โควิด19 ลามไม่หยุด! สั่งปิดวัดเจ็ดยอด จ.เชียงใหม่ หลังพบคลัสเตอร์พระติดโควิด กักตัวพระและเณรอีก 43 รูป
https://news.ch7.com/detail/539460
 
 
(28 ธ.ค. 64) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพร้อมด้วยฝ่ายปกครองตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ตั้งเต็นท์ควบคุมสถานการณ์หน้าประตูวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง หลังชุมชนเจ็ดยอดและวัดเจ็ดยอดตัดสินใจติดป้ายประกาศปิดพื้นที่วัด งดรับญาติโยมทำบุญ หลังกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด 19  โดยปิดตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 64 - 2 มกราคม 65 ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าออก หลังเกิดคลัสเตอร์ใหม่ภายในวัดมีพระเณรติดเชื้อโควิด 19 แล้ว 5 ราย เป็นกลุ่มสามเณรที่รับกิจนิมนต์เดินทางไปต่างจังหวัดและติดเชื้อกลับมาแพร่ในวัด
 
นอกจากนี้ยังต้องกักตัวพระสงฆ์และสามเณรในวัด 43 รูป รวมทั้งพระเทพปริยัติ เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เบื้องต้นมีการตรวจหาเชื้อโควิด 19 แล้วผลเป็นลบ แต่จะต้องกักตัวตามมาตรการและตรวจซ้ำอีกครั้งตามระยะเวลาที่กำหนด ขณะเดียวกันยังปูพรมตรวจกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าร้านสังฆภัณฑ์และดอกไม้ข้างวัดอีกกว่า 80  ราย เบื้องต้นผลเป็นลบทั้งหมด 
 
มาตรการปิดพื้นที่วัด ทำให้คณะศรัทธาที่ไม่ทราบข่าวและเดินทางมาทำบุญที่วัดเจ็ดยอดซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีพระธาตุประจำปีเกิดปีมะเส็งไม่สามารถเข้าวัดได้ เจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกช่วยรับสิ่งของทำบุญนำไปส่งให้วัด พร้อมกับนำสมุดเปิดให้ลงชื่อร่วมบริจาคเงินทำบุญเพื่อไม่ให้คณะศรัทธาเดินทางมาเสียเที่ยว
  
สำหรับพระเณรที่ติดเชื้อทั้งหมด 5 รูป ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนพระเณรที่อยู่ในวัดอีก 40 กว่ารูป เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและถูกกักตัวอยู่ภายในบริเวณวัด ทำให้ต้องยกเลิกกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีที่เป็นจัดต่อเนื่องมาทุกปี เปลี่ยนไปจัดสวดมนต์ข้ามปีแบบออนไลน์แทน
 
ส่วนสถานการณ์โควิด 19 ของจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ ( 28 ธันวาคม ) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 56 ราย ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ย้ำประชาชนการ์ดห้ามตก โดยเฉพาะการจัดงานรวมกลุ่ม ปาร์ตีสังสรรค์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ต้องปฏิบัติการป้องกันการติดเชื้อโควิด19 แบบครอบจักรวาล ทั้งการออกบ้านเมื่อจำเป็น สวมหน้ากากอนามัยทับด้วยหน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัย แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ออกบ้านเท่าที่จำเป็น เลือกรับประทานอาหารที่ร้อนและปรุงสุกใหม่ ล้างมือบ่อย ๆ หากสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงให้ตรวจด้วย ATK
 

---

อ้าว! 'ก้าวไกล' แง้มก่อนเปิด แคนดิเดต ผู้ว่าฯ กทม. แต่ไม่ใช่ 'ลูกสุรเกียรติ' แน่นอน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6806032

เผย “แคนดิเดต ผู้ว่าฯ กทม.” ของพรรคก้าวไกล เป็นผู้ชาย แต่ไม่ใช่ “ต้นสน สันติธาร” ลูกชาย “สุรเกียรติ เสถียรไทย” เผยก่อนหน้านี้มีตัวเลือกเป็นผู้หญิง ตอนนี้คัดจนเหลือคนเดียว

