรงเรียนเดิม
ตอนที่ครูโก้เดินเข้ามาในห้อง แกกะเล่นผมเลย
เรียกผมไปยืนหน้าห้อง บังคับให้ถอดเสื้อออก
แล้วเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย ลักษณะคล้ายๆภาพตัวอย่าง
หลังจากนั้น แกก็ด่าผมต่างๆนานาว่าผมเป็นเด็กเลว แต่งตัวไม่เรียบร้อย
ชอบลองดี ด่าๆๆๆ หลายอย่าง
ที่แกทำอย่างนี้เพื่อหาความชอบธรรมให้กับการลงโทษโหดของแก
เพราะสำหรับครูโก้ ถ้านักเรียนชายเลว แกสามารถลงโทษโหดได้
(อย่าลืมนะครับว่าเหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อปี 2525)
ซีนต่อไป ผมจะเรียกว่าซีนคลาสสิกซีนที่ 1 ในชีวิตผมที่ยังจำไม่ลืม
เมื่อแกด่าเสร็จ แกก็เอาไม้เรียวมาฟาดผม
โดยทั่วไป ครูมักจะฟาดก้น แต่วันนั้น แกขอฟาดหน้าท้องของผม
แกฟาดไป 6 ทีต่อหน้าเพื่อนในห้อง
หลังจากนั้น แกให้ผมหันข้าง
แกเชิญชวนให้สมุนหลังห้องมาช่วยลงโทษผมด้วย
โดยให้ฟาดหน้าอกผมคนละ 1 ที คือให้ฟาดอย่างแรงเลย
สมุนมี 6 คนก็เลยโดยฟาดหน้าอกไป 6 ที รู้สึกสะใจมาก
หลังจากนั้นนานแค่ไหน จำไม่ได้แล้ว
น่าจะประมาณสองอาทิตย์ แม่ผมพาผมไปบ้านป้า
ซึ่งรวยมาก
และนี่คือสถานการณ์ที่สอง
จริงๆแล้ว บ้านป้าห้ามพาผู้ชายและสัตว์ตัวผู้เข้าบ้าน
ถ้าลูกหลานอยากเลี้ยงหมา เลี้ยงแมว ก็ต้องเป็นตัวเมียเท่านั้น
แต่ผมได้รับสิทธิพิเศษคือเข้าบ้านป้าได้
เขาให้เข้าไปทำไมครับ เขาให้ไปร้อยพวงมาลัยกับลูกหลานที่เป็นผู้หญิง
สำหรับผมในตอนนั้น สถานการณ์บ้านป้ารุนแรงกว่าสถานการณ์ในห้องเรียน
ผมอาจจะคิดไปเองว่าตอนโดนครูโก้และพวกทำร้ายผม
ถ้าผมรอดมาได้ ผมจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถ้าให้ผมร้อยมาลัยบ่อยๆ ผมน่าจะรู้สึกแย่ลง ไม่แข็งแกร่งขึ้นเลย
และไม่สมเป็นลูกผู้ชาย
หลังจากนั้นอีกประมาณสองสามวัน
ผมยืนบนระเบียงตึกแถวชั้นสาม
เอ ผมเคยบอกไปแล้วนะครับว่าที่อยู่คือตึกแถว 2-3 คูหา
กี่ชั้นนี่ก็ไม่แน่ใจ น่าจะ 5 ชั้น
ผมอยู่ชั้นสาม ส่วนพ่อกับแม่อยู่ชั้น 4 แต่โดยมาก แม่มักจะอยู่คนเดียว
เพราะพ่อมักจะไปอยู่กับเมียน้อยจำนวนหลายคน
ชั้นสามจึงเสมือนหนึ่งเป็นวิมานของผม
เท่าที่ผมจำได้ พอขึ้นไปชั้นสาม ห้องนอนผมจะอยู่ไกลมาก
ก่อนถึงห้องนอน มันจะเป็นพื้นที่ๆกว้างมาก
