JJNY : 5in1 หมูแพงอีกครึ่งปี│หมูย่างตรังนับ10หยุดขาย│รถไฟจีน-ลาวไม่ง้อท่าเรือไทย│ติดโอมิครอน 2,062│วิโรจน์ชี้3เหตุหมูแพง

ทำใจ!”ปศุสัตว์” เผยปชช.ต้องบริโภคหมูแพงอีกครึ่งปีเหตุ “แม่พันธุ์-หมูขุน” ตายเยอะ ชี้ราคาจะเข้าสู่ปกติหลัง ก.ค.
https://www.matichon.co.th/region/news_3116250
 
 
“ปศุสัตว์” เผยปชช.ต้องบริโภคหมูแพงอีกครึ่งปี เหตุ “แม่พันธุ์-หมูขุน” ตายเยอะ ชี้ราคาจะเข้าสู่ปกติหลังเดือนก.ค.ไปแล้ว
 
เมื่อวันที่ 4 ม.ค.65 นายสัตวแพทย์บุรินทร์ สรสิทธิ์สุขสกุล ปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์การเลี้ยงหมูในพื้นที่ราชบุรีว่า จากตัวเลขที่สำรวจผ่านระบบ อี สมาร์ท พลัส ของกรมปศุสัตว์เมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งสำรวจปีละ 2 รอบ พบมีแม่พันธุ์ที่ราชบุรีประมาณ 2 แสนตัวเศษ เกษตรกรผู้เลี้ยง 24,000 ราย ถือเป็นจำนวนที่เลี้ยงหมูมากที่สุดในประเทศ สำรวจแยกเป็นรายอำเภอในข้อมูลของอี สมาร์ท พลัส นั้น เช่น พื้นที่หลักอยู่ที่ อ.ปากท่อ 3,331 ราย มีแม่พันธุ์ 67,405 ตัว รองลงมา อ.จอมบึง มีเกษตรกร 3,006 ราย มีแม่พันธุ์ 65,218 ตัว และรองลงที่ อ.โพธาราม 4,356 ราย มีแม่พันธุ์ 32,139 ตัว ที่โพธารามจะเป็นผู้เลี้ยงรายกลางถึงรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ หากเป็นรายใหญ่จะอยู่ที่ อ.ปากท่อ และ อ.จอมบึง และ อ.เมือง
 
นายสัตวแพทย์บุรินทร์กล่าวว่า ส่วนวงจรราคาหมูแพง ณ ปัจจุบัน กับตัวเลขที่เห็นนั้นเป็นตัวเลขที่สำรวจมาจากหลายอำเภอ หลังจากที่ผ่านมาปัญหาของโรคระบาด ทั้งโรค เพิร์ส PRRS ที่ทำให้เกิดความเสียหายฝูงแม่พันธุ์และฝูงหมูขุน รวมถึงโรคที่มีการระบาดปละปลาย อย่างโรคระบบทางเดินอาหารที่ทำให้ลูกหมูมีความเสียหาย เปรียบเทียบเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ของคน โรคจะสะสมในธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความเสียหาย ในวงการหมูก็เช่นเดียวกัน คือ จะมีการวนเวียนประมาณ 4 ปี จะเกิดการระบาดรอบหนึ่งและมาตรงกันพอดีทำให้ความเสียหายค่อนข้างเยอะ
 
นายสัตวแพทย์บุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ราคาหมูแพงนั้น เริ่มเกิดการเสียหายเมื่อกลางปีที่แล้ว ทำให้แม่พันธุ์ที่มีในระบบเกิดการสูญเสีย ซึ่งตัวเลขการสูญเสียนั้น สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอยู่ระหว่างใช้โปรแกรมของ อี สมาร์ท พลัส ของกรมปศุสัตว์ ลงไปสำรวจอีกที ว่าจำนวนแม่พันธุ์ที่มีการสูญเสียไปนั้นมากน้อยแค่ไหน ตามที่ในข่าวว่าเสียหายไปประมาณ 40-50% นั้น เป็นแค่การประมาณการณ์ ส่วนตัวเลขจริงนั้นยังไม่มีใครตอบได้ จึงต้องลงไปสำรวจพื้นที่จริง ต้องใช้เวลาประมาณ 2 -3 สัปดาห์