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่สื่อบางสำนักรายงานว่า แกนนำพรรคก้าวไกลทาบทามนายสันติธาร เสถียรไทย หรือ ต้นสน นักเศรษฐศาสตร์ การเงิน ผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซชื่อดัง บุตรชาย นายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มาสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามของพรรคก้าวไกล โดยนายสันติธาร อยู่ระหว่างการตัดสินใจนั้น ล่าสุด นายสุรเกียรติ ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมไปยังแกนนำพรรคก้าวไกล ก็ได้รับการปฏิเสธมาในทำนองเดียวกันว่า กลไกการทาบทามของพรรคก้าวไกลมีหลายสาย โดยยืนยันว่าแคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของก้าวไกลไม่ใช่นายสันติธาร ขณะนี้พรรคก้าวไกลคัดสรรจนเหลือแคนดิเดตเพียงคนเดียวแล้ว ซึ่งไม่ใช่ผู้สมัครที่เป็นสตรี แม้ก่อนหน้านี้จะมีตัวเลือกเป็นผู้หญิงในกระบวนการคัดสรรพิจารณา แต่ ณ วันนี้ ไม่ใช่ผู้หญิง โดยจะมีช่วงอายุมากกว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลนิดหน่อย ส่วนเรื่องหน้าตาอาจไม่หล่อเหลาเป็นรถสปอร์ต แต่มีความ “เฟียส” หัวใจหล่อ พร้อมจะเป็นรถถัง รถเมล์ รถบรรทุก รถพยาบาล ให้คนกรุง และเตรียมเปิดตัวในวันที่ 23 ม.ค.65

---

 
เอกชนรอประเมิน ‘โอมิครอน‘ ก่อนเคาะลงทุน
https://www.nationtv.tv/news/378858388
 
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เกรียงไกร เธียรนุกุล ระบุ การพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต้องชะลอแผนยกเลิกการทำงานที่บ้านออกไปอีก 1-3 เดือน
  
จากปัจจุบันที่ปรับลดการทำงานเหลือ 50% จาก 100% หลังจากรัฐบาลคลายล็อกตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยบริษัทส่วนใหญ่วางแผนว่าจะยกเลิกการทำงานที่บ้านทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565
 
ส่วนธุรกิจบางส่วนที่อาศัยแรงซื้อในประเทศต้องรอประเมินสถานการณ์โอมิครอนในการทบทวนแผนการตลาดและการลงทุนอีกครั้ง โดนหลังเทศกาลปีใหม่จะเห็นภาพการแพร่ระบาดของโอมิครอนชัดเจนขึ้น
  
ส่วนภาคการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องยังคงขยายงานต่อเนื่องตามแนวโน้มคำสั่งซื้อที่ยังคงเติบโตในปี 2565 แต่ยอดล่าสุดของผู้ติดเชื้อโอมิครอนทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและสหรัฐ ทำให้ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะตลาดยุโรป และสหรัฐเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย
 
หลายประเทศตัดสินใจฟื้นมาตรการควบคุมพรมแดน และทบทวนแผนการด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือการระบาดของโอมิครอน ซึ่งล่าสุดกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอังกฤษ เดนมาร์ก และสหรัฐ หากการแพร่ระบาดรุนแรงและนำไปสู่การล็อกดาวน์ในยุโรปต่อเนื่องปัญหาเดิมๆจะวนกลับมา รวมถึงการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกและระบบเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จึงยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
  
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อนอกจากมาตรการคนครึ่งเฟส 4 และช้อปดีมีคืนแล้ว ภาครัฐควรเพิ่มมาตรการเยียวยาภาคท่องเที่ยว บริการ และโรงแรม เพราะกลุ่มเหล่านี้กำลังได้รับผลกระทบอีกครั้งจากการแพร่ระบาดของโอมิครอน และส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเอสเอ็มอี เช่น ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก