เกือบใจอ่อน
ล. วิลิศมาหรา
ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนยอมคืนดีกับสามีอีก หลังเขาชักแม่น้ำทั้งหมดที่มีอยู่ มาหว่านล้อมให้ฉันยกโทษให้ ในเรื่องเดิม ๆ ที่เราเคยทะเลาะกัน
เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ แต่เพราะความรักที่มีต่อเขา หรือเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าถูกผัวทิ้งก็ตาม ฉันจึงยังยอมยกโทษให้สามีเรื่อยมา และในคืนนี้ ฉันก็ยังยอมตามเขามาในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ในฐานะภรรยาของผู้ชายคนนี้ และด้วยจุดมุ่งหมายบางประการ
“นุ่นสบายดีไหม”
ฉันละสายตาจากภาพพิธีกรชายรูปหล่อ ที่กำลังทำหน้าที่คู่กับพิธีกรสาวสวยในชุดเสื้อผ้าราคาแพงบนเวที มามองใบหน้าของคนนั่งข้าง หวั่นไหวไปกับสายตาอบอุ่นคู่นั้น พร้อมนึกละอายกับความหดหู่เหี่ยวแห้งในหัวใจ ที่แฝงอยู่ทุกอณูบนใบหน้าของตัวเอง
ยิ้มให้ผู้ชายในเครื่องแต่งกายเสื้อเชิร์ตสีอ่อนกับกางเกงผ้าธรรมดา เทียบไม่ได้เลยกับชุดสูทราคาแพง ตัดเย็บจากห้องเสื้อชื่อดังที่พิธีกรชายบนเวทีสวมใส่อยู่ เขาคนนั้นดูสง่าผึ่งผาย ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จ้องมองมา
ใบหน้าของคนถามก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไร ความคมสันเทียบไม่ได้เลยกับผู้ชายบนเวทีอีกนั่นแหละ แต่ก็ดูเกลี้ยงเกลาสะอาดหมดจดดี ไม่ได้ถึงขนาดขี้ริ้วขี้เหร่อะไร
ฉันลอบถอนหายใจก่อนตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้สดชื่นขึ้น
“สบายดีจ้ะ นพล่ะเป็นไงมั่ง”
ถามกลับไปตามมารยาท รู้ดีว่านภดลยังครองตัวเป็นโสดมาโดยตลอด แม้ตำแหน่งหน้าที่การงานในบริษัทนี้ของเขาจะเจริญรุดหน้าไปไกล ขยับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงระดับบริหารแล้วก็ตามที เขามีพร้อมทุกอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะมี เพื่อสร้างฐานะครอบครัวของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดนภดลก็ยังคงครองตัวเป็นโสด ไม่ตกลงปลงใจไปกับผู้หญิงคนไหนเลย เสมือนหนึ่งเขาต้องการจะยึดเอาคำพูดที่เคยให้ไว้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวันวานเป็นสัจจะ
‘นพเคารพการตัดสินใจของนุ่น แต่นพก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว จำไว้นะนุ่น หากวันใดเขาทำนุ่นเสียใจ นพยังรออยู่ตรงนี้’
ทำไมนะ ทำไม...ทำไมวันนั้นฉันถึงไม่เลือกเขา
‘ก็ฟังดูสิ จนออกอย่างนี้ มีแต่มุ้งหมอนกับเสื่อเก่า ๆ ในห้องเช่าโทรม ๆ สาวที่ไหนจะมาสนใจ...เนอะ’
คนพูดยิ้มแห้งแล้ง นภดลในวันนั้นเป็นแบบในเนื้อเพลงลูกทุ่งเพลงดังที่เขาชอบเอามาร้อง และก็ใช่เช่นกัน เพราะในวันนั้น ฉันเองก็เลือกผู้ชายอีกคน ที่ตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง รูปหล่อพ่อรวย การศึกษาสูง ซึ่งตอนนั้นฉันเข้าใจมาตลอดว่า ตัวเองฉลาดที่สุดแล้ว
“นพก็เรื่อย ๆ จ้ะ ไม่นึกว่าจะเจอนุ่นวันนี้นะ ไม่เห็นนุ่นออกงานกับพี่ภูนานแล้วนี่”
จำได้ถึงประกายสุกใสที่แวบขึ้นมาในหน่วยตาเขาราวฟ้าแลบ เมื่อยามหันมาเห็นหน้าฉันเข้า ขณะฉันกำลังยืนเคว้ง ไม่รู้จะไปทางไหนดี หลังจากพี่ภูผละไปเตรียมงานพิธีกรกับพี่กุ้ง พิธีกรสาวคู่ขวัญของเขา ทิ้งฉันให้หาที่นั่งเอาเอง
ฉันไม่ค่อยรู้จักใครในงานสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยชอบออกงานสังคมไหนกับพี่ภู ไม่อยากมารู้มาเห็นอะไรนั่นแหละ ประกอบกับนิสัยไม่ช่างเจรจาของตัวเองเอาเสียเลย จึงถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับคนแปลกหน้าเวลามางานแบบนี้ทุกครั้ง