 
หมูย่างเมืองตรัง นับ 10 ร้าน สู้ราคาไม่ไหว ต้องหยุดขายชั่วคราว วอนรัฐเร่งควบคุม
https://www.matichon.co.th/region/news_3116191

ตรัง-ผู้ประกอบการหมูย่างโอด ราคาหมูปรับขึ้นสูงลิ่ว ขณะที่ร้านค้าหมูย่างตามตลาดเทศบาลนับ 10 ร้านหยุดขายชั่วคราวแล้ว พ่อค้ารับเพิ่งเคย แพงมากขนาดนี้ บางร้านหันมาขายออนไลน์
 
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านตรังหมูย่าง ร้านขายอาหารเช้า และหมูย่างเมืองตรัง มีลูกค้ามาใช้บริการ ซื้อหมูย่างอย่างต่อเนื่อง โดยหมูย่างร้าน ราคากิโลกรัมละ 500 บาท ครึ่งกิโลกรัมละ 250 บาท ขณะที่ บรรยากาศที่ตลาดสดเทศบาลนครตรัง กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าหมูย่าง และหมูสด หลายร้านต่างปิดร้านชั่วคราว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา ขณะเดียวกัน พบบางร้านยังขายปกติ เพราะมียอดสั่งซื้ออยู่ แต่จะมีการลดปริมาณหมูลง และมีการขายตามออเดอร์
 
นายประเสริฐ น้ำผุด อายุ 57 ปี เจ้าของร้านตรังหมูย่าง เปิดเผยว่า มีผลกระทบเยอะ เพราะราคาขึ้นสูง จนเราสู้ไม่ได้ แต่มันเป็นอาชีพของเราที่ต้องขาย จึงต้องมาวิเคราะห์ราคา เอาให้พอได้มีกำไรเลี้ยงชีพ เมื่อครั้งที่ผ่านมา ราคาหมูขึ้นมาตอนนี้ เราก็ต้องมาคำนวณว่า จะขายในราคาไหน เพราะไม่อยากขึ้นมาก เพราะตอนนี้มีผลกระทบอย่างแรง หลายร้านหยุดร้านเพราะสู้ต้นทุนไม่ได้ แต่เราต้องขายราคานี้เพื่อพยุงลูกค้า ช่วงปีใหม่ก็มีลูกค้าต่างจังหวัดมาซื้อ ลูกค้าจ.ตรัง ไม่ค่อยมาซื้อแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถหยุดขายได้
 
“แม้ว่าขายไม่ได้ก็ต้องขาย เพราะกระทบหลายอย่างรวมถึงลูกน้องด้วย ก็ต้องพยุงกันต่อไปเรื่อยๆเพื่อพาตัวเอง และพนักงานที่ร้านให้รอด หากจะมาขายออนไลน์ก็พูดยาก เพราะเป็นของสด ต้นทุนสูง หมูที่ร้านเราเป็นหมูที่ไม่มีกระดูก ต้นทุนสูงกว่าเท่าตัว ตอนนี้คนขายคนซื้อก็ลำบากกันทั้งนั้น ก็อยากฝากทางรัฐบาลควบคุมราคาหมูให้อยู่ในวงจร อยู่ในราคาที่ไม่กระทบต่อผู้บริโภคมาก” นายประเสริฐ กล่าว
 
ด้าน น.ส.ณัฐติกาญจน์ บุญรินทร์ อายุ 27 ปี เจ้าของแผงหมูย่าง ที่ตลาดสดทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ได้รับผลกระทบเยอะ เราจำเป็นต้องขายลูกค้าก็ยอมรับราคาได้ก็ขายปกติ แต่จะทำตามออเดอร์มากกว่าขายหน้าหน้าร้าน ส่วนใหญ่มีขายออนไลน์บ้างแล้ว แต่ลูกค้าสั่งก็ต้องสั่งล่วงหน้า 2 วัน ปกติไม่ค่อยได้ขายออนไลน์ แต่หลังจากราคาหมูแพงก็หันมาขายออนไลน์ แต่ขายออนไลน์ราคาก็สูงอีกเช่นกันก็ต้องถามลูกค้าด้วยว่า รับในราคานี้ได้หรือไม่ ตอนนี้เราก็ปรับตัวด้วยการลดปริมาณหมู เพราะช่วงนี้หมูก็หายากเหมือนกัน ตอนนี้แผงหมู ร้านหมูย่างหลายแผงก็หยุดขายไปตั้งแต่ช่วงปีใหม่ นับ 10 ร้านแล้ว ส่วนตัวยังต้องขาย เพราะมีออเดอร์สั่งซื้อทุกวัน ส่วนลูกค้าหลายแห่งที่ตนเคยส่งประจำก็เลิกสั่งไปเหมือนกัน ตอนนี้นอกจากหมูแล้วราคาอุปกรณ์และวัตถุดิบก็สูงด้วยเช่นกัน
 

