สวัสดีคะ จะขอเล่าเรื่องน้องชายให้ฟัง แล้วอยากรู้ความคิดเห็นของทุกท่านมีใคร มีน้องชายแบบคล้ายๆเราบ้าง แล้วทำอย่างไร ปรับปรุงอย่างไรให้ดีขึ้น
ก่อนอื่น ต้องบอกที่บ้านมีกัน 5 คน พ่อ แม่ ลูกสาว 2 คน และน้องชาย เป็นคนเล็กสุดของบ้าน สมัยเด็กๆ เราเล่นด้วยกัน คุยหยอกล้อกัน สนุกสนาน หัวเราะด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกันในบ้าน น้องชายเป็นคนคุยเก่ง ยิ้มง่าย ร่าเริง เราก็เป็นพี่น้องที่บางครั้งมีทะเลาะกันบ้าง ตามประสา แต่วันรุ่งขึ้นก็ลืม ตามสไตล์เด็กๆ ไม่คิดมาก
พอเริ่มมัธยม 2 ซึ่งอายุเริ่ม 13-14 ขวบ น้องชายเริ่มเป็นหนุ่มขึ้น มีความสุขุมมากขึ้น เริ่มเงียบ แต่ก็คุยเล่นกันปกติ จนมีเหตุการณ์ที่รุนแรงครั้งนึง (รายละเอียดนิดนึงนะคะ เพราะอันนี้เป็นจุดเปลี่ยน) คือ เรื่องแย่งกันเข้าห้องน้ำ พี่สาวปวดท้องหนัก ระหว่างทางกลับบ้าน รถติดมาก อั้นมาตลอด พอมาถึงบ้านกะจะเข้าห้องน้ำ น้องชายก็ชิงเข้าไปก่อน พี่สาวด้วยความที่ปวดมากก็โกรธ แต่พอน้องชายออกมา ทำหน้าทะเล้นใส่ เลยมีการตีกัน พี่สาวข่วนหน้าน้องชายเป็นรอยยาวเลือดออก ตอนนั้นแม่โกรธพี่สาวมาก พังประตูห้องน้ำ จะทำโทษ พอพี่สาวออกมา พ่อเลยใช้เข็มขัดฟาดที่ก้น เพื่อเป็นการลงโทษ การทะเลาะครั้งนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไม่เหมือนเดิมอีกเลย ไม่มีการเล่นกัน ถามคำตอบคำ ไม่มีการพูดคุยกันแบบแต่ก่อน
พอเวลาผ่านโรยไป ด้วยความเด็ก เราก็คิดว่า เด่วน้องชายเราก็ดีขึ้น เราก็พยายามทำตัวเป็นกลาง คุยกับน้อง พยายามเข้าหา แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง ก็จะสนิทกับพี่สาวมากกว่า เพราะนอนห้องเดียวกันด้วยตั้งแต่เด็ก กลับกลายเป็นว่า น้องชายไม่พูด ไม่ทัก เวลาอยู่กับครอบครัว กับเวลาอยู่กับเพื่อน ต่างกันอย่างกับคนละคน อยู่กับเพื่อนจะคุยเยอะ เล่นมุก แต่ครอบครัว ไม่พูด เก็บตัวอยู่บนห้อง เจอหน้าแค่ตอนกินข้าวเท่านั้น
น้องชายทำงานต่างประเทศ 2-3 ปี ไม่เคยโทรหาพ่อแม่เลย มีแต่พ่อกับแม่ต้องทักไลน์ไปหา ถึงจะตอบ กับพี่สาวทั้ง 2 คงไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยติดต่อ จนทุกวันนี้ น้องชายอายุ 30 ปี ยังเก็บตัวเงียบ งานบ้านไม่เคยช่วยพ่อแม่ กินข้าวเสร็จ จานตัวเองยังไม่ล้าง ไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากเล่นเกม ดูหนังที่ห้อง ทำงานที่ห้อง (WFH) แค่นั่น แล้วชอบมีอารมณ์ฉุนเฉียวกับครอบครัว คนที่น้องชายคุยเยอะที่สุดคงจะเป็นแม่เท่านั้น ในครอบครัว แต่ไม่ได้คุยอะไรมาก ถามคำ ตอบคำ