ทางซ้ายเป็นชุดรับแขก ทางขวาเป็นโต๊ะนั่งทำงาน
มีเครื่องตกแต่งอย่างอื่นอยู่อีก แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว
ผมมักจะชอบมายืนตรงระเบียงชั้น 3 ด้านหลัง
เพื่อมาดูเด็กผู้ชายเขาเล่นกัน
ด้านหลังตึกแถวที่ผมอยู่จะเป็นลานหรือสนามที่กว้างมาก
ชอบมีเด็กผู้ชายมาเล่นกัน
บางครั้งพวกเขาก็เล่นบอล บางครั้งก็เล่นต่อสู้
ที่ผมชอบดูมากคือการเล่นต่อสู้ เพราะมันสะใจดี
เด้กผู้ชายที่มารวมตัวเล่นกันด้านหลังตึก
มีประมาณ 15 คน
สมัยนั้นยังไม่มีมือถือ ไม่มีคอมฯ ไม่มีเกมคอมพิวเตอร์
เด็กผู้ชายเลยมักจะมารวมตัวเล่นกัน
และหลังตึกผมถือเป็นภูมิศาสตร์ที่ดี
ที่ผมชอบดูก็คือการเล่นต่อสู้
การเล่นต่อสู้ของพวกนี้ มักจะมีอยู่ plot เดียวคือ
พระเอก 1 คน อยู่ภายใต้วงล้อมของผู้ร้าย
(ที่เหลือทั้งหมดก็คือผู้ร้าย)
คนที่รับบทพระเอกมักจะเป็นไอ้เกิ้ล
ถึงแม้ไอ้เกิ้ลจะอายุประมาณ 14 คือแก่กว่าผมหน่อยนึง
แต่ร่างกายกำยำ กล้ามสวย และน่าจะชอบความสมบุกสมบัน
เวลาเล่นกัน ไอ้เกิ้ลมักจะถอดเสื้อ คือถอดอยู่คนเดียว
คาดว่าเขาคงชอบ
การสู้กันของพวกนี้ดูจริงจัง ไม่ได้ชกต่อยกันจริง
แต่ดูจริงจังมาก
เวลาทุกคนมารุมล้อมไอ้เกิ้ล ดูไอ้เกิ้ลจะชอบมาก
แต่ไอ้เกิ้ลก็พยายามต่อสู้ แต่มักจะโดนเล่นจากด้านหลัง
ไอ้เกิ้ลจึงมักโดยฟาดหลัง ต่อยหลังแบบเจ็บจริง
แต่ด้านหน้า ไอ้เกิ้ลสู้แหลก ถ้าไอ้กเิ้ลจับใครได้ก็อาจ
เขกหัวแบบเล่นๆ ไอ้เกิ้ลมักไม่รุนแรงกับคนอื่น
แต่คนอื่นมักรุนแรงกับไอ้เกิ้ล แถมไอ้เกิ้ลยังชอบด้วย
ที่ถูกรุมอย่างเอาจริงเอาจัง
ผมอิจฉาไอ้เกิ้ลนะที่ได้เล่นแบบนั้นในวัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
ส่วนผม ทำได้แค่ยืนดูบนวิมานชั้นสาม
แม่ห้ามเด็ดขาด ไม่ให้เล่นกับเด็กผู้ชายพวกนี้
แม่มักจะพูดบ่อยๆว่า "ศักดิเดชต้องไม่เหมือนใคร"
ซึ่งมันก็จริง ผมเริ่มคิดและทำไม่เหมือนคนอื่น
ผมอิจฉาไอ้เกิ้ลมากที่เขาได้เล่นในสิ่งที่เขาอยาก
ผมเลยกลับมาคิดถึงเพื่อนเล่นของผม
ซึ่งก็คือครูโก้กับสมุนของเขา
ไอเดียของผมก็คือพรุ่งนี้ ผมตั้งใจจะไปโรงเรียนสาย
ครูโก้เคยพลั้งปากไปว่าสัปดาห์นี้ ถ้าใครมาสายต้องโดนลงโทษ
โดยเฉพาะนักเรียนชาย ถ้ามาสายต้องโดนลงโทษที่โหดมากๆ
นั่นแหละคือทางออกของผม
