เสนอกระทู้ ก็เพื่อการพัฒนาเรียนรู้ไปด้วยกันกับท่านผู้อ่าน ของการลงทุนในหุ้นแบบคนมีอายุ หวังผลรายได้เพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อยหลังเกษียณไม่ทำงาน
เป็าหมายแต่เดิมของผมคือ ได้ซื้อที่ดินไว้เพื่อปลูกต้นไม้ ปลูกผัก เพาะเห็ดเป็นรายได้เพิ่ม เดือนละ 2-3 พันบาท และ/หรือเผื่อลูก 1 คนที่มีปัญหาในการเรียน ที่เรียนอาจไม่รอด สามารถปลูกผัก เพาะเห็ดเพื่อพออยู่ได้
แต่แล้วสำหรับลูกคนนั้นเปลี่ยนไปแล้วคือเขาเรียนจนจบปริญญาตรี แถมมีเกียรติ์นิยม2 ติดมือมาด้วย ปัญหานั้นก็จบไป
แต่เมื่อผมไปปลูกต้นไม้ ขุดดิน ถางหญ้า ผมก็เห็นสัตว์เล็กๆ แมลงต่างๆ โดนผมเบียดเบียนมากเกินไป มาตลอดไม่เหมาะกับผู้ถือศีล ปฏิบัติธรรม แต่ก็ยังฝืนทำเพราะจะเป็นอาชีพเสริมพอได้เงิน 2-3 พันต่อเดือนเมื่อเกษียณเพิ่มขึ้นมา ผมทุ่มเทกับมันพอควร จนผมเกิดสะโตร็ก ไขมันหรือลิ้มเลือดเข้าไปอุดต้นเส้นเลือดสมองอย่างเฉียบพลัน เข้าห้องไอชียู เป็นอัมพาต อัมพฤต 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นเปาะแปะถึง 4 ปี จึงหายเป็นปกติ (สาเหตุผมคิดว่า ผมไปถางหญ้าแห้งที่ยืนตาย ที่เกิดฝุ่นและสะเก็ดเล็กๆ ของหญ้าที่โดนผิวหนังแล้วมันจะปักเข้าไปเป็นขลุยๆ และระคายเคือง เป็นผื่น ด้วยไม่มีประสบการณ์ผมจึงไม่ได้ปิดจมูกหรือปาก ผมถางหญ้าช่วงเสาร์หรืออาทิตย์ ติดต่อกันเป็นเดิอน) ทำให้ผมต้องยุติการปลูกต้นไม้ไป 4 - 5 ปี
ช่วงที่ผมเกิดสะโตร็ก ลูกสาวคนโตก็กำลังเรียนจบ ป.ตรีวิศวกรรมคอมเกียรตินิยม2 พอดี และสนใจเรื่องเล่นหุ้น ซื้อหนังสือมาอ่านหลายเล่ม ผมก็เอามาอ่านบ้าง เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมจึงลองลงเล่นบ้าง ลงทุนไปประมาณ 3-4 หมื่น ผมขาดทุนย่อยยับ ส่วนลูกก็เลิกเล่นไปเพราะไม่มีเวลาเนื่องจากมุ้งไปที่งานประจำสร้างฐานะครอบครัวตัวเอง ผมก็ยังไม่เลิกเล่นหุ้น แม้ภรรยาก็บอกว่าเลิกเถอะ และน้องก็ห้ามขนาดคนแบ็งชาติเองลองเล่นแล้วขาดทุนเลิกไปหลายคนแล้ว แต่ผมกลับไม่ เพียงแต่เมื่อขาดทุนเกือบ 50 % ผมก็หยุดเคลื่อนไหว 7-8 เดือน ก็เท่านั้นเอง
พอหุ้นเริ่มขึ้น มาดูพอร์ตอีกทีกลับเกือบเสมอตัว ผมก็เริ่มเพิ่มทุนไปเกือบแสน เล่นกับมันตลอดทุกรูปแบบที่คิดได้แบบมวยวัด ก็พอเสมอตัวคือขาดทุนดอกเบี้ย ขาดทุนเงินต้นเล็กน้อยและเสียเวลา แต่ได้ความรู้กลับมาจน ครบเกือบ 7 ปี ก็ใกล้อายุ 60 ปี เกษียณแล้ว เงินทุนในพอร์ตก็อยู่ในระดับ 7-8-9 หมื่นบาท.
