🔪🔪🔪
หนังเรื่องนี้ตั้งแต่ดูตัวอย่าง ผมว่ามันน่าสนใจตรงที่หน้าหนังจะดูเหมือน colorful เหมือนหนัง musical ย้อนยุคเรื่องหนึ่งที่เกียวกับชีวิตของผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่แฝงด้วยความระทึกขวัญ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูแปลกใหม่และน่าสนใจมาก เพราะมีหนังไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำหนังหลอนๆ บนภาพที่มีสีสันแบบนี้ แล้วพอยิ่งได้ดูจนจบ หนังมันมีอะไรมากกว่าแค่ความหลอนและภาพสวยอีกเยอะแยะมากมาย มิน่าล่ะคะแนนรีวิวถึงได้สูงเกือบจะทุกรีวิวเลย
🔪🔪🔪
เรื่องราวของ เอลลี่ นักเรียนสาขาแฟชั่นดีไซน์ ผู้หลงใหลในยุค 60 และมีเหตุให้ได้กลับไปยังยุค 1960 โดยบังเอิญ ที่นั่นเธอได้พบกับ แซนดี้ หญิงสาวผู้ปราดเปรื่องที่หวังอยากจะเป็นนักร้อง แต่ทว่าลอนดอนในยุคนั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยนึกฝัน และเธอกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความน่าสะพรึงกลัว
🔪🔪🔪
ต้องบอกตรงๆ ว่า หนังมันหลอกคนดูได้หลายรูปแบบจริงๆ ลูกเล่นของหนังมันสามารถพาคนดูให้หลงกลการเล่าเรื่องของหนังได้ตลอด โดยช่วงแรกของหนัง ผมดูแล้วนึกว่ามันคือหนังวัยรุ่นเห็นผีมีปัญหาชีวิตและกำลังตามหาความฝัน แล้วมันก็พลิกผันไปเป็นเรื่องของการฝันเห็นภาพในอดีต ซึ่งพอช่วงที่สองกลายเป็นหนังย้อนยุคที่มีสีสันสวยงามมากๆ เล่าเรื่องได้สนุกมากๆ สลับกันระหว่างเรื่องราวสองยุคระหว่างอดีตกับปัจจุบันเหมือนทวิภพเลยทีเดียว
🔪🔪🔪
แล้วหนังก็เริ่มผูกปมปริศนาให้คนดูสงสัยพร้อมกับสร้างความสุขให้กับตัวละครเอกอย่าง เอลลี่ เหมือนจะมีความสุขในความหลอนที่หนังหลอกคนดูด้วยลุกเล่นที่พลิกแพลงไปมาอยู่ตลอด จนกระทั่งหนังค่อยๆ เริ่มเฉลยสิ่งที่ทำให้ เอลลี่ เริ่มหลอนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่พีคที่สุดของปมปริศนาครั้งนี้ ซึ่งอารมณ์มันพลิกไปพลิกมาแบบคาดเดาแทบไม่ได้เลยทีเดียว
🔪🔪🔪
งานภาพและเพลงประกอบต้องบอกว่า Code สวยและสีสัน colorful รวมไปถึงเพลงเพราะมากๆ พอย้อนกลับไปดูชื่อของผู้กำกับก็ถึงกับร้องอ๋อเลยทีเดียว เพราะเป็นชื่อของ Edgar Wright ซึ่งถ้าดูแค่ชื่ออาจจะจำไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นผู้กำกับหนังเรื่อง Baby Driver แล้วแน่นอนว่าต้องนึกออกแน่ๆ เพราะว่า Baby Driver ก็เป็นหนังที่สีสันสวยงามมากๆ เรื่องหนึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ เรื่องนี้ก็เช่นกัน งานภาพที่สีสันสดใสสวยงาม เพลงประกอบที่เพราะและเข้ากับตัวหนังมากๆ ทำให้อารมณ์หนังมันยิ่งถูกขับออกมาได้ดีทุกช่วง
🔪🔪🔪
เรื่องนี้ตัวละครหลักคือ Thomasine Mackenzie ในบท เอลลี่ และ Anya Taylor-Joy ที่มาขับเคี่ยวกันในหนังเรื่องนี้ ตอนแรกดูเหมือน Thomasine Mackenzie จะมาในบทบาทของเด็กวัยรุ่นปกติ ซึ่งน่าจะโดนน้องจอยกลบรัศมีจนมิด แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ทั้งสองคนบทบาทสูสีกันมากๆ และขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ซึ่งด้วยตัวบทแล้ว Thomasine Mackenzie อาจจะเด่นกว่าด้วยซ้ำ แต่น้องจอยก็ไม่ได้น้อยหน้า ถึงบทจะน้อยกว่าแต่รัศมีเปล่งปลั่งแบบไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยทีเดียว
🔪🔪🔪
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นหนังที่กระแสรุนแรงอะไรมากมาย ออกจะมาแบบเนิบๆ ด้วยซ้ำ แต่ต้องบอกว่าเป็นหนังที่มาเหนือชั้นเหนือความคาดหมายมากๆ ทั้งลูกล่อลูกชนในการเล่าเรื่อง ทั้งตัวเนื้อเรื่องเอง ทั้งภาพและเพลงประกอบ และสุดท้ายคือนักแสดง องค์ประกอบทุกอย่างมันดูลงตัวและทำให้หนังดูสนุกเกินคาด เรื่องนี้แนะนำเลยครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> <a href="
https://www.facebook.com/DooNangGunMai<br>">
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
</a>
[CR] [#Review] Last Night in Soho ฝัน-หลอน-ที่โซโห - หนังทวิภพระทึกขวัญที่ Colorful เล่าเรื่องแบบลูกเล่นแพรวพราวและหักมุม
