ตอนที่ 2
ดินพาแอนกับปริมเปิดประตูเข้ามาในสำนักงาน ผ่านโถงกลางตรงไปยังโต๊ะทำงานของพี่ชาย โดยไม่บอกกล่าวต่อพรพิศ สาวใหญ่เลขาของตะวัน ที่โผเข้ามาห้ามแต่ไม่ทัน เจ้าของสำนักงานที่กำลังถกกันอยู่กับภาคภูมิ ผู้ชายอีกคนในห้อง หยุดชะงักหันมามอง
“รอเดี๋ยวค่ะ คุณคะ...แหม!”
พรพิศชักสีหน้าไม่พอใจต่อชายหญิงทั้งสามคน หล่อนตามมาห้ามไม่ทัน เพราะคุณดินเป็นคนพาพรวดพราดเข้ามาเอง
แอนมายืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นเจ้าของสำนักงาน ด้วยสีหน้าที่เครียดลง ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่นิสัยขี้โกงก็เป็นอันหมดหล่อกัน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคุณวงศ์ตะวันกับคุณตะวันเป็นคนละคนกัน แนะนำตัวเองเสียเลย โดยไม่เสียเวลาให้ดินเป็นคนจัดการ
“สวัสดีค่ะคุณตะวัน ฉันชื่ออรอุมา เป็นลูกสาวของคุณเฉินที่เอาโฉนดที่ดินมาร่วมหุ้นทำร้านผ้าไหมกับคุณ ที่ดินผืนนั้นมันเป็นของฉัน คุณพ่อฉันแอบเอามาทำสัญญากับคุณ โดยที่ฉันไม่รู้เรื่อง”
เปิดฉากทวงโฉนดที่ดินของตัวเองคืนทันที ชายหนุ่มหน้าหวานขมวดคิ้ว เอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองดูเธอ
“ที่ดินของคุณเฉิน...คุณคงหมายถึงคุณไฉ่เฉินที่เป็นเพื่อนคุณแม่ผม เอ๊ะ! แต่โฉนดนั่นมันเป็นชื่อคุณเฉินนี่”
“ฉันเป็นคนซื้อที่ดินผืนนั้นค่ะ คุณพ่อเอามาร่วมหุ้นกับพวกคุณโดยพลการ ไม่บอกฉันสักคำ ฉันเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ และเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ฉันมาขอล้มเลิกสัญญาข้อตกลงทั้งหมดทุกข้อ เพราะมันไม่เป็นธรรมที่คุณจะไปสร้างร้านในที่ของฉัน แต่ระหว่างที่ก่อสร้าง ฉันกลับไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลยสักอย่าง แล้วความคืบหน้าของร้านก็ไม่เห็นมี คุณกำลังจะเอาที่ดินของฉันไปฟรี ๆ”
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ ครับคุณ นั่งคุยกันก่อนสิ นี่แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านสัญญาอย่างละเอียด คุณกับพ่อคุณได้คุยกันบ้างหรือเปล่า ที่ผมยังไม่ได้ทำเรื่องร้าน เพราะผมยังติดงานก่อสร้างห้างแห่งใหม่อยู่นี่ไงครับ”
เขาชี้ไปที่โมเดลห้างสรรพสินค้าบนโต๊ะทำงาน ซึ่งมีภาคภูมิหนุ่มหน้าตี๋ที่เป็นวิศวกรคุมการก่อสร้างนั่งนิ่งฟังอยู่
ปริมกระตุกแขนเสื้อเพื่อนเบา ๆ เตือนสติคนใจร้อนที่ตั้งท่าจะวีนแตกเอากับเจ้าของสำนักงานหนุ่ม
“ฟังเขาก่อนเหอะแก ตอนอยู่ที่บ้านแกก็โวยวายกับพ่อแกมาทีหนึ่งแล้ว ฉันว่าแกยังไม่ทันรู้เรื่องนี้ดีเท่าไหร่เลยนะ”
แอนเม้มริมฝีปาก ข่มความรู้สึกโกรธ หันมาพยักหน้ากับเพื่อน แล้วหันไปตอบตกลงกับตะวัน
