จากการที่ผมเล่นๆ กับหุ้นมา 6 ปี เฉลี่ยทุนอยู่ที่ไม่เกิน 100,000 บาท จึงได้เรียนรู้ประสบการณ์ รู้แนวทางตนเองว่า กำไรนั้น มีแต่เงินปันผลเท่านั้นเมื่อเรายังลงทุนอยู่ ผมจึงได้ทดลองลงทุนจริงๆ ในปีที่ 1. ก่อนเกษียณด้วยเงิน 1 แสนนั้นและเพิ่มทุนไปเล็กน้อยประมาณ 5 หมื่น หรือน้อยกว่านั้นตีว่า 5 หมื่น ผมก็ได้ผลตามภาพ
ก็ได้ผลตามเป้าว่า ต้องได้ปันผลปีละ > 4 % ก็คือผมทำได้ แน่นอน ผมได้ถึง 5.7 % และพอร์ตกำไรเป็น + (แต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร) ผมประเมินว่าปีต่อไป 2563 เมื่อเคลียร์เงินทุกอย่าง ผมจะลงทุนเพิ่มเป็น 5 แสน สองพอร์ต
ต้นปี 2563 ก็ไปได้สวย แต่เพิ่มทุนน้อยๆ อยู่ เพราะยังอยู่ในระยะจัดสรรเงินเกษียณที่เหลือน้อย 7-8 แสนบาท เมื่อโปะคอนโดหมด 3 แสนกว่าแล้ว และซื้อผ่อนรถมือสอง 3 ปี ราคา 3.8 แสน ให้ลูกคนเล็ก จ่ายเงินสดไป 2 แสน รวมโน้นนี้นั้นเหลือผ่อน 2 แสน จิ้บๆ เพราะแชรผ่อนกับภรรยาคนละครี่ง 2,500 ต่อเดือน เมื่อปลายปี 2562 มาดูผลตอบแทนปันผลหุ้นปี 2563
พิมพ์เพิ่มกลัวเห็นไม่ชัด... ทุนยกมา 150,000 บาท ผมได้เพิ่มทุนเป็น 500,000 บาท ก่อนวิกฤตโควิด แล้วก็ค่อยๆ ถอนออกมาจนเหลื่อประมาณ 100,000 บาทเมื่อถึงวิกฤต set ประมาณ 900 จุด ขาดทุนไปประมาณ 4-5 หมื่นบาท หลังจากนั้นผมใช้ประสบการณ์ตอนเล่นๆ มาซื้อขายสับเปลี่ยนหุ้นไล่กินปันผลฟรี เพราะ set กำลังกลายเป็นขาขี้น ลูกสาวก็บอกว่าพ่อ ถ้าลูกมีเงินสดในมือจะซ้อนซื้อหุ้นดีๆ ให้หมด เหมือนบอกให้ผมซื้อ แต่ผมคนเกษียณแล้ว มีเงินเพียง 8 แสน และขาดทุนไป 4-5 หมื่นบาท แค่นี้ก็ผวาแล้ว ต้องรักษาเงินก้อนนี้อย่างดียิ่ง ผมจึงใช้วิธีสับเปลี่ยนหุ้นไล่กินปันผลฟรี ผมคิดว่าผมได้ทยอยเพิ่มทุนไปน่าจะ 4 หมื่นบาท เพราะความไม่กล้าเสี่ยงยังมีอยู่มากเป็น 1.4 แสนบาท และพอร์ตเป็น + ประมาณ 10%
เป็นปีที่คิดทุนยากมาก เพราะทุนที่เพิ่มถึง 5 แสนนั้นทยอยเพิ่มในระยะเวลา 2-3 เดือนต้องรีบถอยกลับ เหลือไว้ 1 แสนบาท
ถ้าคิดทุนที่เหลือปลายปี 1.4 แสนบาท จากปันผลทั้งปี 14,013 บาท ก็ได้กำไรปันผล 10 %
ถ้าคิดทุนเฉลี่ยปลายปี 2.5 แสน ก็ได้ปันผล 5.6 %
แต่ขาดทุนเงินสดที่ผมถอนออกมา 4-5 หมื่นบาท นั้นยกไปปี 2564 กับพอร์ตกำไร + 10%
เมื่อขึ้นปี 2564 ผมก็เริ่มใจกล้าเอาเงินเข้าพอร์ต ดูเฉพาะของพอร์ต กสิกรไทยนั้นครับ ถึงเดือน 4/2521 ผมเอาเงินสดเข้าพอร์ต 27,500 บาท ดังภาพ
เพราะในเดือน 7 ทุนอยู่ที่ 1.7 แสนบาท เอาภาพเก่ามาใช้
ทุนยกมาประมาณ 1.4 แสนกับ เอาเงินสดเข้า 27,500 บาท = 167,500 บาท และรวมทั้งปีผมเอาทุนเข้าไปในพอร์ค กสิกรไทย 75,000 บาท
รวมทุนทั้งหมดปี 2564 คือ 140,000+75,000 = 215,000 บาท
และตลอดปี 2564 ผมใช้วิธี
1.เลื่อกหุ้นพื้นฐานดี ปันผลดี 4 - 5 % ขึ้นไป ราคายังต่ำหรือกลางๆ ซื้อเก็บ แต่ก็แหล่ตามองหุ้นปั่นบ้าง และหุ้นพึ่งเข้าทำกำไรได้นิดหน่อย
2.เมื่อหุ้นตกเยอะ จับคู่ขาย หุ้นตัวที่เป็น บวก กับตัวที่เป็น ลบ เพื่อรักษาพอร์ตที่เป็น + และรักษากำไรขาดทุนย้อนหลัง
3.เมื่อหุ้นตกเยอะ จะขายเอากำไรไว้ก่อน ที่ปันผลน้อย และหาหุ้นตามข้อ 1 เป็นการสับเปลี่ยนหุ้น ที่ปันผลดีและเสกียรขึ้น
แต่หุ้นบางตัวผิดจังหวะแล้วผิดจังหวะอีก ขาดทุน ตัวนั้นยาว ทั้งที่รู้นิสัยหุ้นแต่กลับไม่เข้ากับนิสัยเราในการซื้อขาย เสียแล้วเสียอีก และผมยังขายหมูดังภาพข้างบน ต่อไปเป็นภาพซื้อขายกำไรขาดทุน จะได้เห็นพฤติกรรมการซื้อขายของผมมากขึ้น
คือผมได้กำไรเงินสดเป็นทุนในพอร์ตตลอดปี 18,088.37 บาทหรือ 5.02 %
และ ภาพ 2 พอร์ตล่าสุด คือ
จากภาพ ผมได้กำไรในพอร์ตทั้งหมด 18,088.37 + 22,254.14 + 16066.51 = 56,409.02 บาท ในปี 2564
ผมจึงถือว่า กำไรในพอร์ต 22,254.14 + 16,066.51 +10,000 = 48,260.65 บาท ชดเชยที่ขาดทุนเงินสดไปปี 2563 ครับ
จึงเหลือกำไร เป็นทุนในพอร์ต เท่ากับ 8,088.37 บาทของปีนี้
และผมได้ปันผลมาแล้วตลอดปี 2564 เหลือหุ้นอีกปันผลอีก 2 ตัว ดังภาพข้างล่าง
เป็นอันว่าผมได้กำไรปันผลปีนี้ 13,767.64 บาท + กำไรขาดทุนเมื่อหักชดเชยขาดทุนของปี 2563 ไปแล้วได้ 8,088.37 = 21,856.01 บาท
จากทุนรวมใน 2 พอร์ต 223,000 + 89,389.49 = 312,389.49 บาท
ดังนั้นปี 2564 ผมได้กำไร 7 % (คือ 21,856.01X100/312,389.49 = 6.9974%)
หรือรวม 3 ปีผมได้กำไรมาแล้ว 8,549.58+14,013+21,856.01 = 44,421.01 บาท
(กลับเข้าไปเป็นเงินเก็บทั้งหมด เพราะผมมีรายได้แบบแทบไม่ต้องทำงาน พอจ่ายตามอุปนิสัยอยู่แล้ว แถมยังเหลือเข้าไปเก็บเสียอีก)
หมายเหตุ เงินปันผลผมคิดเต็มแบบไม่หักภาษีเลยเพราะผมมีรายได้รวมแล้ว ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีเล็กน้อย จึงได้เคลมภาษีคืนทั้งหมด หลังเกษียณ เพราะผมผลักรายได้ทำงานแบบคนแก่ส่วนหนึ่งไปให้ลูกคนเล็กรับช่วงต่อ เขาจะเปลื่ยนสายอาชีพที่ใช้ภาษา มาเป็นสายอาชีพ it (it ซัพพอร์ตคอมพิวเตอร์และระบบ)