ผมจึงประมวลความรู้ประสบการณ์นั้นแบบเอาจริงถ้าทำไม่ได้ก็เล่นๆ มันต่อไป ถ้าทำได้ในเวลา 1 ปี ที่ทดลองได้ผลตอบแทน 4-5-6 % ต่อปี หรือ ทุน 1 ล้านได้ผลตอบแทน 4-5 พันต่อเดือน ก็จะลงทุนเพิ่ม จนเต็ม 5 แสนบาท ตามที่พอร์ตแคสบาลานกำหนดให้
ผมได้ทำการทดลงมา 1 ปี วงเงิน 7-8-9 หมื่นบาท ได้ผลตามเป้า
ดังนั้น เมื่อต้นปี มกราคม 2562 ผมเริ่มเพิ่มทุน - 30 เมษา ก็เป็น 1.5 แสน
สิ้นเดือนพฤษภาคม ก็เป็น 3 แสน และกันยายนนี้เป็น 4 แสน. กำไรในพอร์ต + กำไรขาดทุนในบัญชี + ปันผล น่าจะ 2 หมื่นกว่าบาทไปแล้ว
คือพอร์ตที่ผมถืออยู่แถบไม่ติดลบเลย บางครั้ง SET -10 เกือบ -20 ก็ไม่ติดลบ เพราะผมถือหุ้นกองทุน ไว้เป็นส่วนมาก ส่วนหุ้นพื้นฐานดี และหุ้นที่จะทำกำไรในพอร์ต และกำไรขาดทุนทางบัญชี เพื่อรักษาสมดุลย์ของเงินทุน และทุนในพอร์ตโตขึ้นได้บ้างจากกำไร (ผมก็พึงเข้าใจเรื่องกำไรขาดทุกทางบัญชีเป็นอย่างไร ก็เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง เพราะมัวแต่เล่นแบบลูกทุ่งมาตลอด ไม่มีความรู้ทางบัญชีเท่าไหร )
มาดูพอร์ตปัจจุบันก่อนเที่ยงของวันนี้ ก็ยังมีกำไรในพอร์ต 1.5 หมื่น บาท จากทุน 4 แสน
ต่อไปมาดู กำไรขาดทุนทางบัญชี (ส่วนนี้ก็มีความสำคัญ ต้องให้สมดุลย์ กันทั้ง กำไรขาดทุนในพอร์ต และกำไรขาดทุนทางบัญชี ในการลงทุน)
ซี่งก็มีกำไรอยู่ 3,837.41 บาท เป็นตัววัดว่า พอร์ตนี้ที่ลงทุนมา ตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 - 19 กันยายน 2562 มีกำไร ทางบัญชี
ยังไม่หมด ก็ต้องดู เงินปันผลว่า ปันผลมาเท่าไหรแล้ว ซึ่งข้อมูลปันผลใน 3 เดือน ที่โปรแกรมของธนาคารให้ไว้ดังนั.
ต้งแต่ 19/07/62 - 18/09/62 ได้ปันผลมาแล้ว 5,197 บาท นี้คือเงินที่ได้แน่ๆ เข้าบัญชีแน่นอนแล้ว แต่กำไรขาดทุนในพอร์ตนั้น นั้นยังเป็นเพียงมายา
แต่ถ้ารวมปันผล ตั้งแต่ เดือน 3 - 19/09/62 ที่ผมบันทึกไว้ ก็ได้ปันผล 9 พันกว่าบาทแล้ว ของการค่อยๆ เพิ่มทุ้นมาตามลำดับ
ซึ่งคนที่เกษียณแล้ว จึงมีเป้าอยู่ที่เงินปันผลเป็นหลักได้ 4-5-6 % ต่อปี ก็ยังดี แต่ต้องบริหารกำไรขาดทุนในพอร์ต และกำไรขาดทุนทางบัญชีไว้ให้ดี ก็จะเป็นการลงทุน ไม่เบียดเบียนกัน แบบบ่อนการพนัน
หมายเหตุ เป็นการแบ่งปันแชร์ ความรู้ เพื่อการลงทุน กันและกัน
ต่อไปผมจะเปรียบเทียบให้ดูว่าถ้า ผมเอาเงิน 400,000 บาท ฝากธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม สมมุติว่าธนาคารให้ดอกเบีย 1.5 % ต่อปี.