“ก็ได้ค่ะ ว่ามาสิคะฉันจะลองฟังคุณดู”
เธอก้าวฉับ ๆ ไปลากเก้าอี้ในห้องสองตัวมานั่งหน้าโต๊ะทำงาน ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ชี้มือไปที่เก้าอี้อีกตัวให้ปริมนั่ง ท่ามกลางสายตามองนิ่งอึ้งของคนในห้อง
“ขอเวลาฉันอธิบายให้คุณผู้หญิงคนนี้เข้าใจเรื่องที่ดินของเขาแป๊บนึงนะภูมิ ไม่นานนักหรอก มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
ตะวันบอกกับชายหนุ่มคนที่ตนกำลังสนทนาค้างอยู่ ฝ่ายนั้นยกฝ่ามือสองข้างตั้งฉากขึ้นเสมออก เป็นทำนองว่าตามสบาย สายตาของเขาจ้องมองมาที่สาวลูกครึ่งบ่งบอกถึงความฉงนปนทึ่ง เพราะเริ่มนึกออกว่าเธอเป็นใคร
แม่สาวผมทองคนนี้ก็คือ แอน อรอุมา นางแบบสาวจอมวีนผู้เย่อหยิ่ง ได้ยินมาว่าหล่อนเป็นนางแบบที่มีนิสัยจองหองอวดดี ไม่เคยมีใครได้ควง ไม่ว่าจะหว่านเงินมากขนาดไหน
“ผมขอตัวไปดูคุณปู่ก่อนนะครับ ทิ้งท่านไว้กับป้าอุ่นนานแล้ว”
ดินเห็นว่าหมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว ก็ขอตัวจะออกไป ตะวันพยักหน้าให้น้องชาย เขาจึงเปิดประตูเดินออกไปจากสำนักงาน
“คุณพรช่วยเอาสัญญาของคุณไฉ่เฉินมาให้ผมที”
ตะวันสั่งเลขาร่างอ้วนที่ยืนทำหน้ายุ่งอยู่ด้านข้าง หล่อนรีบกระวีกระวาดไปเปิดจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ปริ้นเอาแผ่นกระดาษจำนวนหนึ่งออกมายื่นให้เจ้านายหนุ่ม
“ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณแม่ผมกับเพื่อนของท่านตกลงกันเอง คุณไฉ่เฉินไม่ได้คุยกับผมโดยตรง ได้ยินมาว่าคุณแม่เคยเป็นหนี้บุญคุณเพื่อนคนนี้ เลยยอมให้มาร่วมลงทุนด้วย ให้แค่วางที่ดินไว้เฉย ๆ ไม่ได้จะเอาไปทำอะไรอย่างที่คุณว่ามา ร้านที่คุณว่าก็อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่ผมกำลังจะสร้าง ไม่ได้จะสร้างในที่ของคุณ...คุณอ่านดูให้ละเอียดเสียก่อน ไม่มีตรงไหนเลยที่ผมจะโกงคุณได้ ที่ดินของคุณราคาประเมินก็ไม่ได้สูงมากมาย ขณะที่ผู้ร่วมลงทุนอีกสามคน ใช้วงเงินร่วมหุ้นมากกว่าที่ดินของคุณเป็นเท่าตัว”
เขาส่งสัญญาทั้งปึกให้หญิงสาว แอนรับเอามาอ่าน ปริมชะโงกหน้ามาอ่านด้วย
“ถึงยังไงฉันก็อยากได้ที่ดินของฉันคืนค่ะ”
แม้จะอ่านทวนหลายรอบ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตะวันบอกทุกประการ แต่หญิงสาวก็ยังเงยหน้าขึ้นบอกเขาเสียงแข็ง เรื่องอะไรจะเอาที่ดินของตัวเองมาวางค้างไว้ที่เขา โดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะขายก็ขายไม่ได้
ตะวันสูดหายใจลึก พยายามทำใจเย็นเข้าไว้
“คุณนี่เข้าใจอะไรยากจัง เรื่องนั้นคุณต้องไปตกลงกับคุณพ่อของคุณเองแล้วล่ะ ที่ดินเป็นชื่อพ่อคุณ และเขาอยากจะลงทุนทำร้านผ้าไหมกับผม เราทำสัญญากันไว้ ถ้าอยากจะเลิกสัญญาคุณก็ต้องให้พ่อคุณมาเจรจากับทางเราเอง”
