แตตตตตตต เสียงเป่าแตรดังก้องกังวานลากยาว เสียงดังลั่น
ฉันลืมตาขึ้นมา เห็นผืนน้ำตัดกับผืนฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา พอมองลงไปที่พื้น ก็เห็นว่าตัวเองยืนอยู่บนหาดทรายที่ไหนสักแห่ง ลองมองไปรอบด้าน ก็เห็นผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ ผ่านไปผ่านมา
“
เออ…ขอโทษนะคะ นี่พวกคุณกำลังจะไปไหนกันหรือคะ” ฉันหันไปถามผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังจะเดินผ่านหน้าของฉันไป ด้วยความสงสัย
“ไปที่นั่นไง” เมื่อฉันพูดจบ เธอก็หันมามองหน้าฉันด้วยความสงสัย และมองเลยไปทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่นั่น
ทำให้ฉันที่ยืนมองเธออยู่ ต้องหันหลังกลับไปมองตามนิ้วที่เธอชี้ไปนั้น เห็นเป็นบันไดสีขาวสะอาดตาขนาดใหญ่ ไม่มีลวดลายหรือราวกั้นข้าง ไต่สูงขึ้นไป ด้านบนไกลๆ เห็นเป็นบานประตูสีทองขนาดใหญ่แกะสลักสวยงาม แบ่งเป็นสองด้านให้สามารถเปิดประตูเข้าไปด้านในได้จากทั้งสองฝั่ง
“
ที่นั่นมันคือที่ไหนเหรอ แล้วพวกคุณจะไปทำอะไรกันที่….”
แตตตตตตต
ฉันถามหญิงสาวคนเดิมขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเป่าแตรก็ดังก้องกังวานขึ้นมาอีกครั้ง
“
ก็หนีน้ำท่วมน่ะสิ ถามอะไรแปลกๆ ถ้าเสียงแตรดังขึ้นมาครบสามครั้ง น้ำจะท่วมโลก ต้องรีบขึ้นไปบนนั้น”
“
ฮะ!! น้ำจะท่วมโลก”
“
ใช่ น้ำจะท่วมโลก ตอนนี้แตรดังขึ้นมารอบที่สองแล้ว ต้องรีบขึ้นไปบนนั้น ถ้าขึ้นไปไม่ทันต้องตายแน่ๆ เธอก็รีบขึ้นไปได้แล้ว ไม่ต้องถามมาก ฉันไปละ” ฉันที่ยังงงงวยอยู่ ไม่ทันได้ถามอะไรให้รู้ความมากกว่านี้ ก็เห็นผู้หญิงคนนั้น วิ่งออกไปแล้ว
ฉันเห็นเธอวิ่งออกไปอยู่กับฝูงคนมากมาย ที่วิ่งเข้าไปรวมตัวกันอยู่บนบันไดสีขาวนั่น ตอนนี้ทุกคนทำตัวราวกับสัตว์ป่า ที่กำลังแย่งกันขึ้นไปด้านบนอย่างเอาเป็นเอาตาย บางคนก็โดนผลักจนล้มลงไป บางคนก็โดนเหยียบผ่านไปจนมองแทบไม่เห็นร่าง บางคนก็ตกลงมาจากบันได ทั้งๆ ที่ขึ้นไปได้สูงแล้ว ช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่สิ้นดี
ฉันมองไปรอบด้าน ไม่มีผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาเหมือนในตอนแรกแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ ฉันมองไปที่ผืนน้ำอย่างไม่เข้าใจ ว่าน้ำจะท่วมโลกได้อย่างไร เพราะอะไร? แล้วทำไม…คนพวกนั้น ถึงได้รู้ว่าน้ำกำลังจะท่วมโลก ฉันหันกลับไปมองที่บันไดอีกครั้ง ก็ยังคงเห็นคนพวกนั้นยืนออกันอยู่ตรงนั้น ขึ้นไปไม่ถึงปลายทางสักที
แตตตตตตตตตตตตตตต
เสียงเป่าแตรดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงแตรนั้นดังและยาวนานกว่าครั้งไหนๆ มันมาพร้อมกับเสียงหวีดร้องของอะไรบางอย่าง เสียงดังลั่น ฉันหันไปมองตามเสียงนั้น ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นน้ำในหาดค่อยๆ เหือดแห้งไป ที่กลางผืนน้ำ มีมวลน้ำขนาดใหญ่ กำลังรวมตัวกันเป็นคลื่นยักษ์
มีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในนั้น ก่อนที่หงอนขนาดใหญ่ จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมากลางคลื่นยักษ์นั้น ตามมาด้วยดวงตาสีเขียวเข้มดูดุดันที่โผล่ขึ้นมา มันจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่น่ากลัว สายตาของเราประสานกัน ทำให้ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว มันชูหัวขึ้นมาแผ่แม่เบี้ยขนาดใหญ่ และหวีดร้องออกมาเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหว ยิ่งทำให้มันดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
ฉันมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตาแข็งค้างไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา ฉันเห็นมันพุ่งตัวลงไปในน้ำอย่างว่องไว จนเหลือเพียงแค่ลำตัวขนาดใหญ่ ที่โผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำเท่านั้น ลำตัวของมันนั้นคดงอตามช่วงหัวที่กำลังเลื้อยลงไปในน้ำ และตอนนี้คลื่นยักษ์ใหญ่ก็กำลังจะซัดเข้าฝั่ง
“
ไปสิ!! จงเข้าไปในประตูนั้น” อยู่ดีๆ ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทหู เรียกสติของฉันให้กลับคืนมา
เมื่อฉันได้สติ ก็เห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ตรงหน้า ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันรีบหันหลังกลับไปที่บันไดนั้นทันที เห็นผู้คนที่กำลังวิ่งหนีขึ้นไปที่ประตูบานใหญ่สีทองบานนั้นอยู่ พากันกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ทั้งผลัก ทั้งดึง ทั้งเหยียบ แย่งกันขึ้นไปให้จ้าละหวั่น ยิ่งคลื่นยักษ์นั้นซัดเข้ามาใกล้ฝั่งมากขึ้นเท่าไหร่ คนพวกนั้น ก็ยิ่งแย่งกันขึ้นไปด้านบนดุเดือดมากขึ้นเท่านั้น ฉันได้แต่มองไปที่ประตูสีทองบานใหญ่นั้น อย่างท้อแท้ใจ แค่เห็นด้านล่าง ก็รู้แล้วว่าตนคงไม่สามารถ ที่จะขึ้นไปบนนั้นได้ ก็ได้แต่คิดในใจอย่างเว้าวอน ‘
อยากขึ้นไปอยู่บนนั้นจัง แต่คงเป็นไปไม่ได้’
เพียงแค่คิดเท่านั้น อยู่ดีๆ ฉันก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูสีทองบานใหญ่เฉยเลย แบบงงๆ ไม่รู้ว่าตัวเองขึ้นมายืนอยู่บนนี้ได้อย่างไร พอหันกลับไปมองด้านหลัง ก็เห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล ระดับความสูงก็ อยู่พอๆ กับตัวของฉันในตอนนี้เลย พอมองลงไปที่บันไดด้านล่าง ก็เห็นไกลๆ มีผู้คนมากมายกำลังวิ่งหนีขึ้นมาบนนี้อยู่
“
เมื่อมาถึงแล้ว ก็เข้ามาสิ จะรออะไร” เสียงของผู้ชายปริศนาคนเดิม ดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันหันไปมองรอบด้านก็ไม่เห็นมีใคร นอกจากตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนี้ แล้วเสียงมาจากไหน
“
เข้ามาได้แล้ว…”
แอ๊ดดดด
เมื่อเสียงนั้นพูดจบ ประตูสีทองบานใหญ่ ก็เปิดขึ้น ดูดตัวของฉันเข้าไปด้านใน
แอ๊ดดดด….ปังงงง เมื่อฉันถูกดูดเข้าไปด้านในแล้ว ประตูบานนี้ก็ถูกปิดลง
ฉันที่ถูกดูดเข้ามาด้านใน ยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่าตนเองขึ้นมาอยู่บนนี้ได้อย่างไร แล้วคนอื่นที่เหลืออยู่ด้านล่างล่ะ จะเป็นอย่างไร ฉันมองไปตรงหน้า เห็นผู้คนมากมายที่ไม่ได้มีเพียงแค่ฉันคนเดียว ที่อยู่ในนี้ พวกเขานั่งอยู่ตามจุดต่างๆ ของห้อง บางคนนั่งอยู่คนเดียว บางคนนั่งจับกลุ่มกันอยู่ มีหลากหลายชนชาติ มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ฉันมองไปรอบด้าน เห็นว่าห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งอะไรเลย นอกจากพื้นที่โล่งเปล่าสีขาว ที่ทำมาจากหินอ่อน บรรยากาศในห้องนี้เย็นและดูสบายตา ตามผนังห้องมีลวดลายไทยสีทองตัดกับพื้นหินอ่อนสีขาว ช่างดูสวยงาม อีกทั้งยังมีหน้าต่างสีทองบานใหญ่ถูกติดอยู่รอบห้อง
ฉันเดินเข้าไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง แล้วเอามือไปดันที่หน้าต่างทั้งสองข้างนั้น ให้เปิดออก เมื่อหน้าต่างถูกเปิดออก อยู่ดีๆ หน้าต่างบานอื่นๆ ก็ถูกเปิดออกไปด้วยเช่นกัน ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้น หันมามองที่ฉันพร้อมกัน ก่อนที่จะพากันลุกขึ้นไปยืนออกันอยู่ที่หน้าต่างบานต่างๆ