ในเวลา 9 เดือนผมจะได้ดอกเบี้ยเท่าไหร.
400,000 X (1.5/100) X (9/12) = 4,500 บาท
แต่ในหุ้นผมทยอยลงทุนจาก 8-9 หมื่นบาท เมื่อ 1 มกราคม จนถึง 15 กันยายน 2562 จนครบ 400,000 บาท เป็นเวลา 8.5 เดือน
ได้ปันผลมาแล้วปรมาณ 10,000 บาท ก็มากกว่าฝากธนาคารเป็นเท่าตัว
ถ้า บวก กำไรทางบัญชี 3,837.41 บาท = 13,837.41 บวก
ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยธนาคารถึง 3 เท่า ( 3 X 4,500 = 13,500 บาท)
ถ้าบวก กำไรในพอร์ต 15,000 บาท ซึ่งยังเป็นมายา(เพราะหุ้นขึ้นลงไม่แน่นอน) = 28,837.41
ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยฝากธนาคารถึง 6 เท่า (6 X 4,500 = 27,000 บาท) หรือ 1.5 X 6 = 8.5 % ต่อปี.
แต่หุ้นนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่าฝากเงินธนาคารมาก และต้องอาศัยประสบการณ์ความรู้ การวิเคราะห์ และต้องเฝ้าติดตามเป็นระยะ เพื่อให้ได้กำไรมากว่า 5% ต่อปี.
เมื่อพัฒนาการลงทุนในหุ้นจนชดเชยที่จะไปปลูกต้นไม้ปลูกผักเพาะเห็ดแบบจริงจังหลังเกษียณได้ไม่ต้องเบียดเบียนสัตว์ ที่ดินเหลือ
เป็าหมายแต่เดิมของผมคือ ได้ซื้อที่ดินไว้เพื่อปลูกต้นไม้ ปลูกผัก เพาะเห็ดเป็นรายได้เพิ่ม เดือนละ 2-3 พันบาท และ/หรือเผื่อลูก 1 คนที่มีปัญหาในการเรียน ที่เรียนอาจไม่รอด สามารถปลูกผัก เพาะเห็ดเพื่อพออยู่ได้
แต่แล้วสำหรับลูกคนนั้นเปลี่ยนไปแล้วคือเขาเรียนจนจบปริญญาตรี แถมมีเกียรติ์นิยม2 ติดมือมาด้วย ปัญหานั้นก็จบไป
แต่เมื่อผมไปปลูกต้นไม้ ขุดดิน ถางหญ้า ผมก็เห็นสัตว์เล็กๆ แมลงต่างๆ โดนผมเบียดเบียนมากเกินไป มาตลอดไม่เหมาะกับผู้ถือศีล ปฏิบัติธรรม แต่ก็ยังฝืนทำเพราะจะเป็นอาชีพเสริมพอได้เงิน 2-3 พันต่อเดือนเมื่อเกษียณเพิ่มขึ้นมา ผมทุ่มเทกับมันพอควร จนผมเกิดสะโตร็ก ไขมันหรือลิ้มเลือดเข้าไปอุดต้นเส้นเลือดสมองอย่างเฉียบพลัน เข้าห้องไอชียู เป็นอัมพาต อัมพฤต 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นเปาะแปะถึง 4 ปี จึงหายเป็นปกติ (สาเหตุผมคิดว่า ผมไปถางหญ้าแห้งที่ยืนตาย ที่เกิดฝุ่นและสะเก็ดเล็กๆ ของหญ้าที่โดนผิวหนังแล้วมันจะปักเข้าไปเป็นขลุยๆ และระคายเคือง เป็นผื่น ด้วยไม่มีประสบการณ์ผมจึงไม่ได้ปิดจมูกหรือปาก ผมถางหญ้าช่วงเสาร์หรืออาทิตย์ ติดต่อกันเป็นเดิอน) ทำให้ผมต้องยุติการปลูกต้นไม้ไป 4 - 5 ปี