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็ดันไปถึงโรงเรียนแต่เช้าเลย
คือมันตื่นเต้นมากๆครับ
ผมเลยไปอยู่ตรงกำแพงข้างโรงเรียนก่อน
พอไปอยู่ตรงนั้น ผมดันเห็นครูโก้ลงโทษโหดกับ
พี่ผู้ชายที่ผมเห็นในตอนที่ 1
พี่คนนั้นต่อมาผมทราบชื่อว่าพี่จ้อน
พอจบ ม.3 พี่จ้อนไม่มีทางไป
เนื่องจากมาจากครอบครัวที่ยากไร้
แต่พี่จ้อนมาดเหมือนทหาร หล่อ ล่ำ กำยำมาก
ครูโก้จึงจ้างเขามาเป็นคนงานที่โรงเรียน
แต่พี่จ้อนดำรงอยู่คล้ายๆทาส
พี่แกถอดเสื้อตลอดเวลา
เช้านี้ แกถูกสั่งให้วิดพื้นไปเรื่อยๆ
ครูโก้ก็เอาเข็มขัดฟาดหลังแกไปเรื่อยๆเช่นกัน
มันโหดมากเลย
เช้านี้ ครูโก้ดูโหดเหมือนหมาบ้า
นั่นทำให้ผมต้องกลับมาคิดอีกครั้งว่า
มาสายวันนี้จะดีเหรอ ผมเกือบล้มเลิกความคิด
แต่ด้วยความอิจฉาไอ้เกิ้ล
ผมก็เลยไม่เปลี่ยนใจในท้ายที่สุด
แต่วันนั้นผมโชคร้ายมาก (หรืออาจจะโชคดี?)
เพราะดันมีคนมาสายแค่ 12 คน
แต่ผมกลับเป็นนักเรียนชายเพียงคนเดียวที่มาสาย
ครูโก้ปล่อยให้นักเรียนหญิงทั้งหมดกลับเข้าแถว
แต่กักตัวผมไว้
ครูโก้มากระซิบข้างหูผม
"มืงต้องถูกลงโทษแทนนักเรียนหญิงทั้งหมดด้วย
กูคำนวณแล้ว โทษของมืงต้องกลายเป็น 10 เท่า"
ผมฟังแล้วหนาวเลย หัวใจเต้นแรง
แต่จิตใจยังฮึกเหิมอยู่ ผมคิดในใจว่าหลังจากวันนี้
ผมไม่ต้องอิจฉาไอ้เกิ้ลอีกแล้ว
และเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือซีนคลาสสิกซีนที่ 2 ในชีวิตผม
ครูโหด ... โคตรซาดิสม์ ตอนที่ 3 สถานการณ์โหด โคตรรุนแรง
สถานการณ์แรกคือสถานการณ์ในห้องเรียนบ่ายวันนั้น
สถานการณ์ที่ 2 คือสถานการณ์ที่บ้านป้า
ทั้ง 2 สถานการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2525 นะครับ
ในห้องเรียนวันนั้น ผมนั่งกลางๆห้อง
คนที่นั่งข้างผมคือหว่าน
เนื่องจากเราเคยเดินถอดเสื้อกลับบ้านด้วยกัน
เราจึงสนิทกัน
ตอนนั้นพวกเราที่อยู่กลางๆห้องจะกลายเป็นกลุ่มเหยื่อ
ของครูโก้โดยปริยาย
กลุ่มที่นั่งแถวหน้า จะเป็นกลุ่มที่ครูโก้ไม่แตะเลย
เพราะมักจะเป็นนักเรียนชายที่เก่งและรวย
ส่วนเด็กหลังห้องในห้องของผม มักจะเป็นนักเรียนโข่ง
เป็นพวกเรียนซ้ำชั้น พวกนี้ค่อนข้างโหด
และยังเป็นสมุนของครูโก้ด้วย
พวกที่อยู่ซ้ายขวามักจะเป็นพวกเงียบๆ ผอมๆ