🔪🔪🔪
หนังเรื่องนี้ตั้งแต่ดูตัวอย่าง ผมว่ามันน่าสนใจตรงที่หน้าหนังจะดูเหมือน colorful เหมือนหนัง musical ย้อนยุคเรื่องหนึ่งที่เกียวกับชีวิตของผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่แฝงด้วยความระทึกขวัญ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดูแปลกใหม่และน่าสนใจมาก เพราะมีหนังไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำหนังหลอนๆ บนภาพที่มีสีสันแบบนี้ แล้วพอยิ่งได้ดูจนจบ หนังมันมีอะไรมากกว่าแค่ความหลอนและภาพสวยอีกเยอะแยะมากมาย มิน่าล่ะคะแนนรีวิวถึงได้สูงเกือบจะทุกรีวิวเลย
🔪🔪🔪
เรื่องราวของ เอลลี่ นักเรียนสาขาแฟชั่นดีไซน์ ผู้หลงใหลในยุค 60 และมีเหตุให้ได้กลับไปยังยุค 1960 โดยบังเอิญ ที่นั่นเธอได้พบกับ แซนดี้ หญิงสาวผู้ปราดเปรื่องที่หวังอยากจะเป็นนักร้อง แต่ทว่าลอนดอนในยุคนั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยนึกฝัน และเธอกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความน่าสะพรึงกลัว
🔪🔪🔪
ต้องบอกตรงๆ ว่า หนังมันหลอกคนดูได้หลายรูปแบบจริงๆ ลูกเล่นของหนังมันสามารถพาคนดูให้หลงกลการเล่าเรื่องของหนังได้ตลอด โดยช่วงแรกของหนัง ผมดูแล้วนึกว่ามันคือหนังวัยรุ่นเห็นผีมีปัญหาชีวิตและกำลังตามหาความฝัน แล้วมันก็พลิกผันไปเป็นเรื่องของการฝันเห็นภาพในอดีต ซึ่งพอช่วงที่สองกลายเป็นหนังย้อนยุคที่มีสีสันสวยงามมากๆ เล่าเรื่องได้สนุกมากๆ สลับกันระหว่างเรื่องราวสองยุคระหว่างอดีตกับปัจจุบันเหมือนทวิภพเลยทีเดียว
🔪🔪🔪
แล้วหนังก็เริ่มผูกปมปริศนาให้คนดูสงสัยพร้อมกับสร้างความสุขให้กับตัวละครเอกอย่าง เอลลี่ เหมือนจะมีความสุขในความหลอนที่หนังหลอกคนดูด้วยลุกเล่นที่พลิกแพลงไปมาอยู่ตลอด จนกระทั่งหนังค่อยๆ เริ่มเฉลยสิ่งที่ทำให้ เอลลี่ เริ่มหลอนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่พีคที่สุดของปมปริศนาครั้งนี้ ซึ่งอารมณ์มันพลิกไปพลิกมาแบบคาดเดาแทบไม่ได้เลยทีเดียว
🔪🔪🔪
งานภาพและเพลงประกอบต้องบอกว่า Code สวยและสีสัน colorful รวมไปถึงเพลงเพราะมากๆ พอย้อนกลับไปดูชื่อของผู้กำกับก็ถึงกับร้องอ๋อเลยทีเดียว เพราะเป็นชื่อของ Edgar Wright ซึ่งถ้าดูแค่ชื่ออาจจะจำไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นผู้กำกับหนังเรื่อง Baby Driver แล้วแน่นอนว่าต้องนึกออกแน่ๆ เพราะว่า Baby Driver ก็เป็นหนังที่สีสันสวยงามมากๆ เรื่องหนึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ เรื่องนี้ก็เช่นกัน งานภาพที่สีสันสดใสสวยงาม เพลงประกอบที่เพราะและเข้ากับตัวหนังมากๆ ทำให้อารมณ์หนังมันยิ่งถูกขับออกมาได้ดีทุกช่วง
🔪🔪🔪
เรื่องนี้ตัวละครหลักคือ Thomasine Mackenzie ในบท เอลลี่ และ Anya Taylor-Joy ที่มาขับเคี่ยวกันในหนังเรื่องนี้ ตอนแรกดูเหมือน Thomasine Mackenzie จะมาในบทบาทของเด็กวัยรุ่นปกติ ซึ่งน่าจะโดนน้องจอยกลบรัศมีจนมิด แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ทั้งสองคนบทบาทสูสีกันมากๆ และขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ซึ่งด้วยตัวบทแล้ว Thomasine Mackenzie อาจจะเด่นกว่าด้วยซ้ำ แต่น้องจอยก็ไม่ได้น้อยหน้า ถึงบทจะน้อยกว่าแต่รัศมีเปล่งปลั่งแบบไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยทีเดียว
🔪🔪🔪
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นหนังที่กระแสรุนแรงอะไรมากมาย ออกจะมาแบบเนิบๆ ด้วยซ้ำ แต่ต้องบอกว่าเป็นหนังที่มาเหนือชั้นเหนือความคาดหมายมากๆ ทั้งลูกล่อลูกชนในการเล่าเรื่อง ทั้งตัวเนื้อเรื่องเอง ทั้งภาพและเพลงประกอบ และสุดท้ายคือนักแสดง องค์ประกอบทุกอย่างมันดูลงตัวและทำให้หนังดูสนุกเกินคาด เรื่องนี้แนะนำเลยครับ
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>> <a href="https://www.facebook.com/DooNangGunMai<br>">https://www.facebook.com/DooNangGunMai
</a>
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้