วันนี้ผมได้มีโอกาสไปดู The Matrix Resurrections เลยอยากจะมาพูดคุยถึงความรู้สึกหลังดูจบเมื่อกี้นี้ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่สปอยล์ เชิญอ่านกันเพลินๆได้เลย
โดยครั้งนี้เป็นการดู The Matrix ครั้งแรกในโรงภาพยนตร์ของผม ในระบบ IMAX 2D เสียง Soundtrack ครับ
สิ่งที่ผมเตรียมตัวก่อนเข้าไปดูคือผมกลับไปดูภาค 1 อีกรอบ ทำหัวโล่งๆ
ไม่คาดหวังเยอะ ดูว่าการกลับมารอบนี้จะมาแบบไหนได้ หลังจากที่เรารู้ตอนจบของภาคที่3 กันมาแล้วว่าเป็นยังไง ผลก็คือ
สนุกกว่าที่คิดมากก! ชวนให้นึกถึงภาคเก่าๆเลย มีความเคารพไตรภาคเดิม หลายๆเรื่องคือคาดไม่ถึงครับ ผมเดาอะไรไม่ค่อยได้เลย โดยภาคนี้จะเน้นที่เรื่องราวของสองคนนี้เป็นหลักกว่าภาคก่อนๆ เป็นการเปิดมุมมองใหม่ในตัวนีโอที่ลึกซึ้งให้เราได้ชม และเป็นบทสรุปของเรื่องราวที่ดีของไตรภาคที่แล้วครับ
แต่สำหรับคนที่คาดหวังว่าจะได้เปิดโลกใหม่ๆใน The Matrix หรือหวังว่าจะได้ชมฉากแอ็คชั่นมันส์ๆแบบสองภาคหลัง อาจจะผิดหวังกันนิดนึงครับ เพราะไม่ค่อยเปิดเผยเนื้อหาอะไรที่มันกว้างขึ้นมากนัก
แต่จะเน้นเติมเต็มในสิ่งที่มีอยู่แล้วเสียมากกว่า ในมุมมองของผมนะครับ ผมมองว่าเป็นหนังรัก หนังแฟนเซอร์วิสดีกว่า เพราะเนื้อหาเน้นไปที่สองคนนี้ครับ และผมค่อนข้างที่จะชอบพัฒนาการของตัวละครทั้งสามคน ทั้งนีโอ ทรินิตี้ และเอเจ้นท์สมิธพอสมควร
โดยเนื้อหาที่นำเสนอในภาคนี้ สดใหม่สำหรับผมนะ ทีแรกนึกว่าจะเล่นกับอะไรเดิมๆ ได้บู๊กับเหล่า Ai แบบแหลกลาญเหมือนเดิม+ใช้พล็อตเดิมๆ อะไรแบบนั้น ซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นแบบนั้นแค่ตอนแรกๆเท่านั้น ให้แฟนๆพอหายคิดถึง ภาคนี้คุณจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกไซออน รวมไปถึงตัว
นีโอ และ
ทรินิตี้ คนรักของเขา หลังจากที่เราได้รู้ว่าตอนท้ายของภาคก่อนหน้านี้นั้น ทั้งคู่นั้นน่าจะตายไปแล้ว แต่ทำไมถึงกลับมาได้อีกครั้ง แถมจากตัวอย่างเหมือนว่าทั้งคู่อยู่ในโลก The Matrix อีกแล้ว
สิ่งที่นีโอทำในตอนท้ายของภาค Revolutions นั้นจะสูญเปล่างั้นหรือ? ต้องไปหาคำตอบกันในหนังครับ
เนื้อหาในช่วงแรกๆ สำหรับผมค่อนข้างทำออกมาดี เพราะมันทำให้คนดูหลายคนฉุกคิดคาโรงกันเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น? "อะไรคือเรื่อง
จริง และ
ไม่จริง กันแน่!?" แม้กระทั่งคนดูยังสับสน ส่วนผมเครียดตาม
การเล่าเรื่องของภาคนี้ เราจะไม่ได้ไปสำรวจโลกของเดอะแมทริกซ์มันมากนัก เพราะภาคนี้ค่อนข้างที่จะไปเน้นที่การเล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของตัว
"นีโอ" อยู่พอสมควร และเป็นภาคที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่นีโอมีให้ต่อ
"ทรินิตี้" อีกครั้ง ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน
ถ้าผมจะเรียกว่านี่คือหนังรักมากกว่าหนังไซไฟ ก็คงไม่ผิดมากนัก เพราะพลังแห่ง
ความรัก นี่แหละ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ไตรภาคแรกแล้ว
ฉากแอ็คชั่นไม่ได้ดุเดือด อลังการงานสร้าง เหาะสู้กันเหมือนภาคก่อนๆ (มีนะ แค่ไม่เว่อร์ อารมณ์แบบตอนนีโอปลดปล่อยพลังตัวเองได้ในตอนกลาง-ท้ายของภาคแรก ไม่ได้เว่อร์แบบภาค 2-3 ครับ ที่สู้กับสายลับเป็นร้อยเป็นพัน) อย่างที่บอกครับ เน้นอารมณ์กับความรู้สึกของทั้งสองตัวละครเป็นหลัก
แต่ CG ยังสุดยอดเหมือนเดิม
ตัวละครประกอบก็มีมิตินะ แม้กระทั่งพวกเพื่อนๆของสาวบั้ค บทไม่ได้แค่มายืนประกอบฉากเหมือนภาคแรก มีบทเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่ทำให้ผมคาดไม่ถึง
ว่าพวกนั้นจะ (สปอยล์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คาดไม่ถึงว่าพวกนั้นจะรอด ปกติมันต้องตายแล้วบทแบบนี้อ่ะ รอดทุกคนเลยมั้ง เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังจริงๆ
ทั้งฉากเสียดสีหนังของตัวเอง ฉากมุขตลกที่มีมากขึ้นและดูไม่ยัดเยียด ทั้งๆที่ไตรภาคก่อนจะเน้นไปที่ความรักและความสิ้นหวัง แต่ภาคนี้ต่างออกไป ธีมดูสดใสกว่าเดิม (ไม่ใช่โลกสีเขียวๆอีกแล้ว) มีความทันสมัยขึ้น เหมือนยุคปัจจุบันของเราๆ
และการออกจากเดอะแมทริกซ์นั้นไม่เหมือนเดิมอีกด้วยครับ
ก่อนเราจะดูเรื่องนี้ ทุกคนน่าจะรู้กันแล้วว่านักแสดงที่รับบทเป็น
สายลับสมิธ (Hugo Weaving) นั้นจะไม่กลับมา โดยจะเป็นคนอื่นที่มารับบทแทน (คนเดิมภาคนี้มาในแบบ flashback) หลายคนรวมถึงผมคงรู้สึกว่าจะเปลี่ยนนักแสดงทำไม คนเดิมเล่นได้ดีมากเลยนะ คือนีโอกับทรินิตี้ยังกลับมาได้ ทำไมสมิธกลับมาแต่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปล่ะ? ทว่าหลังดูจบ ผมคิดว่าคนนี้โอเคนะ แม้จะยังให้คนเดิมดีกว่า แต่การเปลี่ยนรูปลักษณ์มันไม่ได้ทำให้เรื่องดร็อปลง เพราะเข้าใจได้ว่าคาแรคเตอร์มันเปลี่ยน สมิธคนนี้ยังหมั่นขี้หน้ามิสเตอร์แอนเดอร์สันเหมือนเดิมและจำทุกอย่างได้ ทว่าเขาเปลี่ยนไปและมีเป้าหมายใหม่ โดยสายลับสมิธในภาคนี้ผมค่อนข้างชอบที่มันออกมาแบบนี้พอสมควรเลยล่ะ เพราะมันไม่ซ้ำซากจำเจดี
เอาจริงๆมีหลายสิ่งที่กังวลก่อนดู ตัวอย่างเช่น ผกก.จะทำ The Matrix ให้ออกมาดีได้เหมือนเดิมไหม หลังจากผ่านภาคแรกมาแล้ว 20ปี , ภาค4 จะเล่นเรื่องอะไรได้อีกถ้าใช้นักแสดงเดิม ต่อให้ดึงนีโอกับทรินิตี้กลับมา ละจะกลับมาได้ยังไงในเมื่อมันจบแบบนั้นในภาคที่3แล้ว , อีกทั้งภาพโปสเตอร์ก็ไม่ค่อยดึงดูดสำหรับผมเอาซะเลย คือเรื่องราวมันจบแบบนั้นก็โอเคแล้ว มาสานต่อกลัวจะไม่โอเคเหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมหลังจากดูจบ ผมว่ามันไม่ได้แย่