ผลการลงทุนในหุ้นช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากเล่นๆ กับมันมา 6 ปี ก็ได้ผลดีคือโดยเฉลี่ยใน 3 ปีมีกำไร ได้ปันผล > 4 % ตามเป้า
ก็ได้ผลตามเป้าว่า ต้องได้ปันผลปีละ > 4 % ก็คือผมทำได้ แน่นอน ผมได้ถึง 5.7 % และพอร์ตกำไรเป็น + (แต่จำไม่ได้ว่าเท่าไหร) ผมประเมินว่าปีต่อไป 2563 เมื่อเคลียร์เงินทุกอย่าง ผมจะลงทุนเพิ่มเป็น 5 แสน สองพอร์ต
ต้นปี 2563 ก็ไปได้สวย แต่เพิ่มทุนน้อยๆ อยู่ เพราะยังอยู่ในระยะจัดสรรเงินเกษียณที่เหลือน้อย 7-8 แสนบาท เมื่อโปะคอนโดหมด 3 แสนกว่าแล้ว และซื้อผ่อนรถมือสอง 3 ปี ราคา 3.8 แสน ให้ลูกคนเล็ก จ่ายเงินสดไป 2 แสน รวมโน้นนี้นั้นเหลือผ่อน 2 แสน จิ้บๆ เพราะแชรผ่อนกับภรรยาคนละครี่ง 2,500 ต่อเดือน เมื่อปลายปี 2562 มาดูผลตอบแทนปันผลหุ้นปี 2563
พิมพ์เพิ่มกลัวเห็นไม่ชัด... ทุนยกมา 150,000 บาท ผมได้เพิ่มทุนเป็น 500,000 บาท ก่อนวิกฤตโควิด แล้วก็ค่อยๆ ถอนออกมาจนเหลื่อประมาณ 100,000 บาทเมื่อถึงวิกฤต set ประมาณ 900 จุด ขาดทุนไปประมาณ 4-5 หมื่นบาท หลังจากนั้นผมใช้ประสบการณ์ตอนเล่นๆ มาซื้อขายสับเปลี่ยนหุ้นไล่กินปันผลฟรี เพราะ set กำลังกลายเป็นขาขี้น ลูกสาวก็บอกว่าพ่อ ถ้าลูกมีเงินสดในมือจะซ้อนซื้อหุ้นดีๆ ให้หมด เหมือนบอกให้ผมซื้อ แต่ผมคนเกษียณแล้ว มีเงินเพียง 8 แสน และขาดทุนไป 4-5 หมื่นบาท แค่นี้ก็ผวาแล้ว ต้องรักษาเงินก้อนนี้อย่างดียิ่ง ผมจึงใช้วิธีสับเปลี่ยนหุ้นไล่กินปันผลฟรี ผมคิดว่าผมได้ทยอยเพิ่มทุนไปน่าจะ 4 หมื่นบาท เพราะความไม่กล้าเสี่ยงยังมีอยู่มากเป็น 1.4 แสนบาท และพอร์ตเป็น + ประมาณ 10%
เป็นปีที่คิดทุนยากมาก เพราะทุนที่เพิ่มถึง 5 แสนนั้นทยอยเพิ่มในระยะเวลา 2-3 เดือนต้องรีบถอยกลับ เหลือไว้ 1 แสนบาท
ถ้าคิดทุนที่เหลือปลายปี 1.4 แสนบาท จากปันผลทั้งปี 14,013 บาท ก็ได้กำไรปันผล 10 %
ถ้าคิดทุนเฉลี่ยปลายปี 2.5 แสน ก็ได้ปันผล 5.6 %
แต่ขาดทุนเงินสดที่ผมถอนออกมา 4-5 หมื่นบาท นั้นยกไปปี 2564 กับพอร์ตกำไร + 10%
เมื่อขึ้นปี 2564 ผมก็เริ่มใจกล้าเอาเงินเข้าพอร์ต ดูเฉพาะของพอร์ต กสิกรไทยนั้นครับ ถึงเดือน 4/2521 ผมเอาเงินสดเข้าพอร์ต 27,500 บาท ดังภาพ
เพราะในเดือน 7 ทุนอยู่ที่ 1.7 แสนบาท เอาภาพเก่ามาใช้