ฉันมองไปที่นอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าสีสันสดใสสวยงาม จึงเอื้อมมือออกไปด้านนอก แต่กลับยื่นมือออกไปไม่ได้ ราวกับมีอะไรบางอย่างมากั้นเอาไว้อยู่ พอฉันลองเอามือทุบๆ ลงไปที่ตรงนั้น กลับไม่มีเสียงอะไรเลย แต่มีอะไรมากั้นอยู่จริงๆ เหมือนเป็นกระจกใสๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ฉันมองลงไปด้านล่างเห็นเป็นถนนสายหนึ่ง ที่มีรถติดไฟแดงอยู่มากมาย ริมถนนนั้นมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปมา หนึ่งในนั้นมี
ชายชุดดำคลุมฮู้ดตัวใหญ่คนหนึ่ง ยืนถือไม้เท้ากำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่ ไม่ขยับไปไหน
ขณะที่ตอนนี้ อยู่ดีๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทุกคนกำลังแตกตื่น วิ่งหนีตาย เพราะเห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ กำลังซัดเข้ามาทางนี้ อย่างไม่ทันตั้งตัว พัดเอาผู้คนมากมาย ที่กำลังหนีตาย ลอยตามน้ำไป เสียงกรีดร้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานและหวาดกลัว ตีผสมปนเปกันออกมาอย่างโหยหวน ภาพตรงหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นอีกสถานที่หนึ่ง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้เห็นว่าตอนนี้ทุกที่ถูกน้ำท่วมเหมือนกันหมด และมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอยู่ในสถานที่ไหน นั่นก็คือ
ชายปริศนาชุดดำคนนั้น ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และจ้องมองมาที่ฉันเหมือนเดิม
ฉันยืนมองดูภาพตรงหน้าด้วยความหดหู่ใจปนสงสัย ว่าชายชุดดำคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน และทำไมถึงจ้องมองมาที่ฉันตลอดเวลา
“
เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม อีกไม่นานหรอก อีกไม่นาน มันกำลังจะเกิดขึ้น” เสียงของชายปริศนาคนเดิมดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันมองไปรอบด้าน เพื่อหาต้นตอของเสียงนั้นว่ามาจากไหน แต่หาอย่างไร ก็หาไม่พบ เพราะคนอื่นก็ยังคงสนใจมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ไม่มีใครอยู่ใกล้หรือมองมาที่ฉันเลยสักคน
“
อย่าหาให้เสียเวลาเลย จำเอาไว้ หากฟ้ามืด!! เจ้าต้องหาที่นี่ให้พบ!!” เสียงเดิมยังคงดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทหูของฉัน
ฉันหันกลับไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง ก็เห็นชายชุดดำคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม และจ้องมองมาที่ฉันเหมือนเดิม ต่อให้คลื่นยักษ์นั้น จะพัดผ่านตัวของเขาไปแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ฉันเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะเพ่งมองให้เห็นใบหน้าของเขา แต่มองอย่างไร ก็มองไม่เห็น เห็นแค่เพียงดวงตาดุดันสีแดงเถือกที่จ้องเขม็งมองมาที่ฉันเท่านั้น
ขณะที่ฉันกำลังเพ่งมองอยู่นั้น อยู่ดีๆ เขาก็พุ่งตัวตรงเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว จนฉันตกใจรีบกระโดดหนีถอยหลังออกมาทันที ฉันเห็นเขายืนลอยตัวอยู่ตรงหน้าต่าง และจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ดุดัน
“
มาหาข้าสิ! จงมาหาข้า! จงมาหาข้า!” เสียงของเขาดังสะท้อนเข้ามาในโสตประสาทหูของฉัน