ถ้าเราไม่ได้คาดหวังกับมันมากว่า ภาค4 กลับมาทั้งทีต้องอลัง มีฉากแอ็คชั่นเยอะๆ หรือสำรวจโลกแมทริกซ์มากขึ้น หากเราไม่ได้คาดหวังตรงนี้ ก็ดูเพลินดีเหมือนกันนะครับ
ถ้าคนที่ไม่เคยดูมาก่อนเลย หากถามว่าควรดูภาคไหนมาบ้าง เพื่อที่จะได้ดูเรื่องนี้เข้าใจ จริงๆถ้าดูแค่ภาค1มาแล้วเพื่อให้เข้าใจว่าอะไรคือ
Matrix ก็โอเคอยู่ครับ ดีกว่าไม่ได้ดูมาเลย เพราะคุณจะงงแน่ๆ แต่ที่แน่ๆถ้าพอจะมีเวลา ควรไปดูทั้งสามภาคมาก่อน เพราะมันแอบแฟนเซอร์วิสคนที่เคยดูไตรภาคมาแล้ว เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาค 3 เลย อะไรทิ้งปมไว้ในไตรภาคก่อน จะมาเปิดเผยบางส่วนในภาคนี้ รวมไปถึงหลายตัวละครจากไตรภาคเก่า ที่ไม่ใช่แค่นีโอกับทรินิตี้ จะได้กลับมาด้วยครับ แอบเซอร์ไพรส์ (และคาดไม่ถึงกับตัวละครนึง) สุดๆ
ผมชอบที่เราจะได้เห็นมุมของนีโอ ในมุมที่เรายังไม่เคยเห็นมาก่อนในไตรภาคเดิม มันยิ่งทำให้ตัวละครมีมิติมากขึ้นไปอีก ทั้งความรู้สึกที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรจริงหรืออะไรไม่จริง และความดิบเถื่อนไม่แคร์คนอื่นที่เราไม่ได้เห็นเขานานแล้ว
ตั้งแต่เขาบรรลุตัวเองในโลกแมทริกซ์ เขาดูเหมือนจะเป็นอีกคนไปเลย นิ่งๆ มาดเข้ม แถมเก่งเกินต้าน ทุกคนคงนึกภาพนีโอในลุคนั้นออกอยู่แล้ว
แต่ภาคนี้สิ่งเหล่านั้นกลับหายไปหมด กลับมาเป็นมิสเตอร์แอนเดอร์สันเหมือนเดิม (ที่อาจจะสิ้นหวังกว่าเดิมอีก) แต่แบบนี้หล่ะที่ผมชอบ เพราะทำให้เรารู้สึกว่าเขาจับต้องได้
ทำให้เรารู้สึกว่าเขานี่แหละ ก็มนุษย์แบบเราๆ
The Matrix ภาค 4 Resurrections เป็นการกลับมาของ The Matrix ที่ไม่ผิดหวังจริงๆสำหรับผม เติมเต็มเรื่องราวได้ดีทีเดียว หนังเรื่องนี้คือคำตอบของอนาคตจากไตรภาคเดิมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ถ้าให้ย่อเรื่องแบบสั้นๆไม่สปอยล์ ผมก็จะบอกว่า
หนังเรื่องนี้คือเรื่องราวของคนสองคนที่รักกัน และจะไม่ยอมให้อะไรมาแยกจากกัน ซึ้งแท้
หลังจากที่ดูจบ รู้สึกว่า The Matrix ยังสามารถที่จะไปต่อได้ หรือจะจบแบบนี้ก็ยังได้ ซึ่งผมว่าจบแบบนี้ก็ดีนะ ชอบตอนจบมากๆ เพื่อนๆลองไปดูกันนะครับ
เขียนเสร็จแล้วครับ ยาวไหมนะ ไว้ผมไปดูอีกรอบแบบพากย์ไทยในระบบปกติ จะมาเขียนรีวิวและอธิบายแบบสปอยล์เต็มที่ครับ หากข้อมูลผิดพลาดตรงไหน ขอโทษด้วยครับผม ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป.ล. รู้สึกว่า มอร์เฟียสในภาคนี้มีบทแค่แรกๆ หลังๆเหมือนหายไปเลย และยังมีอยู่หลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ไว้อีกกระทู้ก็แล้วกัน ที่แน่ๆ Jessica Henwick ที่รับบทเป็น Bugs เล่นได้ดีไม่แพ้ Keanu Reeves และ Carrie-Anne Moss เลย