หรือไม่ก็อ้วนไปเลย
นักเรียนชายที่นั่งกลางห้องจึงเหมาะที่จะเป็นเหยื่อของครูโก้และสมุน
เพราะหน้าตาค่อนข้างดี บางคนถึงกับหล่อ มักจะตัวสูง
ลำตัวหนาหรือล่ำ ที่สำคัญคือมาจากครอบครัวที่ยากไร้
และมีผลการเรียนปานกลาง
ผมเองอยากเป็นเหยื่อของครูโก้ จึงต้องปกปิดฐานะตัวเอง
ตอนนั้นครอบครัวมีฐานะรวยมาก (แต่จะมาล้มละลาย
ตอนผมอยู่ช่วง ม.2) ก็ต้องทำตัวเหมือนมาจากครอบครัวที่จน
ตอนนั้นผมเดินมาโรงเรียน จึงหลอกครูโก้ได้อย่างง่ายดาย
เพราะเด็กรวยมักจะมีรถหรูมาส่งที่โรงเรียน
(โรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงปานกลาง)
และที่ผมต้องทำคือต้องประคองให้ตัวเองมีผลการเรียนปานกลาง
ทั้งๆที่ตอนจบ ป.5 ผมได้รับทั้งรางวัลเรียนดีและนักเรียนชายมารยาทดีเด่น
จากโรงเรียนเดิม
ตอนที่ครูโก้เดินเข้ามาในห้อง แกกะเล่นผมเลย
เรียกผมไปยืนหน้าห้อง บังคับให้ถอดเสื้อออก
แล้วเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย ลักษณะคล้ายๆภาพตัวอย่าง
หลังจากนั้น แกก็ด่าผมต่างๆนานาว่าผมเป็นเด็กเลว แต่งตัวไม่เรียบร้อย
ชอบลองดี ด่าๆๆๆ หลายอย่าง
ที่แกทำอย่างนี้เพื่อหาความชอบธรรมให้กับการลงโทษโหดของแก
เพราะสำหรับครูโก้ ถ้านักเรียนชายเลว แกสามารถลงโทษโหดได้
(อย่าลืมนะครับว่าเหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อปี 2525)
ซีนต่อไป ผมจะเรียกว่าซีนคลาสสิกซีนที่ 1 ในชีวิตผมที่ยังจำไม่ลืม
เมื่อแกด่าเสร็จ แกก็เอาไม้เรียวมาฟาดผม
โดยทั่วไป ครูมักจะฟาดก้น แต่วันนั้น แกขอฟาดหน้าท้องของผม
แกฟาดไป 6 ทีต่อหน้าเพื่อนในห้อง
หลังจากนั้น แกให้ผมหันข้าง
แกเชิญชวนให้สมุนหลังห้องมาช่วยลงโทษผมด้วย
โดยให้ฟาดหน้าอกผมคนละ 1 ที คือให้ฟาดอย่างแรงเลย
สมุนมี 6 คนก็เลยโดยฟาดหน้าอกไป 6 ที รู้สึกสะใจมาก
หลังจากนั้นนานแค่ไหน จำไม่ได้แล้ว
น่าจะประมาณสองอาทิตย์ แม่ผมพาผมไปบ้านป้า
ซึ่งรวยมาก
และนี่คือสถานการณ์ที่สอง
จริงๆแล้ว บ้านป้าห้ามพาผู้ชายและสัตว์ตัวผู้เข้าบ้าน
ถ้าลูกหลานอยากเลี้ยงหมา เลี้ยงแมว ก็ต้องเป็นตัวเมียเท่านั้น
แต่ผมได้รับสิทธิพิเศษคือเข้าบ้านป้าได้
เขาให้เข้าไปทำไมครับ เขาให้ไปร้อยพวงมาลัยกับลูกหลานที่เป็นผู้หญิง