ทุนยกมาประมาณ 1.4 แสนกับ เอาเงินสดเข้า 27,500 บาท = 167,500 บาท และรวมทั้งปีผมเอาทุนเข้าไปในพอร์ค กสิกรไทย 75,000 บาท
รวมทุนทั้งหมดปี 2564 คือ 140,000+75,000 = 215,000 บาท
และตลอดปี 2564 ผมใช้วิธี
1.เลื่อกหุ้นพื้นฐานดี ปันผลดี 4 - 5 % ขึ้นไป ราคายังต่ำหรือกลางๆ ซื้อเก็บ แต่ก็แหล่ตามองหุ้นปั่นบ้าง และหุ้นพึ่งเข้าทำกำไรได้นิดหน่อย
2.เมื่อหุ้นตกเยอะ จับคู่ขาย หุ้นตัวที่เป็น บวก กับตัวที่เป็น ลบ เพื่อรักษาพอร์ตที่เป็น + และรักษากำไรขาดทุนย้อนหลัง
3.เมื่อหุ้นตกเยอะ จะขายเอากำไรไว้ก่อน ที่ปันผลน้อย และหาหุ้นตามข้อ 1 เป็นการสับเปลี่ยนหุ้น ที่ปันผลดีและเสกียรขึ้น
แต่หุ้นบางตัวผิดจังหวะแล้วผิดจังหวะอีก ขาดทุน ตัวนั้นยาว ทั้งที่รู้นิสัยหุ้นแต่กลับไม่เข้ากับนิสัยเราในการซื้อขาย เสียแล้วเสียอีก และผมยังขายหมูดังภาพข้างบน ต่อไปเป็นภาพซื้อขายกำไรขาดทุน จะได้เห็นพฤติกรรมการซื้อขายของผมมากขึ้น
คือผมได้กำไรเงินสดเป็นทุนในพอร์ตตลอดปี 18,088.37 บาทหรือ 5.02 %
และ ภาพ 2 พอร์ตล่าสุด คือ
จากภาพ ผมได้กำไรในพอร์ตทั้งหมด 18,088.37 + 22,254.14 + 16066.51 = 56,409.02 บาท ในปี 2564
ผมจึงถือว่า กำไรในพอร์ต 22,254.14 + 16,066.51 +10,000 = 48,260.65 บาท ชดเชยที่ขาดทุนเงินสดไปปี 2563 ครับ
จึงเหลือกำไร เป็นทุนในพอร์ต เท่ากับ 8,088.37 บาทของปีนี้
และผมได้ปันผลมาแล้วตลอดปี 2564 เหลือหุ้นอีกปันผลอีก 2 ตัว ดังภาพข้างล่าง
เป็นอันว่าผมได้กำไรปันผลปีนี้ 13,767.64 บาท + กำไรขาดทุนเมื่อหักชดเชยขาดทุนของปี 2563 ไปแล้วได้ 8,088.37 = 21,856.01 บาท
จากทุนรวมใน 2 พอร์ต 223,000 + 89,389.49 = 312,389.49 บาท
ดังนั้นปี 2564 ผมได้กำไร 7 % (คือ 21,856.01X100/312,389.49 = 6.9974%)
หรือรวม 3 ปีผมได้กำไรมาแล้ว 8,549.58+14,013+21,856.01 = 44,421.01 บาท
(กลับเข้าไปเป็นเงินเก็บทั้งหมด เพราะผมมีรายได้แบบแทบไม่ต้องทำงาน พอจ่ายตามอุปนิสัยอยู่แล้ว แถมยังเหลือเข้าไปเก็บเสียอีก)
หมายเหตุ เงินปันผลผมคิดเต็มแบบไม่หักภาษีเลยเพราะผมมีรายได้รวมแล้ว ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีเล็กน้อย จึงได้เคลมภาษีคืนทั้งหมด หลังเกษียณ เพราะผมผลักรายได้ทำงานแบบคนแก่ส่วนหนึ่งไปให้ลูกคนเล็กรับช่วงต่อ เขาจะเปลื่ยนสายอาชีพที่ใช้ภาษา มาเป็นสายอาชีพ it (it ซัพพอร์ตคอมพิวเตอร์และระบบ)