 
รถไฟจีน-ลาว เปิดครบเดือน สินค้าผ่านแสนตัน ส่งวันเดียวไม่ง้อท่าเรือไทย
https://www.prachachat.net/world-news/news-834301
 
ทางรถไฟจีน-ลาว เปิดให้บริการ ครบ 1 เดือน สินค้าขนผ่านกว่า 170,000 ตัน สินค้าลาวไปจีนใช้เวลาขนส่งวันเดียว ไม่พึ่งท่าเรือไทย
 
วันที่ 4 มกราคม 2565 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับตั้งแต่เส้นทางรถไฟสายจีนลาว เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม ปี64 ที่ผ่านมา เป็นเวลาครบ 1 เดือน เส้นทางรถไฟสายนี้รองรับผู้โดยสารไปแล้วกว่า 670,000 คน มีสินค้าขนส่งผ่านเส้นทางนี้รวมแล้วกว่า 170,000 ตัน
 
การรถไฟจีนประจำมณฑลยูนนาน เผยว่า เส้นทางรถไฟช่วงที่อยู่ในประเทศจีน หลังจากเปิดทำการช่วงเดือนธันวาคม 64 มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวันราว 19,000 เป็น 33,000 ต่อวัน จำนวนนี้ราว 620,000 คน เป็นการเดินทางในช่วงยูนนานและสิบสองปันนา ซึ่งติดกับชายแดนลาว ทว่าด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ทำให้ยังไม่มีการเปิดให้บริการผู้โดยสารข้ามแดนระหว่างสองชาติ มีเพียงการขนส่งสินค้าไปมาระหว่างจีนลาวเท่านั้น
 
โดยตั้งแต่เปิดให้บริการเดือนแรก มีรถไฟบรรทุกสินค้าผ่านเส้นทางนี้แล้ว 380 ขบวน จำนวนนี้แบ่งเป็นรถไฟขนส่งสินค้าระหว่างประเทศถึง 70 ขบวน แบ่งเป็นสินค้าจำพวก ยาง ปุ๋ย และของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์จากเซลล์แสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ด้านการสื่อสาร รถยนต์ สิ่งทอ ผัก และดอกไม้
 
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ประซาซนลาว (ประชาชน) สื่อท้องถิ่นของลาวรายงานว่า นับตั้งแต่ที่เปิดใช้เส้นทางรถไฟสายนี้ ช่วยย่นระยะเวลาการขนส่งสินค้าจากลาวไปยังประเทศจีน เหลือระยะเวลาเพียง 1 วัน จากเดิมต้องใช้เวลาเกือบ 30 วัน ผ่านขนส่งท่าเรือไทย
 
นายจันทอน สิดทิไซ ประธานบริษัทเวียงจันทร์โลจิสติกส์ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลาวว่า แต่เดิม การขนส่งสินค้าจากลาวไปยังจีนนั้นต้องผ่านท่าเรือไทยก่อนจะส่งไปจีน ซึ่งใช้ระยะเวลาการขนส่งเกือบ 30 วัน ทว่านับตั้งแต่เปิดรถไฟจีนลาว ทำให้ใช้เวลาจากกรุงเวียงจันทร์ ไปยังเมืองคุณหมิงของจีน ใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งท่าเรือไทยในการขนส่งสินค้าจากลาวไปจีน
 

 
ทะลุ 2 พัน! ไทยติดเชื้อ "โอมิครอน" เพิ่ม 282 สะสม 2,062 รายแล้ว
https://www.tnnthailand.com/news/covid19/101040/

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย พบผู้ติดเชื้อ "โอมิครอน" เพิ่ม 282 ราย สะสม 2,062ราย โดยกาฬสินธุ์พบผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศมากที่สุด 