สำหรับผมในตอนนั้น สถานการณ์บ้านป้ารุนแรงกว่าสถานการณ์ในห้องเรียน
ผมอาจจะคิดไปเองว่าตอนโดนครูโก้และพวกทำร้ายผม
ถ้าผมรอดมาได้ ผมจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถ้าให้ผมร้อยมาลัยบ่อยๆ ผมน่าจะรู้สึกแย่ลง ไม่แข็งแกร่งขึ้นเลย
และไม่สมเป็นลูกผู้ชาย
หลังจากนั้นอีกประมาณสองสามวัน
ผมยืนบนระเบียงตึกแถวชั้นสาม
เอ ผมเคยบอกไปแล้วนะครับว่าที่อยู่คือตึกแถว 2-3 คูหา
กี่ชั้นนี่ก็ไม่แน่ใจ น่าจะ 5 ชั้น
ผมอยู่ชั้นสาม ส่วนพ่อกับแม่อยู่ชั้น 4 แต่โดยมาก แม่มักจะอยู่คนเดียว
เพราะพ่อมักจะไปอยู่กับเมียน้อยจำนวนหลายคน
ชั้นสามจึงเสมือนหนึ่งเป็นวิมานของผม
เท่าที่ผมจำได้ พอขึ้นไปชั้นสาม ห้องนอนผมจะอยู่ไกลมาก
ก่อนถึงห้องนอน มันจะเป็นพื้นที่ๆกว้างมาก
ทางซ้ายเป็นชุดรับแขก ทางขวาเป็นโต๊ะนั่งทำงาน
มีเครื่องตกแต่งอย่างอื่นอยู่อีก แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว
ผมมักจะชอบมายืนตรงระเบียงชั้น 3 ด้านหลัง
เพื่อมาดูเด็กผู้ชายเขาเล่นกัน
ด้านหลังตึกแถวที่ผมอยู่จะเป็นลานหรือสนามที่กว้างมาก
ชอบมีเด็กผู้ชายมาเล่นกัน
บางครั้งพวกเขาก็เล่นบอล บางครั้งก็เล่นต่อสู้
ที่ผมชอบดูมากคือการเล่นต่อสู้ เพราะมันสะใจดี
เด้กผู้ชายที่มารวมตัวเล่นกันด้านหลังตึก
มีประมาณ 15 คน
สมัยนั้นยังไม่มีมือถือ ไม่มีคอมฯ ไม่มีเกมคอมพิวเตอร์
เด็กผู้ชายเลยมักจะมารวมตัวเล่นกัน
และหลังตึกผมถือเป็นภูมิศาสตร์ที่ดี
ที่ผมชอบดูก็คือการเล่นต่อสู้
การเล่นต่อสู้ของพวกนี้ มักจะมีอยู่ plot เดียวคือ
พระเอก 1 คน อยู่ภายใต้วงล้อมของผู้ร้าย
(ที่เหลือทั้งหมดก็คือผู้ร้าย)
คนที่รับบทพระเอกมักจะเป็นไอ้เกิ้ล
ถึงแม้ไอ้เกิ้ลจะอายุประมาณ 14 คือแก่กว่าผมหน่อยนึง
แต่ร่างกายกำยำ กล้ามสวย และน่าจะชอบความสมบุกสมบัน
เวลาเล่นกัน ไอ้เกิ้ลมักจะถอดเสื้อ คือถอดอยู่คนเดียว
คาดว่าเขาคงชอบ
การสู้กันของพวกนี้ดูจริงจัง ไม่ได้ชกต่อยกันจริง
แต่ดูจริงจังมาก
เวลาทุกคนมารุมล้อมไอ้เกิ้ล ดูไอ้เกิ้ลจะชอบมาก
แต่ไอ้เกิ้ลก็พยายามต่อสู้ แต่มักจะโดนเล่นจากด้านหลัง
ไอ้เกิ้ลจึงมักโดยฟาดหลัง ต่อยหลังแบบเจ็บจริง
แต่ด้านหน้า ไอ้เกิ้ลสู้แหลก ถ้าไอ้กเิ้ลจับใครได้ก็อาจ
เขกหัวแบบเล่นๆ ไอ้เกิ้ลมักไม่รุนแรงกับคนอื่น