จริงๆไม่รู้นะ ว่าคิดมากรึป่าว ที่ว่าเหตุการณ์เรื่องแย่งห้องน้ำกันนั้น จะมีผลทำให้น้องชายกลายเป็นคนแบบนี้ แต่มีช่วงนึง เราไปเที่ยวกันกับญาติพี่น้อง น้องชายก็เงียบ ไม่พูด ไม่คุย ถามคำตอบคำ แบบรู้สึกเหมือนไม่รักครอบครัว ไม่มีความสัมพันธ์ร่วมกันเลย เวลาผ่านไป 15 ปี น้องชายไม่เคยแชร์อะไรให้ที่บ้านฟังเลย ทั้งเรื่องงาน เรื่องทุกอย่าง เก็บตัวเงียบ เหมือนอยู่คนเดียวบนโลก วันๆอยู่แต่ห้อง ตัวซีด แม่ต้องค่อยเรียกกินข้าว เวลาใช้ให้ทำอะไร ถึงจะทำ จะไม่เคยเสนอตัวมาช่วยอะไรทั้งนั้น ไม่มีน้ำใจ และเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านก็ไม่เคยช่วยออกนะ แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร จริงๆน้องชายเป็นคนที่ได้เงินเดือนเยอะที่สุดในบ้าน ทั้งหน้าที่การงาน เคยให้เงินพ่อแม่ใช้ทุกเดือน ให้อยู่ 2 ปี แต่ก็ไม่ได้ให้มา 3 ปีแล้ว แล้วไม่ได้ให้อีกเลย
เราแค่รู้สึกว่าทำไมน้องชายถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ ฟังจากพี่สาว ฟังจากพ่อเล่าให้ฟัง รู้สึกผู้ชายอายุ 30 น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว คิดถึงอนาคต ตั้งตัว อย่างน้อยทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบให้มากขึ้น เพราะเราตอนอายุ 30 ปี เรามีครอบครัว ซื้อบ้าน มองอนาคตว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร พ่อเราก็เงียบ คือพ่อเล่าความรู้สึกให้ฟังว่า ลูกคนเล็กโตมากแล้ว น่าจะคิดอะไรได้บ้าง พ่อเคยพูดเตือนสติเรื่องเล่นเกม อย่านอนดึก และรักษาสุขภาพ แต่ก็เหมือนหูทวนลม แม่ซึ่งเป็นคนที่โอ้น้องชายเรามาก เพราะลูกคนเล็ก ยังทำตัวเหมือนน้องชายเราอายุ ไม่ถึง 20 ปี ต้องหาอาหาร ทำกับข้าว ต้องคอยไปเรียกลงมากินข้าวทุกครั้ง ทุกมื้อ แม่เราซักผ้าให้ตลอด ตากผ้า ทำทุกอย่างให้น้องชาย เราไม่ได้อิจฉานะ เพราะเราเคยเป็นคนช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านทุกอย่างมาก่อน แต่เราแยกครอบครัวออกมา อยู่ไกล ตอนนี้แม่กับพ่อเราทำกัน และพี่สาวมาทำบ้าง บางครั้งที่กลับบ้าน
จากที่เล่ามาก็ทั้งหมด เป็นสิ่งที่เราคิดว่า เราไปทำอะไรให้น้องชายเป็นแบบนั้น ครอบครัวหนักใจ แต่ก็ได้แต่ปล่อยผ่าน ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่เคยมีใครเข้าไปคุยจริงจัง เพราะด้วยความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน เลยไม่มีใครเข้าไปคุยกับน้องชาย และคิดว่าน้องชายก็ไม่อยากคุยด้วย เพราะเวลาชวนคุยจะถามคำตอบคำตลอด พิมพ์ไลน์ไป ก็ตอบสั้นๆ หรือแบบอ่านแล้วไม่ตอบ โดยส่วนตัวเราว่าน้องชายเราก็ไม่ได้มีอคติกับครอบครัวนะ หรือเพราะเราคิดมากไป ไม่รู้ทำไมถึงทำตัวแบบนั้น เฮ้อ กลุ้มใจ อยากให้น้องคิดได้ แล้วเริ่มคิดถึงเป้าหมายในชีวิตต่อไป พี่น้องกัน ไม่สนิทกัน มันก็อาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถึงขั้นไม่ดูแลพ่อกับแม่ เรารู้สึกรับไม่ค่อยได้เรื่องนี้ พ่อแม่เราก็อายุเลข 6 กว่าๆแล้ว
พี่สาวเรากลายเป็นเสาหลักที่พาพ่อแม่เราไปสนุก ไปเที่ยว พาไปเปิดหู เปิดตา ตรงกันข้ามกับน้องชาย ที่ไม่เคยคิดจะทำให้ท่านมีความสุขเลย กลับกลายเป็นภาระให้พวกท่านต้องลำบากอีก