ช่วงที่ผมเกิดสะโตร็ก ลูกสาวคนโตก็กำลังเรียนจบ ป.ตรีวิศวกรรมคอมเกียรตินิยม2 พอดี และสนใจเรื่องเล่นหุ้น ซื้อหนังสือมาอ่านหลายเล่ม ผมก็เอามาอ่านบ้าง เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมจึงลองลงเล่นบ้าง ลงทุนไปประมาณ 3-4 หมื่น ผมขาดทุนย่อยยับ ส่วนลูกก็เลิกเล่นไปเพราะไม่มีเวลาเนื่องจากมุ้งไปที่งานประจำสร้างฐานะครอบครัวตัวเอง ผมก็ยังไม่เลิกเล่นหุ้น แม้ภรรยาก็บอกว่าเลิกเถอะ และน้องก็ห้ามขนาดคนแบ็งชาติเองลองเล่นแล้วขาดทุนเลิกไปหลายคนแล้ว แต่ผมกลับไม่ เพียงแต่เมื่อขาดทุนเกือบ 50 % ผมก็หยุดเคลื่อนไหว 7-8 เดือน ก็เท่านั้นเอง
พอหุ้นเริ่มขึ้น มาดูพอร์ตอีกทีกลับเกือบเสมอตัว ผมก็เริ่มเพิ่มทุนไปเกือบแสน เล่นกับมันตลอดทุกรูปแบบที่คิดได้แบบมวยวัด ก็พอเสมอตัวคือขาดทุนดอกเบี้ย ขาดทุนเงินต้นเล็กน้อยและเสียเวลา แต่ได้ความรู้กลับมาจน ครบเกือบ 7 ปี ก็ใกล้อายุ 60 ปี เกษียณแล้ว เงินทุนในพอร์ตก็อยู่ในระดับ 7-8-9 หมื่นบาท.
ผมจึงประมวลความรู้ประสบการณ์นั้นแบบเอาจริงถ้าทำไม่ได้ก็เล่นๆ มันต่อไป ถ้าทำได้ในเวลา 1 ปี ที่ทดลองได้ผลตอบแทน 4-5-6 % ต่อปี หรือ ทุน 1 ล้านได้ผลตอบแทน 4-5 พันต่อเดือน ก็จะลงทุนเพิ่ม จนเต็ม 5 แสนบาท ตามที่พอร์ตแคสบาลานกำหนดให้
ผมได้ทำการทดลงมา 1 ปี วงเงิน 7-8-9 หมื่นบาท ได้ผลตามเป้า
ดังนั้น เมื่อต้นปี มกราคม 2562 ผมเริ่มเพิ่มทุน - 30 เมษา ก็เป็น 1.5 แสน
สิ้นเดือนพฤษภาคม ก็เป็น 3 แสน และกันยายนนี้เป็น 4 แสน. กำไรในพอร์ต + กำไรขาดทุนในบัญชี + ปันผล น่าจะ 2 หมื่นกว่าบาทไปแล้ว
คือพอร์ตที่ผมถืออยู่แถบไม่ติดลบเลย บางครั้ง SET -10 เกือบ -20 ก็ไม่ติดลบ เพราะผมถือหุ้นกองทุน ไว้เป็นส่วนมาก ส่วนหุ้นพื้นฐานดี และหุ้นที่จะทำกำไรในพอร์ต และกำไรขาดทุนทางบัญชี เพื่อรักษาสมดุลย์ของเงินทุน และทุนในพอร์ตโตขึ้นได้บ้างจากกำไร (ผมก็พึงเข้าใจเรื่องกำไรขาดทุกทางบัญชีเป็นอย่างไร ก็เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง เพราะมัวแต่เล่นแบบลูกทุ่งมาตลอด ไม่มีความรู้ทางบัญชีเท่าไหร )
มาดูพอร์ตปัจจุบันก่อนเที่ยงของวันนี้ ก็ยังมีกำไรในพอร์ต 1.5 หมื่น บาท จากทุน 4 แสน