ฉันมองไปรอบด้าน ก็ยังคงเห็นคนอื่นที่อยู่ในนี้ มีท่าทางเหมือนเดิม ไม่เห็นมีใครหันมาสนใจหรือมองมาที่ฉันเลย คนอื่นต้องไม่ได้ยินเสียงและมองไม่เห็นเขาแน่ๆ แล้วทำไมล่ะ ทำไม…ถึงมีแค่ฉันคนเดียวที่ได้ยินและมองเห็น
ฉันเดินกลับเข้าไปที่หน้าต่างบานนั้นอีกครั้ง แล้วยื่นมือที่สั่นเทานั้นออกไปแตะที่กระจกใส ที่กั้นตัวของฉันกับเขาเอาไว้อยู่ ฉันพูดขึ้นมาในใจ อย่างลองเชิงว่าเขาจะได้ยิน สิ่งที่ฉันต้องการสื่อสารกับเขาได้ไหม ‘
คุณเป็นใคร และต้องการอะไร’
“
ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่ข้าต้องการให้เจ้าไปกับข้า” ชายชุดดำคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
‘
ไปไหนเหรอคะ?’ ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
“
เดี๋ยวไปถึงเจ้าก็จะรู้เอง มาสิ! ไปกับข้า! เพียงแค่เจ้าพูดว่าจะไปกับข้า แค่นั้นพอ” เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือข้างหนึ่งออกมาตรงหน้าของฉัน
‘
ไม่!!…บอกมาก่อนสิ ว่าจะไปไหน ถ้าไม่บอก ก็ไม่ไปหรอก’ ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“
มาสิ! ไปกับข้า! เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง”
‘
ไม่!!…ไม่ไป คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่ไปกับคุณหรอก คุณเลิกตามฉันกับน้องของฉันสักที’ ฉันพูดขึ้นมาทันที ถ้าเดาไม่ผิดเขาก็น่าจะเป็นคนที่น้องของฉันฝันถึงก่อนหน้านี้เช่นกัน
“
ไม่!!! เจ้าต้องไปกับข้า ไปกับข้า ออกมาเดี๋ยวนี้” ครั้งนี้เขาตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาเปล่งสีแดงเถือกออกมา น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
เขาใช้ไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือข้างหนึ่งกระแทกลงไปที่กระจกใส ที่กั้นระหว่างตัวของฉันกับเขาเอาไว้อยู่อย่างแรง แต่ทำอย่างไรกระจกใสนั้นก็ไม่แตก แทบจะไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเลย
“
อย่าคิดว่าพวกเจ้าจะหนีข้าพ้น! อย่างไรซะ! เจ้าก็ต้องไปกับข้า!” เมื่อพูดจบเขาก็ค่อยๆ จางหายไป
ฉันยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความกังวลใจ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะทำอะไรฉันไม่ได้ แต่คำพูดของเขาก็บ่งบอกให้รู้ว่า เขาจะไม่ยอมปล่อยฉันกับน้องของฉันไปแน่นอน
“
อย่าไปสนใจเลย มันทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก จงจำไว้ หากฟ้ามืดลง!! เจ้าต้องหาที่นี่ให้พบ!!” เสียงของชายปริศนาคนเดิม ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“
แล้วฉันจะหาที่นี่พบได้ยังไง” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
“
เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เอง แต่จงจำไว้!! เจ้าต้องหาที่นี่ให้พบ!!” เมื่อเสียงนั้นพูดจบลง ภาพตรงหน้าของฉันก็ค่อยๆ ตัดไป
เว็บไซด์ 👇🏻👇🏻👇🏻
ReadAWrite รี้ดอะไร้ต์ 👉🏻
https://www.readawrite.com/a/b6ca1eb7a44f3d831f37294f45d81dda
Dek-D เด็กดี 👉🏻
https://writer.dek-d.com/story/writer/view.php?id=2255352
Fictionlog ฟิกชั่นล็อก 👉🏻
https://fictionlog.co/b/614c904feda9af001c2f65f0
📌ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะคะ 😘 อ่านแล้วเป็นยังไงมาพูดคุยกันได้นะจ๊ะ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก 👇🏻
https://www.facebook.com/pkm.tongchan 🥰
#มหาภัยพิบัติ7วันล้างโลก
#กัมปนาทต้องจันทร์