ขอจบการระบายเพียงเท่านี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ
น้องชาย ทำตัวเหมือนไม่รักครอบครัว
ก่อนอื่น ต้องบอกที่บ้านมีกัน 5 คน พ่อ แม่ ลูกสาว 2 คน และน้องชาย เป็นคนเล็กสุดของบ้าน สมัยเด็กๆ เราเล่นด้วยกัน คุยหยอกล้อกัน สนุกสนาน หัวเราะด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกันในบ้าน น้องชายเป็นคนคุยเก่ง ยิ้มง่าย ร่าเริง เราก็เป็นพี่น้องที่บางครั้งมีทะเลาะกันบ้าง ตามประสา แต่วันรุ่งขึ้นก็ลืม ตามสไตล์เด็กๆ ไม่คิดมาก
พอเริ่มมัธยม 2 ซึ่งอายุเริ่ม 13-14 ขวบ น้องชายเริ่มเป็นหนุ่มขึ้น มีความสุขุมมากขึ้น เริ่มเงียบ แต่ก็คุยเล่นกันปกติ จนมีเหตุการณ์ที่รุนแรงครั้งนึง (รายละเอียดนิดนึงนะคะ เพราะอันนี้เป็นจุดเปลี่ยน) คือ เรื่องแย่งกันเข้าห้องน้ำ พี่สาวปวดท้องหนัก ระหว่างทางกลับบ้าน รถติดมาก อั้นมาตลอด พอมาถึงบ้านกะจะเข้าห้องน้ำ น้องชายก็ชิงเข้าไปก่อน พี่สาวด้วยความที่ปวดมากก็โกรธ แต่พอน้องชายออกมา ทำหน้าทะเล้นใส่ เลยมีการตีกัน พี่สาวข่วนหน้าน้องชายเป็นรอยยาวเลือดออก ตอนนั้นแม่โกรธพี่สาวมาก พังประตูห้องน้ำ จะทำโทษ พอพี่สาวออกมา พ่อเลยใช้เข็มขัดฟาดที่ก้น เพื่อเป็นการลงโทษ การทะเลาะครั้งนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไม่เหมือนเดิมอีกเลย ไม่มีการเล่นกัน ถามคำตอบคำ ไม่มีการพูดคุยกันแบบแต่ก่อน
พอเวลาผ่านโรยไป ด้วยความเด็ก เราก็คิดว่า เด่วน้องชายเราก็ดีขึ้น เราก็พยายามทำตัวเป็นกลาง คุยกับน้อง พยายามเข้าหา แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง ก็จะสนิทกับพี่สาวมากกว่า เพราะนอนห้องเดียวกันด้วยตั้งแต่เด็ก กลับกลายเป็นว่า น้องชายไม่พูด ไม่ทัก เวลาอยู่กับครอบครัว กับเวลาอยู่กับเพื่อน ต่างกันอย่างกับคนละคน อยู่กับเพื่อนจะคุยเยอะ เล่นมุก แต่ครอบครัว ไม่พูด เก็บตัวอยู่บนห้อง เจอหน้าแค่ตอนกินข้าวเท่านั้น
น้องชายทำงานต่างประเทศ 2-3 ปี ไม่เคยโทรหาพ่อแม่เลย มีแต่พ่อกับแม่ต้องทักไลน์ไปหา ถึงจะตอบ กับพี่สาวทั้ง 2 คงไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยติดต่อ จนทุกวันนี้ น้องชายอายุ 30 ปี ยังเก็บตัวเงียบ งานบ้านไม่เคยช่วยพ่อแม่ กินข้าวเสร็จ จานตัวเองยังไม่ล้าง ไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากเล่นเกม ดูหนังที่ห้อง ทำงานที่ห้อง (WFH) แค่นั่น แล้วชอบมีอารมณ์ฉุนเฉียวกับครอบครัว คนที่น้องชายคุยเยอะที่สุดคงจะเป็นแม่เท่านั้น ในครอบครัว แต่ไม่ได้คุยอะไรมาก ถามคำ ตอบคำ