ใบหน้าสวยราวกับใบหน้าหญิงสาวแสดงออกถึงความหงุดหงิด คิ้วเข้มเรียงเป็นระเบียบขมวดมุ่น เริ่มโมโหหล่อนขึ้นมาตงิด ๆ คิดอยากเอาชนะหล่อนขึ้นมาดื้อ ๆ
“แน่นอนค่ะ ฉันจะหาทางให้คุณพ่อเปลี่ยนใจให้ได้ เราจะฉีกสัญญานี้ทิ้งอย่างแน่นอนที่สุด”
ภาคภูมินั่งฟังคนทั้งสองพูดโต้ตอบกัน นึกขำตะวันที่กำลังโต้เถียงกับ ‘แอน อรอุมา’ นางแบบสาวจอมวีน ได้ยินมาว่าเจ้าหล่อนลาวงการไปนานแล้ว และหันไปเรียนกฎหมายเพิ่ม มีข่าวกระเซ็นกระสายว่าไปเป็นเมียน้อยของคนระดับรัฐมนตรีคนหนึ่ง หล่อนจึงมีแบ็คหลังที่แข็งปั๋ง แต่เพื่อนของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา เห็นหน้าหวาน ๆ แบบนี้ ที่จริงตะวันเป็นคนหัวแข็ง ไม่ใช่ผู้ชายที่จะให้ผู้หญิงมาปั่นหัวเล่น จึงไม่เห็นอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
“ฉันไม่เชื่อนายทุนหน้าเลือดอย่างคุณหรอก หากคุณไม่ยอมคืนให้ ฉันจะไปฟ้องศาล”
หนุ่มหน้าสวยร้องเฮ้ย!ขึ้นทันที นึกไม่ถึงว่าเจ้าหล่อนจะเล่นไม้นี้
“พูดเป็นเล่นไป คุณจะฟ้องผมเรื่องอะไร ผมไม่ได้โกงคุณ ถ้าฟ้องผมก็หมายถึงฟ้องพ่อตัวเองด้วยนะ”
“ฟ้องหมดนั่นแหละ พ่อแอบทำแบบนี้ทำไม” อดีตนางแบบสาวเริ่มเสียงดัง
ภาคภูมิที่เงียบฟังอยู่นานรีบพูดโพล่งขึ้น ยกมือสองข้างขึ้นในท่าห้าม
“ใจเย็นครับ ผมว่าเราคุยกันดี ๆ จะดีกว่าไหมครับ อย่าให้เรื่องถึงโรงถึงศาลเลย”
“พวกคุณไม่รู้อะไร ฉันได้ร้องขอต่อศาลให้พ่อเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ เพราะติดการพนันไปแล้ว พ่อไม่สามารถทำธุรกรรมตามกฎหมายได้ ถ้าผู้อนุบาลอย่างฉันไม่ยินยอม หมายความว่าพ่อเป็นบุคคลที่ไม่สามารถจัดการงานของตนเองได้ เพราะกายพิการ จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ประพฤติตัวสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา และศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ”
หญิงสาวไม่ยอมหยุด ยังพูดใส่หน้าชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหาฉอด ๆ ภาคภูมิฟังแล้วกลืนน้ำลาย หันไปมองทางตะวัน นึกสงสัยว่าสองพ่อลูกจะรู้เห็นกันตั้งแต่แรก เอากระดาษแผ่นเดียวมาแลกการลงทุน แล้วใช้กฎหมายมาบีบ แบบนี้เพื่อนของตนจะต้องเสียเปรียบแน่นอน เพราะหล่อนมีคนระดับรัฐมนตรีหนุนหลังอยู่
(มีต่อ)
พรายแค้นแสนรัก ตอนที่ 2
ดินพาแอนกับปริมเปิดประตูเข้ามาในสำนักงาน ผ่านโถงกลางตรงไปยังโต๊ะทำงานของพี่ชาย โดยไม่บอกกล่าวต่อพรพิศ สาวใหญ่เลขาของตะวัน ที่โผเข้ามาห้ามแต่ไม่ทัน เจ้าของสำนักงานที่กำลังถกกันอยู่กับภาคภูมิ ผู้ชายอีกคนในห้อง หยุดชะงักหันมามอง
“รอเดี๋ยวค่ะ คุณคะ...แหม!”