นภดลแตะข้อศอกฉัน พามานั่งด้วยที่โต๊ะ แนะนำให้รู้จักกับผู้ร่วมโต๊ะทุกคน เขาปฏิบัติกับฉันด้วยท่าทางเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
หลังฟังคำตอบของเขา ฉันก็ยิ้มเจื่อนออกมาอีก เหลียวไปมองสามีตัวเองที่กำลังหยอกล้อกับพิธีกรสาวสวยบนเวที เห็นเขาหัวเราะร่วนกับลูกเล่นของพิธีกรสาวอย่างสนุกสนาน
เขาสองคนร่วมงานกันมานาน และสนิทกันมากเป็นพิเศษ มากจนเกินพอดี...อย่างที่คนเป็นภรรยาไม่อาจจะไว้วางใจ
ผู้ชายที่ฉันตัดสินใจเลือกแต่งงานด้วยในวันนั้น ทำงานในบริษัทเดียวกันกับนภดล แต่ทำในแผนกที่ต้องใช้คนรูปร่างหน้าตาดี พูดคุยเก่ง และมีไหวพริบปฏิภาณ เขาทำงานเข้าขากันกับผู้หญิงในแผนกเดียวกันที่ชื่อสาวิตรี หรือที่ฉันเรียกอย่างให้ความนับถือว่าพี่กุ้ง หล่อนคนนี้อายุมากกว่าสามีฉันเสียอีก ทว่าหน้าตาสะสวย ทรวดทรงองค์เอวของหล่อน ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าสาว ๆ คนไหนเลย อาจดูดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
ฉันคงซ่อนความหมองหม่นในใจเอาไว้ไม่มิด มันคงฉายออกมาทั้งทางสีหน้าและแววตา กับรอยยิ้มฝืน ๆ ของตัวเอง นัยน์ตาทอแสงอบอุ่นจึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง
“ทานเยอะ ๆ หน่อย นุ่นผอมไปนะ ที่จริงผู้หญิงอายุมากขึ้นนี่ต้องอ้วนท้วนขึ้นสิ นี่อะไร ผอมลงไปกว่าเดิมเสียอีก”
เขาพยายามพูดกระเซ้า เลิกคิ้วขึ้นสูง ตักเนื้อปลานึ่งลงวางให้บนจาน ขยับแก้วน้ำส้มมาใกล้ พยักพเยิดให้ฉันกิน ฉันกล้ำกลืนก้อนแข็งฝืดขมลงลำคอ พึมพำขอบคุณเขาเสียงเบา
(มีต่อ)
เกือบใจอ่อน
ล. วิลิศมาหรา
ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนยอมคืนดีกับสามีอีก หลังเขาชักแม่น้ำทั้งหมดที่มีอยู่ มาหว่านล้อมให้ฉันยกโทษให้ ในเรื่องเดิม ๆ ที่เราเคยทะเลาะกัน
เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ แต่เพราะความรักที่มีต่อเขา หรือเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าถูกผัวทิ้งก็ตาม ฉันจึงยังยอมยกโทษให้สามีเรื่อยมา และในคืนนี้ ฉันก็ยังยอมตามเขามาในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ในฐานะภรรยาของผู้ชายคนนี้ และด้วยจุดมุ่งหมายบางประการ
“นุ่นสบายดีไหม”
ฉันละสายตาจากภาพพิธีกรชายรูปหล่อ ที่กำลังทำหน้าที่คู่กับพิธีกรสาวสวยในชุดเสื้อผ้าราคาแพงบนเวที มามองใบหน้าของคนนั่งข้าง หวั่นไหวไปกับสายตาอบอุ่นคู่นั้น พร้อมนึกละอายกับความหดหู่เหี่ยวแห้งในหัวใจ ที่แฝงอยู่ทุกอณูบนใบหน้าของตัวเอง
ยิ้มให้ผู้ชายในเครื่องแต่งกายเสื้อเชิร์ตสีอ่อนกับกางเกงผ้าธรรมดา เทียบไม่ได้เลยกับชุดสูทราคาแพง ตัดเย็บจากห้องเสื้อชื่อดังที่พิธีกรชายบนเวทีสวมใส่อยู่ เขาคนนั้นดูสง่าผึ่งผาย ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จ้องมองมา
ใบหน้าของคนถามก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไร ความคมสันเทียบไม่ได้เลยกับผู้ชายบนเวทีอีกนั่นแหละ แต่ก็ดูเกลี้ยงเกลาสะอาดหมดจดดี ไม่ได้ถึงขนาดขี้ริ้วขี้เหร่อะไร
ฉันลอบถอนหายใจก่อนตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้สดชื่นขึ้น
“สบายดีจ้ะ นพล่ะเป็นไงมั่ง”