แต่คนอื่นมักรุนแรงกับไอ้เกิ้ล แถมไอ้เกิ้ลยังชอบด้วย
ที่ถูกรุมอย่างเอาจริงเอาจัง
ผมอิจฉาไอ้เกิ้ลนะที่ได้เล่นแบบนั้นในวัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
ส่วนผม ทำได้แค่ยืนดูบนวิมานชั้นสาม
แม่ห้ามเด็ดขาด ไม่ให้เล่นกับเด็กผู้ชายพวกนี้
แม่มักจะพูดบ่อยๆว่า "ศักดิเดชต้องไม่เหมือนใคร"
ซึ่งมันก็จริง ผมเริ่มคิดและทำไม่เหมือนคนอื่น
ผมอิจฉาไอ้เกิ้ลมากที่เขาได้เล่นในสิ่งที่เขาอยาก
ผมเลยกลับมาคิดถึงเพื่อนเล่นของผม
ซึ่งก็คือครูโก้กับสมุนของเขา
ไอเดียของผมก็คือพรุ่งนี้ ผมตั้งใจจะไปโรงเรียนสาย
ครูโก้เคยพลั้งปากไปว่าสัปดาห์นี้ ถ้าใครมาสายต้องโดนลงโทษ
โดยเฉพาะนักเรียนชาย ถ้ามาสายต้องโดนลงโทษที่โหดมากๆ
นั่นแหละคือทางออกของผม
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็ดันไปถึงโรงเรียนแต่เช้าเลย
คือมันตื่นเต้นมากๆครับ
ผมเลยไปอยู่ตรงกำแพงข้างโรงเรียนก่อน
พอไปอยู่ตรงนั้น ผมดันเห็นครูโก้ลงโทษโหดกับ
พี่ผู้ชายที่ผมเห็นในตอนที่ 1
พี่คนนั้นต่อมาผมทราบชื่อว่าพี่จ้อน
พอจบ ม.3 พี่จ้อนไม่มีทางไป
เนื่องจากมาจากครอบครัวที่ยากไร้
แต่พี่จ้อนมาดเหมือนทหาร หล่อ ล่ำ กำยำมาก
ครูโก้จึงจ้างเขามาเป็นคนงานที่โรงเรียน
แต่พี่จ้อนดำรงอยู่คล้ายๆทาส
พี่แกถอดเสื้อตลอดเวลา
เช้านี้ แกถูกสั่งให้วิดพื้นไปเรื่อยๆ
ครูโก้ก็เอาเข็มขัดฟาดหลังแกไปเรื่อยๆเช่นกัน
มันโหดมากเลย
เช้านี้ ครูโก้ดูโหดเหมือนหมาบ้า
นั่นทำให้ผมต้องกลับมาคิดอีกครั้งว่า
มาสายวันนี้จะดีเหรอ ผมเกือบล้มเลิกความคิด
แต่ด้วยความอิจฉาไอ้เกิ้ล
ผมก็เลยไม่เปลี่ยนใจในท้ายที่สุด
แต่วันนั้นผมโชคร้ายมาก (หรืออาจจะโชคดี?)
เพราะดันมีคนมาสายแค่ 12 คน
แต่ผมกลับเป็นนักเรียนชายเพียงคนเดียวที่มาสาย
ครูโก้ปล่อยให้นักเรียนหญิงทั้งหมดกลับเข้าแถว
แต่กักตัวผมไว้
ครูโก้มากระซิบข้างหูผม
"มืงต้องถูกลงโทษแทนนักเรียนหญิงทั้งหมดด้วย
กูคำนวณแล้ว โทษของมืงต้องกลายเป็น 10 เท่า"
ผมฟังแล้วหนาวเลย หัวใจเต้นแรง
แต่จิตใจยังฮึกเหิมอยู่ ผมคิดในใจว่าหลังจากวันนี้
ผมไม่ต้องอิจฉาไอ้เกิ้ลอีกแล้ว
และเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือซีนคลาสสิกซีนที่ 2 ในชีวิตผม