โควิดวันนี้ หายป่วย 2,695 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 2,575 ราย เสียชีวิต 17 ราย
https://www.dailynews.co.th/news/615887/
 
 
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ พบเสียชีวิตเพิ่มอีก 17 ราย ขณะที่พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 2,575 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,188,424 ราย 

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 29 ธ.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 2,575 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 2,535 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 40 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มีจำนวน 2,188,424 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,695 ราย หายป่วยสะสม 2,134,712 ราย กำลังรักษา 33,502 ราย
 
โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 17 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มียอดสะสมสูงถึง 21,647 ราย
 

---

 
ด่วน! ไทยพบโอมิครอนแล้ว 739 ราย นำเข้า 488 ติดใน ปท. 251 ราย สธ. แถลงทางการบ่ายนี้
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3108523

ด่วน! ไทยพบโอมิครอนแล้ว 739 ราย นำเข้า 488 ติดใน ปท. 251 ราย สธ. แถลงทางการบ่ายนี้
 
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการถอดรหัสสายพันธุ์โควิด-19 ของกรมวิทยฯ ข้อมูลผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทย สะสม 739 ราย แบ่งเป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ 488 ราย และ การติดเชื้อจากการสัมผัสในประเทศ 251 ราย โดยวันนี้จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ที่กระทรวงสาธารณสุข เวลา 13.00 น. อีกครั้ง
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าอัตราการติดเชื้อโอมิครอนในระดับนี้ มีความน่ากังวลอย่างไร นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า หากเราเทียบอัตรา ด้วยการติดเชื้อรายใหม่รายวันที่พบ 2 พันกว่าราย ที่ส่วนใหญ่ยังเป็นเดลต้า กับการตรวจหาโอมิครอนที่เราถอดรหัสจากผู้เดินทางเข้าประเทศทุกราย ซึ่งแน่นอนว่าจะเจอโอมิครอนสูง ดังนั้น ตัวเลขที่ออกก็อาจจะไม่แฟร์ เพราะตัวเลขการตรวจไม่เท่ากัน และไม่ได้เป็นการตรวจทุกรายที่ติดเชื้อในประเทศ ทั้งนี้ มันก็บอกได้ด้วยตัวมันเองว่า เริ่มมีการติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้น แต่อย่ารับว่าคิดทั้งหมดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าจะคิด เราต้องไปเทียบจากทั้งหมด ตรวจทุกรายที่ติดเชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ใด
  
“แต่ที่อยากเน้นย้ำคือ วันนี้ที่ก้าวออกจากบ้าน การติดเชื้อที่จะพบก็ยังเป็นเดลต้าอยู่ ซึ่งหลักการป้องกันโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ คือ การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น และพิสูจน์แล้วว่าป้องกันได้อย่างดี” นพ.ศุภกิจ กล่าว
 

---

 
‘ไก่อู’ ขอขมาทูตลาวปมข่าวรถไฟความเร็วสูง ‘ถนอม เอ็นบีที’ มอบพวงมาลัยสำนึกผิด หวังคนลาวอภัย
https://www.matichon.co.th/economy/news_3108539
 
‘ไก่อู’ ขอขมาทูตลาวปมข่าวรถไฟความเร็วสูง ‘ถนอม เอ็นบีที’ มอบพวงมาลัยสำนึกผิด หวังคนลาวอภัย
 
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีวิทยุแห่งชาติลาว Lao National Radio เผยแผร่ภาพพลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และคณะ ขณะเข้าพบ พณฯ แสง สุขะทิวง เอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอำนาจเต็มแห่ง สปป.ลาว ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ สถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาว เพื่อขออภัยจากกรณีการนำเสนอข่างของช่อง เอ็น บี ที กรณีรถไฟฟ้าความเร็วสูงจีน-ลาว เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมในรายการ ‘ฟังชัดๆถนอมจัดให้’ โดย นายถนอม อ่อนเกตุ
 
สถานีวิทยุแห่งชาติลาว รายงานว่า พลโทสรรเสริญ กล่าวแสดงความเสียใจต่อความผิดพลาดในการนำเสนอข้อมูล ในฐานะผู้บังคับบัญชา ต้องขอออภัยประชาชนลาว นอกจากนี้ ยังยอมรับว่า เคยผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยขณะนั้นได้มีจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก แต่เมื่อเกิดเหตุอึกครั้ง ตนจึงนำคณะผู้บริหารและนักข่าวเดินทางมาด้วยตนเองเพื่อแสดงความจริงใจ และสำนักในความผิด หวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับการให้อภัยจากประชาชนลาว

พลโทสรรเสริญ ยังกล่าวด้วยว่า จะไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก จากนั้น นายถนอม อ่อนเกตุ นำพวงมาลัยมอบแด่เอกอัครราชทูตสปป.ลาวด้วยตนเอง
พณฯ แสง กล่าวว่าจะนำคำขอโทษครั้งนี้แจ้งให้ประชาชนลาวรับทราบ เชื่อมั่นว่าประชาชนลาวผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีจะให้อภัย และหวังว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก
 
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูต สปป.ลาว ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ลาว-ไทยที่เป็นเพื่อนบ้าน มีฮีตคอง ประเพณี ภาษาวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการรถไฟควาทเร็วสูงจีน-ลาวซึ่งเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์
 
“ในภายหน้า หากมีปัญหาที่ไม่เข้าใจ หรือต้องการข้อมูลอย่างละเอียด ขอให้ติดต่อประสานมายังสถานทูตเพื่อขอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริง เพื่อเสนอข่าวให้สังคมรับรู้อย่างถูกต้อง ประชาชนลาวมีความภาคภูมิใจในการเปิดใช้บริการรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวที่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนลาว ประชาชนประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนและภาคพื้นในอนาคต” พณฯ แสง เอกอัครราชทูตสปป.ลาวกล่าว
 
ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตสปป.ลาวกล่าวถึงจุดยืนของรัฐบาลลาวที่พยายามเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงที่ดีต่อกันของสองประเทศให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นในทุกวัน