วันนี้( 4 ม.ค.65) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุถึงสถานการณ์การเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19 ว่า ข้อมูลล่าสุด ตรวจพบโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เพิ่ม 282 ราย ยอดสะสม 2,062 รายแล้ว ในจำนวนที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนส่วนหนึ่งหายแล้ว
 
โดยกรุงเทพฯ พบโควิดสายพันธุ์โอมิครอนสะสม 585 ราย ในจำนวนนี้ติดเชื้อในประเทศ 7 ราย , กาฬสินธุ์ สะสม 233 ราย ติดเชื้อในประเทศ 231 ราย , ร้อยเอ็ด สะสม 180 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศทั้งหมด , ภูเก็ต ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สะสม 175 ราย ในจำนวนนี้ติดเชื้อในประเทศ 17 ราย , ชลบุรี พบติดเชื้อสะสม 162 ราย ในจำนวนนี้ติดเชื้อในประเทศ 70 ราย และสมุทรปราการ ติดเชื้อสะสม 106 ราย ติดเชื้อในประเทศ 28 ราย
 
ทั้งนี้ โอมิครอน กระจายไปแล้ว 54 จังหวัด สรุปการระบาดของ โอมิครอน จะเริ่มส่งผลให้จำนวนติดเชื้อในภาพรวมมากขึ้นแต่ยังไม่ส่งผลต่อจำนวนการเสียชีวิต ขณะเดียวกันการติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ยังคงเป็นสายพันธุ์ เดลต้า ร้อยละ70-ร้อยละ 80 โดยต้องระวังในกลุ่มเสี่ยงกลุ่ม 608 ที่มีโอกาสป่วยหนักและเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการศึกษาพบว่าผู้ติดเชื้อบางส่วนที่ติดเชื้อโอมิครอนจะมีภูมิคุ้มกันที่สามารถลบล้างพิษของเชื้อสายพันธุ์เดลต้าได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับวัคซีน ขณะที่การตรวจสายพันธุ์จะเริ่มใช้ระบบเฝ้าระวังปกติตามเกณฑ์เพื่อประเมินสถานการณ์แต่จะไม่ทำการตรวจตราสายพันธุ์ทุกราย
ส่วนการ พบสายพันธุ์ B.1.640.2 เป็นสายพันธุ์ย่อย จะส่งผลต่อการแพร่ระบาดหรือไม่ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่า ไม่ต้องตกใจกับสายพันธุ์ย่อยที่ขึ้นมาใหม่ แต่เป็นเพียงระบบการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของโลก เมื่อมีการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ย่อยออกมาโดยไทยได้จับตาเฝ้าระวังสายพันธุ์ดังกล่าวด้วย
 
ขณะที่ข้อมูลจากแอฟริกาใต้ ได้มีการทดลองเจาะเลือดของคนที่ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ระหว่างคนที่ฉีดวัคซีนกับคนที่ไม่ฉีดวัคซีนว่าภูมิในร่างกายเป็นอย่างไร พบว่า เมื่อติดเชื้อ โอมิครอน ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นร้อยละ14-15 เท่า หลังครบ 14 วันจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีปกติเมื่อติดเชื้อก็จะมีภูมิขึ้น โดยพบว่าภูมิที่ขึ้นสามารถกันเชื้อโควิดเดลต้าได้ด้วย ซึ่งคนที่ฉีดวัคซีนโควิด หรือไม่ฉีดวัคซีน เมื่อติดเชื้อโอมิครอน 14 วัน จะมีภูมิคุ้มกันกันเชื้อเดลต้าได้ด้วยจำนวนหนึ่ง
 
โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อยู่ระหว่างการรวบรวมคนที่ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์โอมิครอ ในไทยครบ 2 สัปดาห์ จะนำเลือดมาตรวจว่าสามารถจัดการเชื้อเดลต้าได้มากน้อยแค่ไหน
 
ทั้งนี้ มองว่า ตอนนี้การที่ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์โอมิครอน ก็ไม่ได้มีผลเสียอย่างเดียว อีกทางคือยังช่วยป้องกันเดลตาได้ แต่ไม่ได้หมายถึงให้คนไปติดเชื้อโควิดแต่อย่างใด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่