พรพิศชักสีหน้าไม่พอใจต่อชายหญิงทั้งสามคน หล่อนตามมาห้ามไม่ทัน เพราะคุณดินเป็นคนพาพรวดพราดเข้ามาเอง
แอนมายืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นเจ้าของสำนักงาน ด้วยสีหน้าที่เครียดลง ถึงจะหล่อแค่ไหนแต่นิสัยขี้โกงก็เป็นอันหมดหล่อกัน ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคุณวงศ์ตะวันกับคุณตะวันเป็นคนละคนกัน แนะนำตัวเองเสียเลย โดยไม่เสียเวลาให้ดินเป็นคนจัดการ
“สวัสดีค่ะคุณตะวัน ฉันชื่ออรอุมา เป็นลูกสาวของคุณเฉินที่เอาโฉนดที่ดินมาร่วมหุ้นทำร้านผ้าไหมกับคุณ ที่ดินผืนนั้นมันเป็นของฉัน คุณพ่อฉันแอบเอามาทำสัญญากับคุณ โดยที่ฉันไม่รู้เรื่อง”
เปิดฉากทวงโฉนดที่ดินของตัวเองคืนทันที ชายหนุ่มหน้าหวานขมวดคิ้ว เอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองดูเธอ
“ที่ดินของคุณเฉิน...คุณคงหมายถึงคุณไฉ่เฉินที่เป็นเพื่อนคุณแม่ผม เอ๊ะ! แต่โฉนดนั่นมันเป็นชื่อคุณเฉินนี่”
“ฉันเป็นคนซื้อที่ดินผืนนั้นค่ะ คุณพ่อเอามาร่วมหุ้นกับพวกคุณโดยพลการ ไม่บอกฉันสักคำ ฉันเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ และเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ฉันมาขอล้มเลิกสัญญาข้อตกลงทั้งหมดทุกข้อ เพราะมันไม่เป็นธรรมที่คุณจะไปสร้างร้านในที่ของฉัน แต่ระหว่างที่ก่อสร้าง ฉันกลับไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลยสักอย่าง แล้วความคืบหน้าของร้านก็ไม่เห็นมี คุณกำลังจะเอาที่ดินของฉันไปฟรี ๆ”
“เดี๋ยว ๆ ใจเย็น ๆ ครับคุณ นั่งคุยกันก่อนสิ นี่แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านสัญญาอย่างละเอียด คุณกับพ่อคุณได้คุยกันบ้างหรือเปล่า ที่ผมยังไม่ได้ทำเรื่องร้าน เพราะผมยังติดงานก่อสร้างห้างแห่งใหม่อยู่นี่ไงครับ”
เขาชี้ไปที่โมเดลห้างสรรพสินค้าบนโต๊ะทำงาน ซึ่งมีภาคภูมิหนุ่มหน้าตี๋ที่เป็นวิศวกรคุมการก่อสร้างนั่งนิ่งฟังอยู่
ปริมกระตุกแขนเสื้อเพื่อนเบา ๆ เตือนสติคนใจร้อนที่ตั้งท่าจะวีนแตกเอากับเจ้าของสำนักงานหนุ่ม
“ฟังเขาก่อนเหอะแก ตอนอยู่ที่บ้านแกก็โวยวายกับพ่อแกมาทีหนึ่งแล้ว ฉันว่าแกยังไม่ทันรู้เรื่องนี้ดีเท่าไหร่เลยนะ”
แอนเม้มริมฝีปาก ข่มความรู้สึกโกรธ หันมาพยักหน้ากับเพื่อน แล้วหันไปตอบตกลงกับตะวัน
“ก็ได้ค่ะ ว่ามาสิคะฉันจะลองฟังคุณดู”
เธอก้าวฉับ ๆ ไปลากเก้าอี้ในห้องสองตัวมานั่งหน้าโต๊ะทำงาน ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ชี้มือไปที่เก้าอี้อีกตัวให้ปริมนั่ง ท่ามกลางสายตามองนิ่งอึ้งของคนในห้อง
