หลังวัย 40 ทำไม?.. กินอะไร ก็อ้วนง่ายจัง
เคยรู้สึกมั้ยว่า พออายุเริ่มมากขึ้น กินข้าวเท่าเดิมแต่ทำไม? น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางวันแค่หายใจยังอ้วนเลย ทั้งที่สมัยเป็นวัยรุ่นไม่เคยเป็นแบบนี้เลย!
ขออธิบายง่ายๆ ว่า สาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่ระบบเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึม (Metabolism) มันเริ่มเสื่อมยังไงล่ะ โดยร่างกายจะมีระบบเผาผลาญดีที่สุดวัยไม่เกิน 40 ปี หลังจากนั้นกินอะไรก็จะอ้วนง่ายแล้ว
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกับคำว่า “ระบบเผาผลาญ” ที่เราเรียกกันว่าเมตาบอลิซึมกันก่อน ระบบนี้มันคือกระบวนการเคมีในร่างกายที่เปลี่ยนสารอาหารที่เรากินให้กลายเป็นพลังงานไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน หรือระบบอวัยวะในร่างกายก็ต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น
เหมือนเราขับรถแล้วต้องเติมน้ำมัน เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนได้ก็ต้องไปเผาน้ำมันจนกลายเป็นพลังงาน ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายก็คล้ายๆ กันการเผาผลาญของคนก็เหมือนกับเครื่องยนต์ พอใช้ไปนานๆ เข้า มันก็เริ่มเสื่อมสภาพได้ ทำให้เผาผลาญได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนเป็นวัยรุ่น
ซึ่งได้รับการวิจัยมาแล้วว่าระบบเผาผลาญของเราจะค่อยๆ เสื่อมลง 5% ทุก 10 ปี ตั้งแต่อายุเลยวัย 40 ปีไปแล้วคือถ้าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรเจ้าค่าเมตาบอลิซึมมันก็จะลดไปเรื่อยๆ กินเท่าเดิมแต่เพิ่มเติมคือน้ำหนักมากขึ้น พูดแบบบ้านๆ ก็คืออ้วนง่ายนั่นแหละ แต่ถ้าไม่อยากเป็นแบบนั้นก็พอมีวิธีชะลอไม่ให้มันเสื่อมลง ซึ่งวิธีซ่อมเมตาบอลิซึมหลักๆ มีอยู่ 2 อย่างคือ การทานอาหารและการออกกำลังกาย
อย่างเรื่องอาหาร ก็ต้องปรับพฤติกรรมกันหน่อย เลี่ยงของหวาน ของมัน ทานผักเยอะๆ ที่สำคัญต้องทานอาหารที่มีโปรตีนเพื่อเสริมกล้ามเนื้อด้วยพอมีกล้ามเนื้อมากขึ้นร่างกายก็ต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ยิ่งกล้ามเนื้อเยอะกว่าไขมันก็ยิ่งเผาผลาญเยอะนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สาวๆ เผาผลาญได้น้อยกว่า เพราะตัวเล็กกว่าเลยมีกล้ามเนื้อน้อยกว่าและมีส่วนที่เป็นไขมันเยอะกว่าผู้ชายนั่นเอง
อีกเรื่องที่เพิ่มเมตาบอลิซึมได้ก็คือการออกกำลังกายเพราะจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานต่อวันให้ดียิ่งขึ้นถ้าจะออกกำลังกายให้เพิ่มการเผาผลาญก็ควรต้องออกกำลังโดยให้หัวใจเต้นในอัตรา 60-70 % ของอัตราสูงสุด
** คำนวนได้จากการเอาเลข 220-อายุปัจจุบัน จะได้ฮาร์ทเรทสูงสุด แล้วออกกำลังกายแค่ 60-70 %ของฮาร์ทเรทสูงสุดซึ่งตัวเลขที่ให้ออกกำลังกายที่ได้เป็นตัวเลขค่าประมาณเท่านั้น ถ้าจะเอาชัวร์ๆ ว่าเราต้องออกกำลังกายสักเท่าไร เพื่อให้ฮาร์ทเรตอยู่ในช่วงเผาผลาญไขมัน หรือถ้าอยากจะเพิ่มเมตาบอลิซึมด้วยการออกกำลัง ก็ควรจะรู้ลิมิตตัวเองด้วยการตรวจ Vo2 Max และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล อันนี้จะช่วยให้ได้ผลและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
แถมข้อดีของการทำเทส Vo2 Max จะทำให้เรารู้โซนออกกำลังกายที่เพิ่มความฟิตได้ด้วย ช่วยให้การออกกำลังกายไปแล้วจะฟิตขึ้น อึดขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้นอะไรแบบนี้...(คุณแข็งแรงหรือฟิตแค่ไหน? VO2 Max มีคำตอบด้วยเทคโนโลยี CPET วัดอัตราการเผาผลาญออกซิเจนของร่างกาย คลิกอ่าน >>
http://bit.ly/2L1uDCA)
ดังนั่นใครที่อายุเกิน 40 ปีแล้วโปรดอย่านิ่งนอนใจ เพราะเมตาบอลิซึมมันเริ่มนับเวลาถอยหลังลดลงเรื่อยๆ แล้ว ฉะนั้นการออกกำลังกาย และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินตั้งกะวันนี้คุ้มค่ากว่าการปล่อยให้อ้วน แล้วต้องจ่ายค่ารักษาโรคต่างๆ ทีหลังแน่นอน
หลังวัย 40 ทำไม?.. กินอะไร ก็อ้วนง่ายจัง
หลังวัย 40 ทำไม?.. กินอะไร ก็อ้วนง่ายจัง
เคยรู้สึกมั้ยว่า พออายุเริ่มมากขึ้น กินข้าวเท่าเดิมแต่ทำไม? น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บางวันแค่หายใจยังอ้วนเลย ทั้งที่สมัยเป็นวัยรุ่นไม่เคยเป็นแบบนี้เลย!