#pkmtongchan
มหาภัยพิบัติ 7 วันล้างโลก 📍ตอนที่ ๖ ความฝันที่อยากให้มันกระจ่าง📍
ฉันลืมตาขึ้นมา เห็นผืนน้ำตัดกับผืนฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา พอมองลงไปที่พื้น ก็เห็นว่าตัวเองยืนอยู่บนหาดทรายที่ไหนสักแห่ง ลองมองไปรอบด้าน ก็เห็นผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ ผ่านไปผ่านมา
“เออ…ขอโทษนะคะ นี่พวกคุณกำลังจะไปไหนกันหรือคะ” ฉันหันไปถามผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังจะเดินผ่านหน้าของฉันไป ด้วยความสงสัย
“ไปที่นั่นไง” เมื่อฉันพูดจบ เธอก็หันมามองหน้าฉันด้วยความสงสัย และมองเลยไปทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่นั่น
ทำให้ฉันที่ยืนมองเธออยู่ ต้องหันหลังกลับไปมองตามนิ้วที่เธอชี้ไปนั้น เห็นเป็นบันไดสีขาวสะอาดตาขนาดใหญ่ ไม่มีลวดลายหรือราวกั้นข้าง ไต่สูงขึ้นไป ด้านบนไกลๆ เห็นเป็นบานประตูสีทองขนาดใหญ่แกะสลักสวยงาม แบ่งเป็นสองด้านให้สามารถเปิดประตูเข้าไปด้านในได้จากทั้งสองฝั่ง
“ที่นั่นมันคือที่ไหนเหรอ แล้วพวกคุณจะไปทำอะไรกันที่….”
แตตตตตตต
ฉันถามหญิงสาวคนเดิมขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังพูดไม่ทันจบ เสียงเป่าแตรก็ดังก้องกังวานขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็หนีน้ำท่วมน่ะสิ ถามอะไรแปลกๆ ถ้าเสียงแตรดังขึ้นมาครบสามครั้ง น้ำจะท่วมโลก ต้องรีบขึ้นไปบนนั้น”
“ฮะ!! น้ำจะท่วมโลก”
“ใช่ น้ำจะท่วมโลก ตอนนี้แตรดังขึ้นมารอบที่สองแล้ว ต้องรีบขึ้นไปบนนั้น ถ้าขึ้นไปไม่ทันต้องตายแน่ๆ เธอก็รีบขึ้นไปได้แล้ว ไม่ต้องถามมาก ฉันไปละ” ฉันที่ยังงงงวยอยู่ ไม่ทันได้ถามอะไรให้รู้ความมากกว่านี้ ก็เห็นผู้หญิงคนนั้น วิ่งออกไปแล้ว
ฉันเห็นเธอวิ่งออกไปอยู่กับฝูงคนมากมาย ที่วิ่งเข้าไปรวมตัวกันอยู่บนบันไดสีขาวนั่น ตอนนี้ทุกคนทำตัวราวกับสัตว์ป่า ที่กำลังแย่งกันขึ้นไปด้านบนอย่างเอาเป็นเอาตาย บางคนก็โดนผลักจนล้มลงไป บางคนก็โดนเหยียบผ่านไปจนมองแทบไม่เห็นร่าง บางคนก็ตกลงมาจากบันได ทั้งๆ ที่ขึ้นไปได้สูงแล้ว ช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่สิ้นดี
ฉันมองไปรอบด้าน ไม่มีผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาเหมือนในตอนแรกแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ฉันคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ตรงนี้ ฉันมองไปที่ผืนน้ำอย่างไม่เข้าใจ ว่าน้ำจะท่วมโลกได้อย่างไร เพราะอะไร? แล้วทำไม…คนพวกนั้น ถึงได้รู้ว่าน้ำกำลังจะท่วมโลก ฉันหันกลับไปมองที่บันไดอีกครั้ง ก็ยังคงเห็นคนพวกนั้นยืนออกันอยู่ตรงนั้น ขึ้นไปไม่ถึงปลายทางสักที
แตตตตตตตตตตตตตตต
เสียงเป่าแตรดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เสียงแตรนั้นดังและยาวนานกว่าครั้งไหนๆ มันมาพร้อมกับเสียงหวีดร้องของอะไรบางอย่าง เสียงดังลั่น ฉันหันไปมองตามเสียงนั้น ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นน้ำในหาดค่อยๆ เหือดแห้งไป ที่กลางผืนน้ำ มีมวลน้ำขนาดใหญ่ กำลังรวมตัวกันเป็นคลื่นยักษ์
มีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในนั้น ก่อนที่หงอนขนาดใหญ่ จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมากลางคลื่นยักษ์นั้น ตามมาด้วยดวงตาสีเขียวเข้มดูดุดันที่โผล่ขึ้นมา มันจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่น่ากลัว สายตาของเราประสานกัน ทำให้ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว มันชูหัวขึ้นมาแผ่แม่เบี้ยขนาดใหญ่ และหวีดร้องออกมาเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหว ยิ่งทำให้มันดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
ฉันมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ตาแข็งค้างไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา ฉันเห็นมันพุ่งตัวลงไปในน้ำอย่างว่องไว จนเหลือเพียงแค่ลำตัวขนาดใหญ่ ที่โผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำเท่านั้น ลำตัวของมันนั้นคดงอตามช่วงหัวที่กำลังเลื้อยลงไปในน้ำ และตอนนี้คลื่นยักษ์ใหญ่ก็กำลังจะซัดเข้าฝั่ง
“ไปสิ!! จงเข้าไปในประตูนั้น” อยู่ดีๆ ก็มีเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทหู เรียกสติของฉันให้กลับคืนมา
เมื่อฉันได้สติ ก็เห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ตรงหน้า ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฝั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันรีบหันหลังกลับไปที่บันไดนั้นทันที เห็นผู้คนที่กำลังวิ่งหนีขึ้นไปที่ประตูบานใหญ่สีทองบานนั้นอยู่ พากันกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ทั้งผลัก ทั้งดึง ทั้งเหยียบ แย่งกันขึ้นไปให้จ้าละหวั่น ยิ่งคลื่นยักษ์นั้นซัดเข้ามาใกล้ฝั่งมากขึ้นเท่าไหร่ คนพวกนั้น ก็ยิ่งแย่งกันขึ้นไปด้านบนดุเดือดมากขึ้นเท่านั้น ฉันได้แต่มองไปที่ประตูสีทองบานใหญ่นั้น อย่างท้อแท้ใจ แค่เห็นด้านล่าง ก็รู้แล้วว่าตนคงไม่สามารถ ที่จะขึ้นไปบนนั้นได้ ก็ได้แต่คิดในใจอย่างเว้าวอน ‘อยากขึ้นไปอยู่บนนั้นจัง แต่คงเป็นไปไม่ได้’
เพียงแค่คิดเท่านั้น อยู่ดีๆ ฉันก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูสีทองบานใหญ่เฉยเลย แบบงงๆ ไม่รู้ว่าตัวเองขึ้นมายืนอยู่บนนี้ได้อย่างไร พอหันกลับไปมองด้านหลัง ก็เห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล ระดับความสูงก็ อยู่พอๆ กับตัวของฉันในตอนนี้เลย พอมองลงไปที่บันไดด้านล่าง ก็เห็นไกลๆ มีผู้คนมากมายกำลังวิ่งหนีขึ้นมาบนนี้อยู่
“เมื่อมาถึงแล้ว ก็เข้ามาสิ จะรออะไร” เสียงของผู้ชายปริศนาคนเดิม ดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันหันไปมองรอบด้านก็ไม่เห็นมีใคร นอกจากตัวเองที่ยืนอยู่ตรงนี้ แล้วเสียงมาจากไหน
“เข้ามาได้แล้ว…” แอ๊ดดดด
เมื่อเสียงนั้นพูดจบ ประตูสีทองบานใหญ่ ก็เปิดขึ้น ดูดตัวของฉันเข้าไปด้านใน
แอ๊ดดดด….ปังงงง เมื่อฉันถูกดูดเข้าไปด้านในแล้ว ประตูบานนี้ก็ถูกปิดลง
ฉันที่ถูกดูดเข้ามาด้านใน ยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่าตนเองขึ้นมาอยู่บนนี้ได้อย่างไร แล้วคนอื่นที่เหลืออยู่ด้านล่างล่ะ จะเป็นอย่างไร ฉันมองไปตรงหน้า เห็นผู้คนมากมายที่ไม่ได้มีเพียงแค่ฉันคนเดียว ที่อยู่ในนี้ พวกเขานั่งอยู่ตามจุดต่างๆ ของห้อง บางคนนั่งอยู่คนเดียว บางคนนั่งจับกลุ่มกันอยู่ มีหลากหลายชนชาติ มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
ฉันมองไปรอบด้าน เห็นว่าห้องนี้มีขนาดใหญ่มาก ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งอะไรเลย นอกจากพื้นที่โล่งเปล่าสีขาว ที่ทำมาจากหินอ่อน บรรยากาศในห้องนี้เย็นและดูสบายตา ตามผนังห้องมีลวดลายไทยสีทองตัดกับพื้นหินอ่อนสีขาว ช่างดูสวยงาม อีกทั้งยังมีหน้าต่างสีทองบานใหญ่ถูกติดอยู่รอบห้อง