“ขอเวลาฉันอธิบายให้คุณผู้หญิงคนนี้เข้าใจเรื่องที่ดินของเขาแป๊บนึงนะภูมิ ไม่นานนักหรอก มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
ตะวันบอกกับชายหนุ่มคนที่ตนกำลังสนทนาค้างอยู่ ฝ่ายนั้นยกฝ่ามือสองข้างตั้งฉากขึ้นเสมออก เป็นทำนองว่าตามสบาย สายตาของเขาจ้องมองมาที่สาวลูกครึ่งบ่งบอกถึงความฉงนปนทึ่ง เพราะเริ่มนึกออกว่าเธอเป็นใคร
แม่สาวผมทองคนนี้ก็คือ แอน อรอุมา นางแบบสาวจอมวีนผู้เย่อหยิ่ง ได้ยินมาว่าหล่อนเป็นนางแบบที่มีนิสัยจองหองอวดดี ไม่เคยมีใครได้ควง ไม่ว่าจะหว่านเงินมากขนาดไหน
“ผมขอตัวไปดูคุณปู่ก่อนนะครับ ทิ้งท่านไว้กับป้าอุ่นนานแล้ว”
ดินเห็นว่าหมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว ก็ขอตัวจะออกไป ตะวันพยักหน้าให้น้องชาย เขาจึงเปิดประตูเดินออกไปจากสำนักงาน
“คุณพรช่วยเอาสัญญาของคุณไฉ่เฉินมาให้ผมที”
ตะวันสั่งเลขาร่างอ้วนที่ยืนทำหน้ายุ่งอยู่ด้านข้าง หล่อนรีบกระวีกระวาดไปเปิดจอคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ปริ้นเอาแผ่นกระดาษจำนวนหนึ่งออกมายื่นให้เจ้านายหนุ่ม
“ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณแม่ผมกับเพื่อนของท่านตกลงกันเอง คุณไฉ่เฉินไม่ได้คุยกับผมโดยตรง ได้ยินมาว่าคุณแม่เคยเป็นหนี้บุญคุณเพื่อนคนนี้ เลยยอมให้มาร่วมลงทุนด้วย ให้แค่วางที่ดินไว้เฉย ๆ ไม่ได้จะเอาไปทำอะไรอย่างที่คุณว่ามา ร้านที่คุณว่าก็อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ที่ผมกำลังจะสร้าง ไม่ได้จะสร้างในที่ของคุณ...คุณอ่านดูให้ละเอียดเสียก่อน ไม่มีตรงไหนเลยที่ผมจะโกงคุณได้ ที่ดินของคุณราคาประเมินก็ไม่ได้สูงมากมาย ขณะที่ผู้ร่วมลงทุนอีกสามคน ใช้วงเงินร่วมหุ้นมากกว่าที่ดินของคุณเป็นเท่าตัว”
เขาส่งสัญญาทั้งปึกให้หญิงสาว แอนรับเอามาอ่าน ปริมชะโงกหน้ามาอ่านด้วย
“ถึงยังไงฉันก็อยากได้ที่ดินของฉันคืนค่ะ”
แม้จะอ่านทวนหลายรอบ ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตะวันบอกทุกประการ แต่หญิงสาวก็ยังเงยหน้าขึ้นบอกเขาเสียงแข็ง เรื่องอะไรจะเอาที่ดินของตัวเองมาวางค้างไว้ที่เขา โดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย ถ้าจะขายก็ขายไม่ได้
ตะวันสูดหายใจลึก พยายามทำใจเย็นเข้าไว้