ขออธิบายง่ายๆ ว่า สาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่ระบบเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึม (Metabolism) มันเริ่มเสื่อมยังไงล่ะ โดยร่างกายจะมีระบบเผาผลาญดีที่สุดวัยไม่เกิน 40 ปี หลังจากนั้นกินอะไรก็จะอ้วนง่ายแล้ว
ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจกับคำว่า “ระบบเผาผลาญ” ที่เราเรียกกันว่าเมตาบอลิซึมกันก่อน ระบบนี้มันคือกระบวนการเคมีในร่างกายที่เปลี่ยนสารอาหารที่เรากินให้กลายเป็นพลังงานไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน หรือระบบอวัยวะในร่างกายก็ต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น
เหมือนเราขับรถแล้วต้องเติมน้ำมัน เครื่องยนต์จะขับเคลื่อนได้ก็ต้องไปเผาน้ำมันจนกลายเป็นพลังงาน ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายก็คล้ายๆ กันการเผาผลาญของคนก็เหมือนกับเครื่องยนต์ พอใช้ไปนานๆ เข้า มันก็เริ่มเสื่อมสภาพได้ ทำให้เผาผลาญได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนเป็นวัยรุ่น
ซึ่งได้รับการวิจัยมาแล้วว่าระบบเผาผลาญของเราจะค่อยๆ เสื่อมลง 5% ทุก 10 ปี ตั้งแต่อายุเลยวัย 40 ปีไปแล้วคือถ้าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรเจ้าค่าเมตาบอลิซึมมันก็จะลดไปเรื่อยๆ กินเท่าเดิมแต่เพิ่มเติมคือน้ำหนักมากขึ้น พูดแบบบ้านๆ ก็คืออ้วนง่ายนั่นแหละ แต่ถ้าไม่อยากเป็นแบบนั้นก็พอมีวิธีชะลอไม่ให้มันเสื่อมลง ซึ่งวิธีซ่อมเมตาบอลิซึมหลักๆ มีอยู่ 2 อย่างคือ การทานอาหารและการออกกำลังกาย
อย่างเรื่องอาหาร ก็ต้องปรับพฤติกรรมกันหน่อย เลี่ยงของหวาน ของมัน ทานผักเยอะๆ ที่สำคัญต้องทานอาหารที่มีโปรตีนเพื่อเสริมกล้ามเนื้อด้วยพอมีกล้ามเนื้อมากขึ้นร่างกายก็ต้องใช้พลังงานในการเผาผลาญมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ยิ่งกล้ามเนื้อเยอะกว่าไขมันก็ยิ่งเผาผลาญเยอะนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สาวๆ เผาผลาญได้น้อยกว่า เพราะตัวเล็กกว่าเลยมีกล้ามเนื้อน้อยกว่าและมีส่วนที่เป็นไขมันเยอะกว่าผู้ชายนั่นเอง
อีกเรื่องที่เพิ่มเมตาบอลิซึมได้ก็คือการออกกำลังกายเพราะจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานต่อวันให้ดียิ่งขึ้นถ้าจะออกกำลังกายให้เพิ่มการเผาผลาญก็ควรต้องออกกำลังโดยให้หัวใจเต้นในอัตรา 60-70 % ของอัตราสูงสุด
** คำนวนได้จากการเอาเลข 220-อายุปัจจุบัน จะได้ฮาร์ทเรทสูงสุด แล้วออกกำลังกายแค่ 60-70 %ของฮาร์ทเรทสูงสุดซึ่งตัวเลขที่ให้ออกกำลังกายที่ได้เป็นตัวเลขค่าประมาณเท่านั้น ถ้าจะเอาชัวร์ๆ ว่าเราต้องออกกำลังกายสักเท่าไร เพื่อให้ฮาร์ทเรตอยู่ในช่วงเผาผลาญไขมัน หรือถ้าอยากจะเพิ่มเมตาบอลิซึมด้วยการออกกำลัง ก็ควรจะรู้ลิมิตตัวเองด้วยการตรวจ Vo2 Max และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล อันนี้จะช่วยให้ได้ผลและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
แถมข้อดีของการทำเทส Vo2 Max จะทำให้เรารู้โซนออกกำลังกายที่เพิ่มความฟิตได้ด้วย ช่วยให้การออกกำลังกายไปแล้วจะฟิตขึ้น อึดขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้นอะไรแบบนี้...(คุณแข็งแรงหรือฟิตแค่ไหน? VO2 Max มีคำตอบด้วยเทคโนโลยี CPET วัดอัตราการเผาผลาญออกซิเจนของร่างกาย คลิกอ่าน >> http://bit.ly/2L1uDCA)
ดังนั่นใครที่อายุเกิน 40 ปีแล้วโปรดอย่านิ่งนอนใจ เพราะเมตาบอลิซึมมันเริ่มนับเวลาถอยหลังลดลงเรื่อยๆ แล้ว ฉะนั้นการออกกำลังกาย และเปลี่ยนพฤติกรรมการกินตั้งกะวันนี้คุ้มค่ากว่าการปล่อยให้อ้วน แล้วต้องจ่ายค่ารักษาโรคต่างๆ ทีหลังแน่นอน