ฉันเดินเข้าไปที่หน้าต่างบานหนึ่ง แล้วเอามือไปดันที่หน้าต่างทั้งสองข้างนั้น ให้เปิดออก เมื่อหน้าต่างถูกเปิดออก อยู่ดีๆ หน้าต่างบานอื่นๆ ก็ถูกเปิดออกไปด้วยเช่นกัน ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้น หันมามองที่ฉันพร้อมกัน ก่อนที่จะพากันลุกขึ้นไปยืนออกันอยู่ที่หน้าต่างบานต่างๆ
ฉันมองไปที่นอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าสีสันสดใสสวยงาม จึงเอื้อมมือออกไปด้านนอก แต่กลับยื่นมือออกไปไม่ได้ ราวกับมีอะไรบางอย่างมากั้นเอาไว้อยู่ พอฉันลองเอามือทุบๆ ลงไปที่ตรงนั้น กลับไม่มีเสียงอะไรเลย แต่มีอะไรมากั้นอยู่จริงๆ เหมือนเป็นกระจกใสๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้
ฉันมองลงไปด้านล่างเห็นเป็นถนนสายหนึ่ง ที่มีรถติดไฟแดงอยู่มากมาย ริมถนนนั้นมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ไปมา หนึ่งในนั้นมีชายชุดดำคลุมฮู้ดตัวใหญ่คนหนึ่ง ยืนถือไม้เท้ากำลังจ้องมองมาที่ฉันอยู่ ไม่ขยับไปไหน
ขณะที่ตอนนี้ อยู่ดีๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ทุกคนกำลังแตกตื่น วิ่งหนีตาย เพราะเห็นคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ ที่มาจากไหนก็ไม่รู้ กำลังซัดเข้ามาทางนี้ อย่างไม่ทันตั้งตัว พัดเอาผู้คนมากมาย ที่กำลังหนีตาย ลอยตามน้ำไป เสียงกรีดร้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานและหวาดกลัว ตีผสมปนเปกันออกมาอย่างโหยหวน ภาพตรงหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นอีกสถานที่หนึ่ง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้เห็นว่าตอนนี้ทุกที่ถูกน้ำท่วมเหมือนกันหมด และมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอยู่ในสถานที่ไหน นั่นก็คือ ชายปริศนาชุดดำคนนั้น ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และจ้องมองมาที่ฉันเหมือนเดิม
ฉันยืนมองดูภาพตรงหน้าด้วยความหดหู่ใจปนสงสัย ว่าชายชุดดำคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน และทำไมถึงจ้องมองมาที่ฉันตลอดเวลา
“เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม อีกไม่นานหรอก อีกไม่นาน มันกำลังจะเกิดขึ้น” เสียงของชายปริศนาคนเดิมดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันมองไปรอบด้าน เพื่อหาต้นตอของเสียงนั้นว่ามาจากไหน แต่หาอย่างไร ก็หาไม่พบ เพราะคนอื่นก็ยังคงสนใจมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ไม่มีใครอยู่ใกล้หรือมองมาที่ฉันเลยสักคน
“อย่าหาให้เสียเวลาเลย จำเอาไว้ หากฟ้ามืด!! เจ้าต้องหาที่นี่ให้พบ!!” เสียงเดิมยังคงดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทหูของฉัน
ฉันหันกลับไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง ก็เห็นชายชุดดำคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม และจ้องมองมาที่ฉันเหมือนเดิม ต่อให้คลื่นยักษ์นั้น จะพัดผ่านตัวของเขาไปแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ฉันเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะเพ่งมองให้เห็นใบหน้าของเขา แต่มองอย่างไร ก็มองไม่เห็น เห็นแค่เพียงดวงตาดุดันสีแดงเถือกที่จ้องเขม็งมองมาที่ฉันเท่านั้น
ขณะที่ฉันกำลังเพ่งมองอยู่นั้น อยู่ดีๆ เขาก็พุ่งตัวตรงเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว จนฉันตกใจรีบกระโดดหนีถอยหลังออกมาทันที ฉันเห็นเขายืนลอยตัวอยู่ตรงหน้าต่าง และจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ดุดัน