ต่อไปมาดู กำไรขาดทุนทางบัญชี (ส่วนนี้ก็มีความสำคัญ ต้องให้สมดุลย์ กันทั้ง กำไรขาดทุนในพอร์ต และกำไรขาดทุนทางบัญชี ในการลงทุน)
ซี่งก็มีกำไรอยู่ 3,837.41 บาท เป็นตัววัดว่า พอร์ตนี้ที่ลงทุนมา ตั้งแต่ 1 มกราคม 2562 - 19 กันยายน 2562 มีกำไร ทางบัญชี
ยังไม่หมด ก็ต้องดู เงินปันผลว่า ปันผลมาเท่าไหรแล้ว ซึ่งข้อมูลปันผลใน 3 เดือน ที่โปรแกรมของธนาคารให้ไว้ดังนั.
ต้งแต่ 19/07/62 - 18/09/62 ได้ปันผลมาแล้ว 5,197 บาท นี้คือเงินที่ได้แน่ๆ เข้าบัญชีแน่นอนแล้ว แต่กำไรขาดทุนในพอร์ตนั้น นั้นยังเป็นเพียงมายา
แต่ถ้ารวมปันผล ตั้งแต่ เดือน 3 - 19/09/62 ที่ผมบันทึกไว้ ก็ได้ปันผล 9 พันกว่าบาทแล้ว ของการค่อยๆ เพิ่มทุ้นมาตามลำดับ
ซึ่งคนที่เกษียณแล้ว จึงมีเป้าอยู่ที่เงินปันผลเป็นหลักได้ 4-5-6 % ต่อปี ก็ยังดี แต่ต้องบริหารกำไรขาดทุนในพอร์ต และกำไรขาดทุนทางบัญชีไว้ให้ดี ก็จะเป็นการลงทุน ไม่เบียดเบียนกัน แบบบ่อนการพนัน
หมายเหตุ เป็นการแบ่งปันแชร์ ความรู้ เพื่อการลงทุน กันและกัน
ต่อไปผมจะเปรียบเทียบให้ดูว่าถ้า ผมเอาเงิน 400,000 บาท ฝากธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม สมมุติว่าธนาคารให้ดอกเบีย 1.5 % ต่อปี.
ในเวลา 9 เดือนผมจะได้ดอกเบี้ยเท่าไหร.
400,000 X (1.5/100) X (9/12) = 4,500 บาท
แต่ในหุ้นผมทยอยลงทุนจาก 8-9 หมื่นบาท เมื่อ 1 มกราคม จนถึง 15 กันยายน 2562 จนครบ 400,000 บาท เป็นเวลา 8.5 เดือน
ได้ปันผลมาแล้วปรมาณ 10,000 บาท ก็มากกว่าฝากธนาคารเป็นเท่าตัว
ถ้า บวก กำไรทางบัญชี 3,837.41 บาท = 13,837.41 บวก
ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยธนาคารถึง 3 เท่า ( 3 X 4,500 = 13,500 บาท)
ถ้าบวก กำไรในพอร์ต 15,000 บาท ซึ่งยังเป็นมายา(เพราะหุ้นขึ้นลงไม่แน่นอน) = 28,837.41
ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยฝากธนาคารถึง 6 เท่า (6 X 4,500 = 27,000 บาท) หรือ 1.5 X 6 = 8.5 % ต่อปี.
แต่หุ้นนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่าฝากเงินธนาคารมาก และต้องอาศัยประสบการณ์ความรู้ การวิเคราะห์ และต้องเฝ้าติดตามเป็นระยะ เพื่อให้ได้กำไรมากว่า 5% ต่อปี.