“คุณนี่เข้าใจอะไรยากจัง เรื่องนั้นคุณต้องไปตกลงกับคุณพ่อของคุณเองแล้วล่ะ ที่ดินเป็นชื่อพ่อคุณ และเขาอยากจะลงทุนทำร้านผ้าไหมกับผม เราทำสัญญากันไว้ ถ้าอยากจะเลิกสัญญาคุณก็ต้องให้พ่อคุณมาเจรจากับทางเราเอง”
ใบหน้าสวยราวกับใบหน้าหญิงสาวแสดงออกถึงความหงุดหงิด คิ้วเข้มเรียงเป็นระเบียบขมวดมุ่น เริ่มโมโหหล่อนขึ้นมาตงิด ๆ คิดอยากเอาชนะหล่อนขึ้นมาดื้อ ๆ
“แน่นอนค่ะ ฉันจะหาทางให้คุณพ่อเปลี่ยนใจให้ได้ เราจะฉีกสัญญานี้ทิ้งอย่างแน่นอนที่สุด”
ภาคภูมินั่งฟังคนทั้งสองพูดโต้ตอบกัน นึกขำตะวันที่กำลังโต้เถียงกับ ‘แอน อรอุมา’ นางแบบสาวจอมวีน ได้ยินมาว่าเจ้าหล่อนลาวงการไปนานแล้ว และหันไปเรียนกฎหมายเพิ่ม มีข่าวกระเซ็นกระสายว่าไปเป็นเมียน้อยของคนระดับรัฐมนตรีคนหนึ่ง หล่อนจึงมีแบ็คหลังที่แข็งปั๋ง แต่เพื่อนของเขาก็ไม่ใช่ธรรมดา เห็นหน้าหวาน ๆ แบบนี้ ที่จริงตะวันเป็นคนหัวแข็ง ไม่ใช่ผู้ชายที่จะให้ผู้หญิงมาปั่นหัวเล่น จึงไม่เห็นอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
“ฉันไม่เชื่อนายทุนหน้าเลือดอย่างคุณหรอก หากคุณไม่ยอมคืนให้ ฉันจะไปฟ้องศาล”
หนุ่มหน้าสวยร้องเฮ้ย!ขึ้นทันที นึกไม่ถึงว่าเจ้าหล่อนจะเล่นไม้นี้
“พูดเป็นเล่นไป คุณจะฟ้องผมเรื่องอะไร ผมไม่ได้โกงคุณ ถ้าฟ้องผมก็หมายถึงฟ้องพ่อตัวเองด้วยนะ”
“ฟ้องหมดนั่นแหละ พ่อแอบทำแบบนี้ทำไม” อดีตนางแบบสาวเริ่มเสียงดัง
ภาคภูมิที่เงียบฟังอยู่นานรีบพูดโพล่งขึ้น ยกมือสองข้างขึ้นในท่าห้าม
“ใจเย็นครับ ผมว่าเราคุยกันดี ๆ จะดีกว่าไหมครับ อย่าให้เรื่องถึงโรงถึงศาลเลย”
“พวกคุณไม่รู้อะไร ฉันได้ร้องขอต่อศาลให้พ่อเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ เพราะติดการพนันไปแล้ว พ่อไม่สามารถทำธุรกรรมตามกฎหมายได้ ถ้าผู้อนุบาลอย่างฉันไม่ยินยอม หมายความว่าพ่อเป็นบุคคลที่ไม่สามารถจัดการงานของตนเองได้ เพราะกายพิการ จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ประพฤติตัวสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา และศาลได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ”
หญิงสาวไม่ยอมหยุด ยังพูดใส่หน้าชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวหาฉอด ๆ ภาคภูมิฟังแล้วกลืนน้ำลาย หันไปมองทางตะวัน นึกสงสัยว่าสองพ่อลูกจะรู้เห็นกันตั้งแต่แรก เอากระดาษแผ่นเดียวมาแลกการลงทุน แล้วใช้กฎหมายมาบีบ แบบนี้เพื่อนของตนจะต้องเสียเปรียบแน่นอน เพราะหล่อนมีคนระดับรัฐมนตรีหนุนหลังอยู่
(มีต่อ)