“มาหาข้าสิ! จงมาหาข้า! จงมาหาข้า!” เสียงของเขาดังสะท้อนเข้ามาในโสตประสาทหูของฉัน
ฉันมองไปรอบด้าน ก็ยังคงเห็นคนอื่นที่อยู่ในนี้ มีท่าทางเหมือนเดิม ไม่เห็นมีใครหันมาสนใจหรือมองมาที่ฉันเลย คนอื่นต้องไม่ได้ยินเสียงและมองไม่เห็นเขาแน่ๆ แล้วทำไมล่ะ ทำไม…ถึงมีแค่ฉันคนเดียวที่ได้ยินและมองเห็น
ฉันเดินกลับเข้าไปที่หน้าต่างบานนั้นอีกครั้ง แล้วยื่นมือที่สั่นเทานั้นออกไปแตะที่กระจกใส ที่กั้นตัวของฉันกับเขาเอาไว้อยู่ ฉันพูดขึ้นมาในใจ อย่างลองเชิงว่าเขาจะได้ยิน สิ่งที่ฉันต้องการสื่อสารกับเขาได้ไหม ‘คุณเป็นใคร และต้องการอะไร’
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่ข้าต้องการให้เจ้าไปกับข้า” ชายชุดดำคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
‘ไปไหนเหรอคะ?’ ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวไปถึงเจ้าก็จะรู้เอง มาสิ! ไปกับข้า! เพียงแค่เจ้าพูดว่าจะไปกับข้า แค่นั้นพอ” เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือข้างหนึ่งออกมาตรงหน้าของฉัน
‘ไม่!!…บอกมาก่อนสิ ว่าจะไปไหน ถ้าไม่บอก ก็ไม่ไปหรอก’ ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“มาสิ! ไปกับข้า! เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เอง”
‘ไม่!!…ไม่ไป คุณกลับไปเถอะ ฉันไม่ไปกับคุณหรอก คุณเลิกตามฉันกับน้องของฉันสักที’ ฉันพูดขึ้นมาทันที ถ้าเดาไม่ผิดเขาก็น่าจะเป็นคนที่น้องของฉันฝันถึงก่อนหน้านี้เช่นกัน
“ไม่!!! เจ้าต้องไปกับข้า ไปกับข้า ออกมาเดี๋ยวนี้” ครั้งนี้เขาตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเขาเปล่งสีแดงเถือกออกมา น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
เขาใช้ไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือข้างหนึ่งกระแทกลงไปที่กระจกใส ที่กั้นระหว่างตัวของฉันกับเขาเอาไว้อยู่อย่างแรง แต่ทำอย่างไรกระจกใสนั้นก็ไม่แตก แทบจะไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเลย
“อย่าคิดว่าพวกเจ้าจะหนีข้าพ้น! อย่างไรซะ! เจ้าก็ต้องไปกับข้า!” เมื่อพูดจบเขาก็ค่อยๆ จางหายไป
ฉันยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความกังวลใจ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะทำอะไรฉันไม่ได้ แต่คำพูดของเขาก็บ่งบอกให้รู้ว่า เขาจะไม่ยอมปล่อยฉันกับน้องของฉันไปแน่นอน
“อย่าไปสนใจเลย มันทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก จงจำไว้ หากฟ้ามืดลง!! เจ้าต้องหาที่นี่ให้พบ!!” เสียงของชายปริศนาคนเดิม ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วฉันจะหาที่นี่พบได้ยังไง” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวถึงเวลาเจ้าก็จะรู้เอง แต่จงจำไว้!! เจ้าต้องหาที่นี่ให้พบ!!” เมื่อเสียงนั้นพูดจบลง ภาพตรงหน้าของฉันก็ค่อยๆ ตัดไป
เว็บไซด์ 👇🏻👇🏻👇🏻
ReadAWrite รี้ดอะไร้ต์ 👉🏻 https://www.readawrite.com/a/b6ca1eb7a44f3d831f37294f45d81dda
Dek-D เด็กดี 👉🏻 https://writer.dek-d.com/story/writer/view.php?id=2255352
Fictionlog ฟิกชั่นล็อก 👉🏻 https://fictionlog.co/b/614c904feda9af001c2f65f0
📌ฝากติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะคะ 😘 อ่านแล้วเป็นยังไงมาพูดคุยกันได้นะจ๊ะ
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก 👇🏻 https://www.facebook.com/pkm.tongchan 🥰