The Matrix Resurrections พูดคุยหลังดูจบ - หนังที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความรัก (no spoil)
แต่สำหรับคนที่คาดหวังว่าจะได้เปิดโลกใหม่ๆใน The Matrix หรือหวังว่าจะได้ชมฉากแอ็คชั่นมันส์ๆแบบสองภาคหลัง อาจจะผิดหวังกันนิดนึงครับ เพราะไม่ค่อยเปิดเผยเนื้อหาอะไรที่มันกว้างขึ้นมากนัก แต่จะเน้นเติมเต็มในสิ่งที่มีอยู่แล้วเสียมากกว่า ในมุมมองของผมนะครับ ผมมองว่าเป็นหนังรัก หนังแฟนเซอร์วิสดีกว่า เพราะเนื้อหาเน้นไปที่สองคนนี้ครับ และผมค่อนข้างที่จะชอบพัฒนาการของตัวละครทั้งสามคน ทั้งนีโอ ทรินิตี้ และเอเจ้นท์สมิธพอสมควร
โดยเนื้อหาที่นำเสนอในภาคนี้ สดใหม่สำหรับผมนะ ทีแรกนึกว่าจะเล่นกับอะไรเดิมๆ ได้บู๊กับเหล่า Ai แบบแหลกลาญเหมือนเดิม+ใช้พล็อตเดิมๆ อะไรแบบนั้น ซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นแบบนั้นแค่ตอนแรกๆเท่านั้น ให้แฟนๆพอหายคิดถึง ภาคนี้คุณจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกไซออน รวมไปถึงตัว นีโอ และ ทรินิตี้ คนรักของเขา หลังจากที่เราได้รู้ว่าตอนท้ายของภาคก่อนหน้านี้นั้น ทั้งคู่นั้นน่าจะตายไปแล้ว แต่ทำไมถึงกลับมาได้อีกครั้ง แถมจากตัวอย่างเหมือนว่าทั้งคู่อยู่ในโลก The Matrix อีกแล้ว สิ่งที่นีโอทำในตอนท้ายของภาค Revolutions นั้นจะสูญเปล่างั้นหรือ? ต้องไปหาคำตอบกันในหนังครับ
เนื้อหาในช่วงแรกๆ สำหรับผมค่อนข้างทำออกมาดี เพราะมันทำให้คนดูหลายคนฉุกคิดคาโรงกันเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น? "อะไรคือเรื่อง จริง และ ไม่จริง กันแน่!?" แม้กระทั่งคนดูยังสับสน ส่วนผมเครียดตาม
การเล่าเรื่องของภาคนี้ เราจะไม่ได้ไปสำรวจโลกของเดอะแมทริกซ์มันมากนัก เพราะภาคนี้ค่อนข้างที่จะไปเน้นที่การเล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของตัว "นีโอ" อยู่พอสมควร และเป็นภาคที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่นีโอมีให้ต่อ "ทรินิตี้" อีกครั้ง ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน ถ้าผมจะเรียกว่านี่คือหนังรักมากกว่าหนังไซไฟ ก็คงไม่ผิดมากนัก เพราะพลังแห่ง ความรัก นี่แหละ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ไตรภาคแรกแล้ว
ฉากแอ็คชั่นไม่ได้ดุเดือด อลังการงานสร้าง เหาะสู้กันเหมือนภาคก่อนๆ (มีนะ แค่ไม่เว่อร์ อารมณ์แบบตอนนีโอปลดปล่อยพลังตัวเองได้ในตอนกลาง-ท้ายของภาคแรก ไม่ได้เว่อร์แบบภาค 2-3 ครับ ที่สู้กับสายลับเป็นร้อยเป็นพัน) อย่างที่บอกครับ เน้นอารมณ์กับความรู้สึกของทั้งสองตัวละครเป็นหลัก แต่ CG ยังสุดยอดเหมือนเดิม