จริงๆไม่รู้นะ ว่าคิดมากรึป่าว ที่ว่าเหตุการณ์เรื่องแย่งห้องน้ำกันนั้น จะมีผลทำให้น้องชายกลายเป็นคนแบบนี้ แต่มีช่วงนึง เราไปเที่ยวกันกับญาติพี่น้อง น้องชายก็เงียบ ไม่พูด ไม่คุย ถามคำตอบคำ แบบรู้สึกเหมือนไม่รักครอบครัว ไม่มีความสัมพันธ์ร่วมกันเลย เวลาผ่านไป 15 ปี น้องชายไม่เคยแชร์อะไรให้ที่บ้านฟังเลย ทั้งเรื่องงาน เรื่องทุกอย่าง เก็บตัวเงียบ เหมือนอยู่คนเดียวบนโลก วันๆอยู่แต่ห้อง ตัวซีด แม่ต้องค่อยเรียกกินข้าว เวลาใช้ให้ทำอะไร ถึงจะทำ จะไม่เคยเสนอตัวมาช่วยอะไรทั้งนั้น ไม่มีน้ำใจ และเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านก็ไม่เคยช่วยออกนะ แต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไร จริงๆน้องชายเป็นคนที่ได้เงินเดือนเยอะที่สุดในบ้าน ทั้งหน้าที่การงาน เคยให้เงินพ่อแม่ใช้ทุกเดือน ให้อยู่ 2 ปี แต่ก็ไม่ได้ให้มา 3 ปีแล้ว แล้วไม่ได้ให้อีกเลย
เราแค่รู้สึกว่าทำไมน้องชายถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ ฟังจากพี่สาว ฟังจากพ่อเล่าให้ฟัง รู้สึกผู้ชายอายุ 30 น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว คิดถึงอนาคต ตั้งตัว อย่างน้อยทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบให้มากขึ้น เพราะเราตอนอายุ 30 ปี เรามีครอบครัว ซื้อบ้าน มองอนาคตว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร พ่อเราก็เงียบ คือพ่อเล่าความรู้สึกให้ฟังว่า ลูกคนเล็กโตมากแล้ว น่าจะคิดอะไรได้บ้าง พ่อเคยพูดเตือนสติเรื่องเล่นเกม อย่านอนดึก และรักษาสุขภาพ แต่ก็เหมือนหูทวนลม แม่ซึ่งเป็นคนที่โอ้น้องชายเรามาก เพราะลูกคนเล็ก ยังทำตัวเหมือนน้องชายเราอายุ ไม่ถึง 20 ปี ต้องหาอาหาร ทำกับข้าว ต้องคอยไปเรียกลงมากินข้าวทุกครั้ง ทุกมื้อ แม่เราซักผ้าให้ตลอด ตากผ้า ทำทุกอย่างให้น้องชาย เราไม่ได้อิจฉานะ เพราะเราเคยเป็นคนช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านทุกอย่างมาก่อน แต่เราแยกครอบครัวออกมา อยู่ไกล ตอนนี้แม่กับพ่อเราทำกัน และพี่สาวมาทำบ้าง บางครั้งที่กลับบ้าน
จากที่เล่ามาก็ทั้งหมด เป็นสิ่งที่เราคิดว่า เราไปทำอะไรให้น้องชายเป็นแบบนั้น ครอบครัวหนักใจ แต่ก็ได้แต่ปล่อยผ่าน ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่เคยมีใครเข้าไปคุยจริงจัง เพราะด้วยความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน เลยไม่มีใครเข้าไปคุยกับน้องชาย และคิดว่าน้องชายก็ไม่อยากคุยด้วย เพราะเวลาชวนคุยจะถามคำตอบคำตลอด พิมพ์ไลน์ไป ก็ตอบสั้นๆ หรือแบบอ่านแล้วไม่ตอบ โดยส่วนตัวเราว่าน้องชายเราก็ไม่ได้มีอคติกับครอบครัวนะ หรือเพราะเราคิดมากไป ไม่รู้ทำไมถึงทำตัวแบบนั้น เฮ้อ กลุ้มใจ อยากให้น้องคิดได้ แล้วเริ่มคิดถึงเป้าหมายในชีวิตต่อไป พี่น้องกัน ไม่สนิทกัน มันก็อาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่ถึงขั้นไม่ดูแลพ่อกับแม่ เรารู้สึกรับไม่ค่อยได้เรื่องนี้ พ่อแม่เราก็อายุเลข 6 กว่าๆแล้ว
พี่สาวเรากลายเป็นเสาหลักที่พาพ่อแม่เราไปสนุก ไปเที่ยว พาไปเปิดหู เปิดตา ตรงกันข้ามกับน้องชาย ที่ไม่เคยคิดจะทำให้ท่านมีความสุขเลย กลับกลายเป็นภาระให้พวกท่านต้องลำบากอีก
ขอจบการระบายเพียงเท่านี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