ถามกลับไปตามมารยาท รู้ดีว่านภดลยังครองตัวเป็นโสดมาโดยตลอด แม้ตำแหน่งหน้าที่การงานในบริษัทนี้ของเขาจะเจริญรุดหน้าไปไกล ขยับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงระดับบริหารแล้วก็ตามที เขามีพร้อมทุกอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะมี เพื่อสร้างฐานะครอบครัวของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดนภดลก็ยังคงครองตัวเป็นโสด ไม่ตกลงปลงใจไปกับผู้หญิงคนไหนเลย เสมือนหนึ่งเขาต้องการจะยึดเอาคำพูดที่เคยให้ไว้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวันวานเป็นสัจจะ
‘นพเคารพการตัดสินใจของนุ่น แต่นพก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว จำไว้นะนุ่น หากวันใดเขาทำนุ่นเสียใจ นพยังรออยู่ตรงนี้’
ทำไมนะ ทำไม...ทำไมวันนั้นฉันถึงไม่เลือกเขา
‘ก็ฟังดูสิ จนออกอย่างนี้ มีแต่มุ้งหมอนกับเสื่อเก่า ๆ ในห้องเช่าโทรม ๆ สาวที่ไหนจะมาสนใจ...เนอะ’
คนพูดยิ้มแห้งแล้ง นภดลในวันนั้นเป็นแบบในเนื้อเพลงลูกทุ่งเพลงดังที่เขาชอบเอามาร้อง และก็ใช่เช่นกัน เพราะในวันนั้น ฉันเองก็เลือกผู้ชายอีกคน ที่ตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง รูปหล่อพ่อรวย การศึกษาสูง ซึ่งตอนนั้นฉันเข้าใจมาตลอดว่า ตัวเองฉลาดที่สุดแล้ว
“นพก็เรื่อย ๆ จ้ะ ไม่นึกว่าจะเจอนุ่นวันนี้นะ ไม่เห็นนุ่นออกงานกับพี่ภูนานแล้วนี่”
จำได้ถึงประกายสุกใสที่แวบขึ้นมาในหน่วยตาเขาราวฟ้าแลบ เมื่อยามหันมาเห็นหน้าฉันเข้า ขณะฉันกำลังยืนเคว้ง ไม่รู้จะไปทางไหนดี หลังจากพี่ภูผละไปเตรียมงานพิธีกรกับพี่กุ้ง พิธีกรสาวคู่ขวัญของเขา ทิ้งฉันให้หาที่นั่งเอาเอง
ฉันไม่ค่อยรู้จักใครในงานสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยชอบออกงานสังคมไหนกับพี่ภู ไม่อยากมารู้มาเห็นอะไรนั่นแหละ ประกอบกับนิสัยไม่ช่างเจรจาของตัวเองเอาเสียเลย จึงถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับคนแปลกหน้าเวลามางานแบบนี้ทุกครั้ง
นภดลแตะข้อศอกฉัน พามานั่งด้วยที่โต๊ะ แนะนำให้รู้จักกับผู้ร่วมโต๊ะทุกคน เขาปฏิบัติกับฉันด้วยท่าทางเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนทุกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
หลังฟังคำตอบของเขา ฉันก็ยิ้มเจื่อนออกมาอีก เหลียวไปมองสามีตัวเองที่กำลังหยอกล้อกับพิธีกรสาวสวยบนเวที เห็นเขาหัวเราะร่วนกับลูกเล่นของพิธีกรสาวอย่างสนุกสนาน
เขาสองคนร่วมงานกันมานาน และสนิทกันมากเป็นพิเศษ มากจนเกินพอดี...อย่างที่คนเป็นภรรยาไม่อาจจะไว้วางใจ
ผู้ชายที่ฉันตัดสินใจเลือกแต่งงานด้วยในวันนั้น ทำงานในบริษัทเดียวกันกับนภดล แต่ทำในแผนกที่ต้องใช้คนรูปร่างหน้าตาดี พูดคุยเก่ง และมีไหวพริบปฏิภาณ เขาทำงานเข้าขากันกับผู้หญิงในแผนกเดียวกันที่ชื่อสาวิตรี หรือที่ฉันเรียกอย่างให้ความนับถือว่าพี่กุ้ง หล่อนคนนี้อายุมากกว่าสามีฉันเสียอีก ทว่าหน้าตาสะสวย ทรวดทรงองค์เอวของหล่อน ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าสาว ๆ คนไหนเลย อาจดูดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
ฉันคงซ่อนความหมองหม่นในใจเอาไว้ไม่มิด มันคงฉายออกมาทั้งทางสีหน้าและแววตา กับรอยยิ้มฝืน ๆ ของตัวเอง นัยน์ตาทอแสงอบอุ่นจึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง
“ทานเยอะ ๆ หน่อย นุ่นผอมไปนะ ที่จริงผู้หญิงอายุมากขึ้นนี่ต้องอ้วนท้วนขึ้นสิ นี่อะไร ผอมลงไปกว่าเดิมเสียอีก”
เขาพยายามพูดกระเซ้า เลิกคิ้วขึ้นสูง ตักเนื้อปลานึ่งลงวางให้บนจาน ขยับแก้วน้ำส้มมาใกล้ พยักพเยิดให้ฉันกิน ฉันกล้ำกลืนก้อนแข็งฝืดขมลงลำคอ พึมพำขอบคุณเขาเสียงเบา
(มีต่อ)