ตัวละครประกอบก็มีมิตินะ แม้กระทั่งพวกเพื่อนๆของสาวบั้ค บทไม่ได้แค่มายืนประกอบฉากเหมือนภาคแรก มีบทเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่ทำให้ผมคาดไม่ถึงว่าพวกนั้นจะ (สปอยล์)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้งฉากเสียดสีหนังของตัวเอง ฉากมุขตลกที่มีมากขึ้นและดูไม่ยัดเยียด ทั้งๆที่ไตรภาคก่อนจะเน้นไปที่ความรักและความสิ้นหวัง แต่ภาคนี้ต่างออกไป ธีมดูสดใสกว่าเดิม (ไม่ใช่โลกสีเขียวๆอีกแล้ว) มีความทันสมัยขึ้น เหมือนยุคปัจจุบันของเราๆ และการออกจากเดอะแมทริกซ์นั้นไม่เหมือนเดิมอีกด้วยครับ
เอาจริงๆมีหลายสิ่งที่กังวลก่อนดู ตัวอย่างเช่น ผกก.จะทำ The Matrix ให้ออกมาดีได้เหมือนเดิมไหม หลังจากผ่านภาคแรกมาแล้ว 20ปี , ภาค4 จะเล่นเรื่องอะไรได้อีกถ้าใช้นักแสดงเดิม ต่อให้ดึงนีโอกับทรินิตี้กลับมา ละจะกลับมาได้ยังไงในเมื่อมันจบแบบนั้นในภาคที่3แล้ว , อีกทั้งภาพโปสเตอร์ก็ไม่ค่อยดึงดูดสำหรับผมเอาซะเลย คือเรื่องราวมันจบแบบนั้นก็โอเคแล้ว มาสานต่อกลัวจะไม่โอเคเหมือนกัน แต่ส่วนตัวผมหลังจากดูจบ ผมว่ามันไม่ได้แย่ ถ้าเราไม่ได้คาดหวังกับมันมากว่า ภาค4 กลับมาทั้งทีต้องอลัง มีฉากแอ็คชั่นเยอะๆ หรือสำรวจโลกแมทริกซ์มากขึ้น หากเราไม่ได้คาดหวังตรงนี้ ก็ดูเพลินดีเหมือนกันนะครับ
ถ้าคนที่ไม่เคยดูมาก่อนเลย หากถามว่าควรดูภาคไหนมาบ้าง เพื่อที่จะได้ดูเรื่องนี้เข้าใจ จริงๆถ้าดูแค่ภาค1มาแล้วเพื่อให้เข้าใจว่าอะไรคือ Matrix ก็โอเคอยู่ครับ ดีกว่าไม่ได้ดูมาเลย เพราะคุณจะงงแน่ๆ แต่ที่แน่ๆถ้าพอจะมีเวลา ควรไปดูทั้งสามภาคมาก่อน เพราะมันแอบแฟนเซอร์วิสคนที่เคยดูไตรภาคมาแล้ว เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาค 3 เลย อะไรทิ้งปมไว้ในไตรภาคก่อน จะมาเปิดเผยบางส่วนในภาคนี้ รวมไปถึงหลายตัวละครจากไตรภาคเก่า ที่ไม่ใช่แค่นีโอกับทรินิตี้ จะได้กลับมาด้วยครับ แอบเซอร์ไพรส์ (และคาดไม่ถึงกับตัวละครนึง) สุดๆ
ผมชอบที่เราจะได้เห็นมุมของนีโอ ในมุมที่เรายังไม่เคยเห็นมาก่อนในไตรภาคเดิม มันยิ่งทำให้ตัวละครมีมิติมากขึ้นไปอีก ทั้งความรู้สึกที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรจริงหรืออะไรไม่จริง และความดิบเถื่อนไม่แคร์คนอื่นที่เราไม่ได้เห็นเขานานแล้ว ตั้งแต่เขาบรรลุตัวเองในโลกแมทริกซ์ เขาดูเหมือนจะเป็นอีกคนไปเลย นิ่งๆ มาดเข้ม แถมเก่งเกินต้าน ทุกคนคงนึกภาพนีโอในลุคนั้นออกอยู่แล้ว แต่ภาคนี้สิ่งเหล่านั้นกลับหายไปหมด กลับมาเป็นมิสเตอร์แอนเดอร์สันเหมือนเดิม (ที่อาจจะสิ้นหวังกว่าเดิมอีก) แต่แบบนี้หล่ะที่ผมชอบ เพราะทำให้เรารู้สึกว่าเขาจับต้องได้ ทำให้เรารู้สึกว่าเขานี่แหละ ก็มนุษย์แบบเราๆ